ป้อมมหากาฬอย่าอนุรักษ์แบบผิดๆ มาดูโลกภายนอกบ้าง
กรณีผู้บุกรุกอยู่อาศัยจำนวนหนึ่งไม่ยอมย้ายออกจากพื้นที่ก่อสร้างสวนสาธารณะและอนุรักษ์โบราณสถานป้อมมหากาฬ โดยอ้างเหตุผลอนุรักษ์ วันนี้ ดร.โสภณ มาไขให้ฟังถึงการอนุรักษ์เชิงสร้างสรรค์
ที่ผ่านมาผู้บุกรุกอยู่อาศัยหลายรายอ้างเหตุผลการบุกรุกที่เป็นเท็จต่าง ๆ นานา เช่น อ้างว่า ดร.ป๋วยเคยอยู่บ้านไม้หลังหนึ่ง ทั้งที่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวจะรื้อตามที่ได้รับค่าเวนคืนจาก กทม. แล้ว แต่ "คนพาล" ในพื้นที่กลับไม่ยอมให้รื้อ (http://bit.ly/2bQJAap) หรืออ้างว่ามีวิกลิเกโบราณทั้งที่ที่ตั้งแห่งแรกอยู่บ้านหม้อ ไม่ใช่ที่ดังกล่าว และบริเวณที่อ้างว่าเป็นที่ตั้งก็กลับมีบ้านสร้างอยู่ แสดงว่าคนในพื้นที่เองก็ไม่เคยตระหนักถึงเรื่องนี้ จนกว่าจะยกขึ้นมาอ้างเพื่อต่อต้านการรื้อย้ายที่เป็นธรรม (http://bit.ly/2cHoAAQ)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ขอยกตัวอย่างการอนุรักษ์ในต่างประเทศที่ไมได้กระทำอย่างมืดบอดเช่นในกรณีประเทศไทยดังนี้:
1. อาคารโบราณใกล้พระราชวังอิมพีเรียล กรุงโตเกียว อาคารนี้สร้างมานาน มีสถาปัตยกรรมในสมัยก่อน ถือได้ว่ามีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตามโดยที่ที่ดินใจกลางเมืองมีราคาแพงมาก ดังนั้นจึงอนุรักษ์อาคารเดิมไว้ แต่สร้างอาคารใหม่คร่อมอยู่บนอาคารเดิม เพื่อที่จะใช้สอยที่ดินที่แสนแพงในใจกลางกรุงโตเกียวให้ได้ประโยชน์สูงสุดนั่นเอง
2. สถานีรถไฟโอซากา นครโอซากา ในปัจจุบันรถไฟต่าง ๆ ลงใต้ดินกันแทบหมดแล้ว สถานีรถไฟบนดินขนาดใหญ่ใจกลางกรุงโอซากาจึงไม่ได้ใช้งานอีกต่อไป ถ้าเป็นในประเทศไทย ก็คงมีเสียงเรียกร้องให้นำไปทำพื้นที่สีเขียว แต่ในกรณีนี้ เขาจะพัฒนาเป็นเชิงพาณิชย์ เพราะในใจกลางเมืองพื้นที่มีจำกัด จำเป็นต้องพัฒนาเชิงพาณิชย์ จะได้ไม่รุกออกนอกเมือง ส่วนใครจะได้พื้นที่สีเขียวก็สามารถไปสูดอากาศนอกเมือง หรือสร้างเป็นสวนเล็ก ๆ เป็นอาคารเขียว เพื่อลดมลภาวะ เป็นต้น
3. สร้างอาคารคร่อมอาคารเก่า นครโตรอนโต ปรากฏการณ์นี้ก็คล้ายกับที่ญี่ปุ่น เขาไม่ยอมให้ "คนตายขายคนเป็น" จึงสร้างอาคารคร่อมอาคารอนุรักษ์เดิมไว้ นอกจากนั้นภายในอาคารก็นำมาพัฒนาในเชิงพาณิชย์ ดูคล้ายเหลือแค่เปลือกภายนอกที่เหมือนเดิมไว้เท่านั้น ไม่เฉพาะอาคารที่แสดงนี้ ในนครโตรอนโต มีการสร้างอาคารใหม่คร่อมอาคารใหม่หลายหลังด้วยกัน
การอนุรักษ์อาคารใด ๆ นั้นไม่ควรอนุรักษ์อย่างมืดบอด ต้องคำนึงถึงความเป็นจริงด้วย อย่างกรณีป้อมมหากาฬ หากให้มีการพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว และเป็นสวนสาธารณะสำหรับการพักผ่อนและออกกำลังกาย น่าจะมีผู้มาใช้สอยวันละ 1,600 คน ค่าใช้จ่ายสุทธิคนละ 32 บาทต่อวัน ก็เท่ากับวันละ 51,200 บาท หรือปีละ 18.69 ล้านบาท หากถูกผู้บุกรุกครอบครองไปใช้อีก 10 ปี ณ อัตราดอกเบี้ย 5% ก็เท่ากับว่าส่วนรวมต้องสูญเงินไป 144.32 ล้านบาท ตามสูตร (1-(1/(1+i)n))/i โดยที่ i คืออัตราดอกเบี้ย 5% ส่วน n คือระยะเวลา 10 ปีนั่นเอง
การจะให้ใครมาครอบครอง อ้างโบราณสถาน (วิกลิเก) ที่ไม่มีอยู่จริง และอ้างบ้านไม้โบราณที่เจ้าของจะรื้อแต่พวกคนครอบครองไม่ให้รื้อเพื่อหาเหตุไม่ยอมย้ายนั้น เป็นสิ่งที่ไร้เหตุผลจริง ๆ และกลับทำให้สังคมต้องสูญเสียปีละเกือบ 20 ล้าน เช่นนี้จึงเป็นสิ่งที่ไม่สมควร และพึงละอาย
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1610.htm
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ซาอุฯ สั่ง "มันอัดเม็ดไทย" เพิ่ม 30,000 ตัน! เกษตรกรเฮลั่น
นี่คือสิ่งมีชีวิตที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก Redwood และ Sequoia
เฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับของจีน ทดสอบบินและยิงกระสุนจริงครั้งแรกแล้ว
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ


