ดร.โสภณ ค้านทุกเรื่อง (ที่ประชาชนเสียหาย)
มีบางคนตั้งคำถามว่า เห็น ดร.โสภณ ค้านทุกเรื่อง จริงๆ ไม่ใช่เป็นเช่นนั้น ที่เห็นด้วยกับเรื่อง (ดีๆ) ก็มีมากมาย จะสังเกตได้อย่างหนึ่งว่า เรื่องที่ค้านคือเรื่องที่ทำร้ายผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่ต่างหาก
มาบตาพุดต้องขยายอุตสาหกรรม (28 พฤษภาคม 2555: http://bit.ly/1NhNLqH) ประชากรในพื้นที่ 65.3% เห็นควรให้มีการขยายตัวของอุตสาหกรรมในพื้นที่ต่อไป . . . ประชาชนที่อยู่บริเวณใกล้พื้นที่อุตสาหกรรมยินดีที่จะย้าย ทั้งนี้เพราะส่วนหนึ่งเป็นผู้เช่าซึ่งย้ายที่อยู่อาศัยได้ง่าย ส่วนหนึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินที่ย้ายออกไปแล้ว จากการสังเกตยังพบว่า เจ้าของบ้าน เจ้าของที่ดินเพื่อการเกษตรกรรมหรือที่ดินชายหาดที่ตั้งอยู่ติดเขตอุตสาหกรรมจำนวนมาก ไม่ได้อยู่อาศัยในพื้นที่มาก่อนหน้านี้หลายปีแล้ว ส่วนหนึ่งย้ายออกไปซื้อบ้านและที่ดินที่อยู่ห่างไกลออกไป นอกจากนี้ระบบการคมนาคมขนส่งในมาบตาพุดก็สะดวก การย้ายห่างออกไปอีกประมาณ 10-20 กิโลเมตร ให้พ้นจากพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบจากมลพิษ น่าจะมีความเป็นไปได้สูง โดยเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางเพิ่มขึ้นไม่มากนัก และค่าใช้จ่ายเหล่านี้ยังสามารถคำนวณเป็นค่าชดเชยให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างเป็นธรรมได้อีกด้วย
ที่รถไฟมักกะสัน อย่าเอาไปทำสวน (24 มิถุนายน 2556: http://bit.ly/1hMYH49) กรณีนี้ไม่ใช่ว่าไม่ต้องการให้มีสวนสาธารณะ แต่การนำไปทำสวนนี้ไม่คุ้มค่าทางเศรษฐกิจ ทำลายประโยชน์ของประชาชน คนที่ได้มีคนไม่มาก รวมทั้งพวกเจ้าของที่ดินรายล้อมพื้นที่ทำสวนสาธารณะเท่านั้น ควรที่จะนำไปพัฒนาเชิงพาณิชย์เช่นที่ทำกันในกรณี KL Sentral (กัมลาลัมเปอร์) หรืออื่น ๆ การนำไปทำสวนสาธารณะเป็นแค่เรื่องดรามา ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
เขื่อนแม่วงก์ต้องสร้าง (3 ตุลาคม 2556: http://bit.ly/1Ti1QZ0) ที่ผ่านมา กลุ่มฯ ได้ทำการสำรวจความเห็นของประชาชนมาก่อน โดยครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ผลการสำรวจในครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคม 2556 มีผู้เห็นด้วย 69% ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2557 มีผู้เห็นด้วยเพิ่มขึ้นเป็น 71% และล่าสุดเมื่อเดือนมกราคม 2559 มีผู้เห็นด้วยเพิ่มขึ้นเป็น 79% การนี้ชี้ให้เห็นว่าประชาชนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ตรงเพิ่มขึ้น จนสามารถสรุปความต้องการเขื่อนแม่วงก์ได้อย่างชัดเจน
สะพานเลียบเจ้าพระยา (21 กรกฎาคม 2557: http://bit.ly/2dssSg5) การก่อสร้างที่ทางราชการเสนอนั้น ได้ไม่คุ้มเสีย คงมีผู้มาใช้บริการน้อยมาก ประมาณ 3,000 คนต่อวัน ทำอย่างอื่นน่าจะดีกว่า เช่น ทำถนนขนาดใหญ่เพื่อระบายการจราจรเช่นกรุงโซลหรือนครโฮจิมินห์ซิตี้ ทำท่าถ่ายรูป เช่น ที่ฮ่องกง (Avenue of Stars) ทำกระเช้าไฟฟ้าเช่นกรุงลอนดอน ฯลฯ มีทางเลือกอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมายที่จะสามารถดำเนินการได้
กระเช้าภูกระดึง ชาวบ้านต้องการ (3 มีนาคม 2559: http://bit.ly/1povC3l) ประชาชนถึงประมาณ 97% ต้องการให้มีการสร้างกระเช้าไฟฟ้า การที่ประชาชนในพื้นที่แทบทั้งหมดต้องการให้มีการก่อสร้างกระเช้าไฟฟ้านี้ แสดงถึงมติมหาชนที่พึงเคารพ และเป็นการแสดงถึงภูมิปัญญาของประชาชนที่ผ่านการเรียนรู้มาด้วยตนเองว่ากระเช้าไฟฟ้านี้มีประโยชน์จริง ไม่เฉพาะแก่ประชาชนในพื้นที่ แต่มีประโยชน์ต่อประชาชนทั้งประเทศที่มาใช้บริการ ส่งเสริมการท่องเที่ยว ทำให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ สร้างรายได้ให้กับทางราชการในการนำเงินมาอนุรักษ์ธรรมชาติและป่าไม้จนก่อให้เกิดการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน ความต้องการของประชาชนภูกระดึงนี้จึงไม่ใช่การครอบครองทรัพยากรของชาติไปใช้เพื่อประโยชน์ของกลุ่มตนถ่ายเดียว
เหมืองทองพิจิตร ต้องเปิดต่อ (30 พฤษภาคม 2559: http://bit.ly/1slFPir) จากผลการศึกษาของศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย ร่วมกับคณะนักศึกษาจากวิทยาลัยชุมชนพิจิตร วิทยาเขตทับคล้อ พบว่า ประชาชนถึงสี่ในห้า (78%) ต้องการให้เหมืองเปิดดำเนินการต่อไป แม้ไม่นับรวมผู้ที่ทำงานกับเหมืองหรือที่เกี่ยวข้อง ก็ยังมีผู้อยากให้เหมืองดำรงอยู่สูงถึง 75% อาจกล่าวได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในแทบทุกหมู่บ้านต่างเห็นด้วยกับการให้มีเหมืองทองคำต่อไป และจากการเก็บข้อมูลเพิ่มเติม พบว่าข้าว ผัก น้ำในบริเวณใกล้เคียงล้วนดื่มกินได้ ไม่มีมลพิษ ไม่มีใครเสียชีวิตเพราะเหมืองแม้แต่รายเดียว
ป้อมมหากาฬ ต้องย้ายชาวบ้าน (8 สิงหาคม 2559: http://bit.ly/2b3YYfR) ประเทศไทยจะปล่อยให้คนไม่กี่ครัวเรือนมาอยู่ที่ที่ดินป้อมมหากาฬไม่ได้ จะเอาไปใช้เพื่อประโยชน์ตนเองไม่ได้ ทำให้ประชาชนส่วนรวมเสียหาย เท่ากับปีละ 19 ล้านบาทที่ปล่อยให้บุกรุกเช่นนี้ พวกนี้ ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดิน เจ้าของที่ดินแทบทั้งหมดโอนให้ กทม.แล้ว เจ้าของบ้านทรงไทยจะรื้อแต่ชาวบ้านที่บุกรุกไม่ให้รื้อ แถมสร้างเรื่องดรามาว่า มีบ้าน ดร.ป๋วย มีโรงลิเก ซึ่งล้วนเป็นการ "ปั้นน้ำเป็นตัว" ทั้งสิ้น การอยู่อาศัยขวางความเจริญของสาธารณชนเช่นนี้ ทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เสียหาย ต้องไปด่วน
ทั้งหมดข้างต้นนี้เป็นตัวอย่างของกรณีศึกษาที่ ดร.โสภณ นำเสนอต่อสังคม เพื่อไม่ให้ใครลวงให้สังคมสับสน กลับขาวเป็นดำ คนทำลายประโยชน์ของประชาชนส่วนรวม ควรได้รับการเปิดโปง เราควรทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน (โดย "ไม่เกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม") ดร.โสภณ กล่าว
ที่มา: http://area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1656.htm