คนป้อมมหากาฬ ย้ายเถอะ มีที่รองรับมากมาย
คนที่บุกรุกอยู่ที่ป้อมมหากาฬ ควรรื้อย้ายไปที่อื่นได้แล้ว ดร.โสภณ ลงทุนสำรวจให้เห็นว่ามีที่ให้ไปมากมาย ไม่ไกลแถวบ้านเดิม อย่าอยู่ตรงนั้นเลย ทำให้ส่วนรวมเสียหายปีละ 19 ล้านบาท ควรละอายแก่ใจ
ในวันพุธที่ 5 ตุลาคม 2559 ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ได้เดินสำรวจบริเวณใกล้เคียงที่ตั้งป้อมมหากาฬ ยังมีพื้นที่รองรับการอยู่อาศัยของชาวบ้านที่บุกรุกอยู่ที่ป้อมมหากาฬมากมาย และแท้ที่จริงแล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เรียกร้อง ก็เป็นคนนอก ไม่ใช่ชาวชุมชน ชาวชุมชนเองจำนวนมากก็ไม่ได้อยู่อาศัยในชุมชน แม้แต่ผู้นำชุมชนเอง ก็คงไม่ได้อยู่ในป้อมมหากาฬในเวลากลางคืน เพราะมีบ้านอยู่นอกชุมชน
1. บ้านอิ่มใจของกรุงเทพมหานคร ซึ่งได้ใช้ที่ตั้งของการประปานครหลวงเดิม ที่สี่แยกแม้นศรี มีอาคารและห้องว่างมากมายสามารถรองรับให้ชาวชุมชนไปอยู่ได้ชั่วคราว แต่ชาวชุมชนอาจต้องแจ้งความจำนงว่าจะ "จน" ต่อไปอีกกี่เดือน หรือกี่ปี จะอาศัยต่อไปหลายชั่วรุ่นโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย คงไม่ได้
2. ชุมชนบ้านบาตร ตึกแถว 2 ชั้น อายุ 50 ปี ขนาดประมาณ 80 ตารางเมตร ค่าเช่าคูหาละ 15,000 บาทต่อเดือน
3. ร้านเสริมสวยติดถนนบำรุงเมือง อายุ 70 ปี ตรงข้ามวิทยาลัยสารพัดช่างพระนคร ค่าเช่าเฉพาะชั้นล่าง 8,000 บาทต่อเดือน สามารถจอดรถได้ภายในตัวบ้าน
4. ตึกแถว 3 ชั้น อายุ 50 ปี ขนาดประมาณ 120 ตารางเมตร ณ ชุมชนวัดสระเกศ ค่าเช่าคูหาละ 22,000 บาท
5. ตึกแถว 3 ชั้น อายุ 50 ปี แต่ทำเป็นห้องแบ่งเช่า ขนาด 4x6 เมตรโดยประมาณ ค่าเช่าห้องละ 2,800 บาท
6. ตึกแถว 2 ชั้น อายุ 50 ปี แบ่งเป็นห้องเช่าเล็ก ๆ ขนาด 4x4 เมตรโดยประมาณ ค่าเช่าห้องละ 1,800-2,000 บาท
7. ตึกแถว 4 ชั้น อายุ 35 ปี พร้อมดาดฟ้าชั้น 5 จำนวน 4 คูหา ทำเป็นห้องเช่าขนาด 4x6 เมตร ค่าเช่าเป็นเงินห้องละ 4,100 บาท (ถ้ามีแอร์ จะแพงกว่านี้)
8. ตึกแถวเก่า 2 ชั้น อายุ 50 ปี ขนาด 62 ตารางเมตร ให้เช่าคูหาละ 7,000 บาท
9. ที่ดินเปล่าขนาด 50 ตารางวา หลังวัดราชนัดดา เป็นที่ดินของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ตั้งอยู่ในชุมชนวัดราชนัดดา น่าจะสามารถเช่ามาปลูกบ้านได้
10. ห้องแถว 2 ชั้น ขนาด 50 ตารางเมตร อายุอาคาร 50 ปี ให้เช่า 4,100 บาท ใช้เป็นที่อยู่อาศัย
11. บ้านเลขที่ 53 ที่ดินหลังวัดเทพธิดาราม ขนาด 172 ตารางวา พร้อมบ้านโบราณ 1 หลัง (อายุ 100 ปี) ราคาขาย 3.5 ล้านบาท หรือตารางวาละ 20,350 บาท
12. ตึกแถว 3 ชั้น ซอยสำราญราษฎร์ คูหาละ 10,000 บาท
13. ตลาดประตูผี ร้างอยู่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ น่าจะขอเช่าได้
จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่ายังมีสถานที่ ๆ พอจะให้ชาวชุมชนเหล่านี้ไปอยู่อาศัยได้ชั่วคราว โดยกรุงเทพมหานครอาจช่วยรับภาระในส่วนนี้ แล้วนำที่ดินมาพัฒนาเป็นสวนสาธารณะ และอำนวยประโยชน์ต่อประชาชนโดยรวม ไม่ใช่ให้ใครไปครอบครองไปใช้สอยสวนตัว
ในกรณีที่นำที่ดินที่เวนคืนและซื้อจากเจ้าของที่ดินเดิมไปทำสวนสาธารณะ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประเมินไว้ว่าหากเทียบกับสวนสันติชัยปราการ (http://bit.ly/2cxLiOt) บริเวณป้อมพระสุเมรุ ซึ่งเป็นสวนสาธารณะระดับชุมชนเมือง บนพื้นที่ประมาณ 8 ไร่เศษ สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลสมัย เฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบของในหลวง เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 โดยภายในบริเวณสวนมี พระที่นั่งสันติชัยปราการ ที่มีตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติมาประดับไว้ พร้อมกับท่ารับเสด็จขึ้นลงเรือพระที่นั่ง เพื่อน้อมเกล้าฯ ถวายเป็นที่จัดพระราชประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับแม่น้ำเจ้าพระยา
ในการวิเคราะห์มูลค่า ตั้งอยู่บนสมมติฐานและตัวเลขดังนี้:
1. สวนสันติชัยปราการนี้มีผู้เข้าใช้สอยวันละ 2,000 ราย (http://bit.ly/2cMpblp) ดังนั้นจึงสมมติให้ในกรณีสวนสาธารณะ "ป้อมมหากาฬ" ซึ่งมีขนาด 6 ไร่เศษ น่าจะมีผู้เข้าใช้สอยในขนาดใกล้เคียงกัน แต่ลดลงไปสัก 20% เหลือ 1,600 คน เพราะในบริเวณนี้รายล้อมด้วยสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงมากมายเช่นกัน
2. ในกรณีไม่มีสวนสาธารณะนี้ อาจจัดให้ไปใช้บริการสถานออกกำลังกาย Fitness First ซึ่งเสียเงินเดือนละ 2,400 บาท หรือวันละ 80 บาท อย่างไรก็ตามสถานออกกำลังกายนี้มีเครื่องออกกำลังกายมากมาย แต่ในกรณีป้อมมหากาฬ ไม่มีบริการส่วนนี้ แต่มีแหล่งที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ในกรณีอาจให้ค่าใช้จ่ายลดลง 30% และมีต้นทุนการดำเนินการอีก 30% รวม ค่าใช้จ่ายสุทธิคนละ 32 บาทต่อวัน (80% x (1-60%))
3. ดังนั้นในกรณีคนมาใช้วันละ 1,600 คน ณ ค่าใช้จ่ายหรือรายได้คนละ 32 บาทต่อวัน ก็เท่ากับวันละ 51,200 บาท หรือปีละ 18.69 ล้านบาท หากถูกผู้บุกรุกครอบครองไปใช้อีก 10 ปี ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ก็เท่ากับว่าส่วนรวมต้องสูญเงินไป 144.32 ล้านบาท ตามสูตร (1-(1/(1+i)n))/i โดยที่ i คืออัตราดอกเบี้ย 5% ส่วน n คือระยะเวลา 10 ปีนั่นเอง
4. นี่ยังไม่รวมรายได้ที่จะได้จากการให้มีการเช่าที่ขายของเพื่อหารายได้มาบำรุงและพัฒนาสาธารณูปโภค และเผื่อมีส่วนเหลือไปใช้ในการพัฒนาท้องถิ่นให้เจริญเพื่อประโยชน์ของประชาชนและส่วนรวมในวันหน้า
ดังนั้นหากสามารถทำให้เป็นสวนสาธารณะได้ ส่วนรวมจะได้เงินปีละ 19 ล้านบาท ถ้าชาวชุมชนอยากเช่าที่นี้ไปอยู่อาศัย จำนวน 13 ครัวเรือน ก็คงเป็นเงินครัวเรือนละ 1.46 ล้านบาทต่อปี หาไม่ก็ควรย้ายไปเช่าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงเพราะมีราคาไม่แพง และอันที่จริงบางครอบครัวก็ซื้อบ้านที่อื่นไว้แล้ว ผู้นำชุมชนบางท่านก็อาจไม่ได้อยู่ในชุมชน เป็นต้น
เงิน 19 ล้านบาทที่คำนวณได้ข้างต้นคือความสูญเสียของประชาชนที่ถูกชาวชุมชนป้อมมหากาฬถือเอาสมบัติของส่วนรวมไปใช้ส่วนตัวอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ที่มา: http://area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1628.htm
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
เลขเด็ด "หวยไทยรัฐ" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68 มาแล้ว!..รีบส่องเลย ก่อนหมดแผง!!
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ


