หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

หนุ่มทโมนเที่ยวทมิฬ บทที่ 3

เนื้อหาโดย dejaboo

ลิงค์บทที่ 2 https://board.postjung.com/988996.html

“หนุ่มทโมนเที่ยวทมิฬ  ฟินสุดๆกับอินเดียใต้”

เรื่อง/ภาพ โดย เดชา เวชชพิพัฒน์

บทที่ 3

        ที่ผ่านมาผมพาคุณผู้อ่านเที่ยวรอบนอกมมัลลปุรัมก่อนครับ เพื่อเป็นการอุ่นเครื่องให้คุ้นกับงานแกะสลักหินเป็นเทวาลัย เพื่อการเที่ยวชม “สวนเทวาลัย” อย่างเพลิดเพลินเจริญความรู้

        ก่อนเข้าเรื่อง ขอพูดถึงเรื่องที่สำคัญที่สุดในชีวิตก่อน

        เรื่องกินไงครับ ขอบอกคุณผู้อ่านว่ามาเที่ยวอินเดียใต้ ถ้าเห็นร้านอาหารหน้าตาดูไม่ค่อยน่ากินหรือดูไม่ค่อยสะอาดละก็ อย่านะครับ อย่ามองข้ามนะครับ ขอบอกว่าอร่อยระดับติดดาวฝีมือไม่แพ้ร้านเด็ดในบ้านเรา เมื่อวานหลังเที่ยวเสร็จแล้วบาบาพากลับมาส่งในเมืองก็เดินหาร้านอาหารเองจนเจอร้านหนึ่ง สั่งข้าวผัดไก่ทอด อร่อยระดับลิ้นสั่น 9.9 ริกเตอร์เชียวล่ะ

ข้าวผัดไก่ทอด ของหากินยากในดินแดนที่ชาวทมิฬส่วนใหญ่เป็นมังสวิรัติ ยิ่งเป็นเมืองที่มีวัดใหญ่วัดสำคัญอย่าง ติรุวัณณมไล ยิ่งหาเนื้อสัตว์กินยากครับ พวกเราๆที่คุ้นกับการใช้โปรตีนจากเนื้อสัตว์สร้างพลังงานอาจหงุดหงิดเล็กน้อย ช่วงแรกๆอาจไม่เป็น แต่พอกินอาหารที่เน้นคาร์โบไฮเดรตได้ไม่กี่วันจะเริ่มรู้สึกไม่มีแรง ยิ่งเที่ยวลุยใช้แรงเยอะอย่างผมยิ่งรู้สึก หลายวันที่ไม่มีข้าวเช้าตกถึงท้องแต่ความงกเที่ยวบังคับให้เที่ยวจนถึงค่ำก็มี บางเมืองหาเนื้อสัตว์กินไม่ได้จนอยากตั้งชื่องานเขียนชิ้นนี้ว่า “ทริปตามล่าหาโปรตีน” (เวลาอ่านกรุณาอย่าตกคำว่า โปร)

คนซ้ายมือสุดเป็นพ่อครัว ทำข้าวผัดไก่ทอดได้อร่อยอย่างยิ่ง ข้าวเรียงเม็ด ไม่มันไปไม่แห้งไป รสชาติกลมกล่อม

        กินมื้อเย็นสุดอร่อยแล้วผมกลับไปนอนรับลมทะเลอย่างมีความสุข ก่อนตื่นเช้ามาเที่ยว “สวนเทวาลัย” ซึ่งอยู่ไม่ไกลเลย อยู่หน้าสถานีรถประจำทางนั่นเอง ไม่ต้องถามทางใครด้วย เดินไปถึงก็เห็นเองครับ เพราะสวนนี้เป็นพระเอกของ มมัลลปุรัม ตั้งอยู่กลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยตึกเตี้ยๆ จึงโดดเด่นเป็นสง่า ภายในสวนเต็มไปด้วยเทวาลัยที่แกะจากหินก้อนโต เดินตั้งแต่เช้าจนบ่ายก็ไม่เบื่อครับ (สำหรับคนที่ชอบของแบบนี้นะ คนที่ไม่ชอบอาจบ่นว่าทัวร์ดินทัวร์หิน)

        สวนเทวาลัยมีจุดให้เที่ยวชม 13 จุด Lucky Number พอดีเลย จุดแรกอยู่ด้านหน้าติดถนนใหญ่ ขณะยืนชมหรือถ่ายรูประวังรถด้วยครับ วิ่งไปวิ่งมาราวกับเป็นถนนปกติ ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยว

จุดแรก Arjuna’s Penance หรือ อรชุนบำเพ็ญตบะ

Penance แปลว่า ตบะ การสำนึกผิด การปลงอาบัติ การบำเพ็ญทุกรกิริยา การสำนึกบาป  และ การบำเพ็ญทุกรกิริยาเพื่อไถ่บาป รูปแกะสลักนูนบาง (Bas Relief) ขนาด 25 x 12 เมตรนี้ทำขึ้นในศตวรรษที่เจ็ด เป็นการแกะบนหินแกรนิตก้อนใหญ่ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนวาฬ ส่วนจะเกี่ยวดองอะไรกับวาฬอาฆาตอย่างเจ้า “โมบิดิก” หรือไม่อย่างไรนั้น ผู้เขียนไม่ทราบ ทราบแต่ว่าหินก้อนนี้ “ว้าฬวาฬ” คือเหมือนวาฬจริงๆ ถึงขนาดคิดว่าถ้าเห็นหินขยับแล้วดิ้นลงไปที่มหาสมุทรอินเดียว่ายน้ำหนีไปต่อหน้าก็จะไม่แปลกใจเลย

รูปสลักนูนบางนี้แบ่งเป็นสองชั้น ชั้นบนเป็นสวรรค์ที่อยู่ของเทพทั้งหลาย ชั้นล่างแบ่งเป็นสองฝั่ง ซ้ายมือมีเหล่าเทวดา ขวามือมีสิงห์สาราสัตว์ เห็นชัดๆคือช้าง ตรงกลางเป็นร่องน้ำที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่ถูกสมมุติให้เป็นแม่น้ำคงคาที่ไหลลงมาจากสวรรค์ จึงแกะสลักให้มีพญานาคราชและนาคินี เหล่าเทวดาและสัตว์ล้วนมุ่งหน้ามาที่แม่น้ำนี้ ว่าแต่อรชุนอยู่ไหนล่ะ อยู่ข้างๆรูปสลักพระศิวะไงครับ รูปร่างผอมกะหร่อง เครายาว ผมยาวรุงรัง ยกสองแขนชูเหนือหัวเป็นรูปวงกลม มองภาพถ่ายข้างล่างดีๆ จะเห็น อาจจะหายากหน่อย นึกเสียว่าเป็นการบำเพ็ญ   ทุกรกิริยาก็แล้วกัน อิอิ

อีกมุมหนึ่งของ Arjuna’s Penance

นาคินี

ใครหา อรชุน ไม่เจอดูภาพนี้ก็ได้ครับ ยืนอยู่ขวามือสุด มีพระศิวะยืนกำกับอยู่ข้างๆ ทำนองสอนว่าให้บำเพ็ญตบะตนแบบนี้นะ (ที่ถูกต้องคือพระศิวะประทานอาวุธปาศุปัตให้แก่อรชุน) นอกนั้นก็เป็นบรรดาผู้เข้าชมทั้งหลาย มีทั้งเทพและสัตว์

ช่างแกะสลักหินชาวปัลลวะคงรักสัตว์น่าดู นอกจากสัตว์ใหญ่อย่างช้าง สิงโตแล้ว ยังอุตส่าห์นึกถึงลิงอีกด้วย แถมแกะเป็นรูปลิงหาเห็บให้กันอีกด้วย

        จุดท่องเที่ยวที่สองอยู่ติดกับ Arjuna’s Penance คือ Pancha Paandava Cave ที่เห็นเสาหินเรียงกันอยู่ซ้ายมือ

เทวาลัยแห่งนี้โดดเด่นแต่เพียงภายนอกครับ นั่นคือเสาที่มีฐานเป็นรูปสิงโต ส่วนภายในไม่มีรูปสลักที่ผนังแต่อย่างใด แย่ยิ่งกว่านั้น ผมเห็นเด็กคนหนึ่งยืนฉี่อยู่ที่ภายในสุดของถ้ำด้วยครับ เฮ้อ เรื่องอึเรื่องฉี่ไม่เลือกที่ของคนอินเดีย ขอย้ำว่าคนอินเดียนะครับไม่ใช่แค่ชาวทมิฬนาฑู ดูเหมือนจะเป็นเรื่องแก้ไขยาก ผมเคยมาเที่ยวอินเดียเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว ปัจจุบันก็เหมือนเดิม แถมครั้งนี้ซวยกว่าครั้งไหนๆ เจอกรณีอุบาทว์ที่สุดในชีวิตด้วยครับ เหตุเกิดหลังเดินทางออกจากมมัลลปุรัมได้ไม่นาน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง

        จุดท่องเที่ยวที่สามอยู่ข้างๆ ถัดไปทางซ้ายมืออีก นั่นคือ Krishna Mandapam หรือ เทวาลัยพระศิวะ ซึ่งภายนอกดูเรียบง่าย แต่ผนังทั้งสามด้านที่อยู่ภายในเต็มไปด้วยรูปสลักงดงามที่แสดงอิทธิฤทธิ์ของพระศิวะคือการยกภูเขา Govardhana ด้วยมือซ้าย ตำนานเล่าว่าพระศิวะยกภูเขาลูกนี้เพื่อใช้กำบังฝนที่ตกหนักให้แก่ผู้คนและสัตว์ต่างๆ ยกภูเขาใช้แทนร่มไงครับ ด้านข้างพระศิวะจึงมีทั้งเทพ คนเลี้ยงวัว วัว และสัตว์ใหญ่น้อย

        คำว่า Mandapam แปลว่าวิหารเสาหน้าวัด เรานำมาใช้ว่า มณฑป หากใช้คำนี้อาจทำให้คุณผู้อ่านนึกถึงภาพ มณฑป ของเรา ซึ่งรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกันเลย ผมจึงขอใช้คำกลางๆ เรียกสถานที่ในสวนแห่งนี้ว่า เทวาลัย ที่คนอินเดียเรียกว่า “ฑราวิทศิขระ”

พระศิวะยกภูเขาด้วยมือซ้าย

อีกมุมหนึ่งใน Krishna Mandapam ที่แสดงกิจกรรมในชีวิตประจำวันของชาวบ้าน ... รีดนมวัว

นับถือใจช่างชาวปัลลวะจริงๆ แกะหินเป็นโคนนทิขนาดเท่าโคจริง

หัวเสาใน Krishna Mandapam หนึ่งต้นมีสี่ด้าน แต่ละด้านก็มีหนึ่งแบบ ดูกันเพลินเชียวครับ ผมนั่งยองถ่ายรูปหัวเสาได้ไม่หมดเพราะสังขารไม่อำนวย ถ่ายรูปได้ไม่กี่รูปก็ปวดหัวเข่า จึงบอกตัวเองให้ถนอมร่างกายไว้เที่ยวอีกสิบกว่าวัน

        จุดท่องเที่ยวต่อไปเป็นจุดที่สี่ จุดนี้ต้องเดินกลับมาจุดที่หนึ่งก่อนครับ แล้วเดินตรงไปตามรั้วของ “สวนเทวาลัย” เพียงนิดเดียวก็จะเห็นหินกลมก้อนโตอยู่บนลานหินกว้างราวกับใครนำมาวางไว้ ด้วยเหตุนี้จึงได้ชื่อว่า “ก้อนเนยของพระกฤษณะ” (Krishna’s Butterball) ซึ่งมีตำนานเล่าว่าตอนเป็นเด็กท่านชอบขโมยวัวชาวบ้านมาดื่มนม เมื่อนึกถึงนมถึงเนยก็เลยนึกถึงท่าน ยกหินก้อนนี้ให้เป็นเนยของท่าน

ถ้าเป็นคนธรรมดาต้องกินกี่ชาติละเนี่ย เนยก้อนขนาดนี้

ก้อนเนยของพระกฤษณะหนัก 250 ตัน เส้นผ่าศูนย์กลางยาวห้าเมตร เล่ากันว่าครั้งหนึ่งกษัตริย์ปัลลวะพระองค์หนึ่งทรงพยายามใช้ช้างมาลากหินก้อนนี้ให้ตกลงมาแต่ก็ทำไม่สำเร็จ ... ข่าวจริงหรือเปล่าเนี่ย ฟังหูไว้หูนะครับ กษัตริย์นะครับ ไม่ใช่ มิก แจ๊กเกอร์ แห่งวงโรลลิ่งสโตน จะได้ไม่มีอะไรทำแล้วกลิ้งหินเล่น

หากถามผมว่าหินก้อนนี้มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ผมเดาว่ามาตอนยุคน้ำแข็งครับ เพราะเคยดูสารคดีเกี่ยวกับยุคน้ำแข็งที่ทำให้หินก้อนใหญ่ๆ ลอยตามน้ำแข็งไปอยู่ที่โน่นที่นี่ เช่น ที่สวนสาธารณะในนิวยอร์ค และบริเวณใกล้ภูเขามังกรหยกในมณฑลหยุนหนัน กล่าวคือลอยมาแล้วน้ำแข็งละลายตรงจุดที่ได้สมดุลของน้ำหนัก จึงเป็นที่น่าแปลกตาแปลกใจ แต่ถ้าไม่ได้จุดนี้คืออยู่บนที่ราบหรือกลิ้งไปที่ราบก็เห็นเป็นก้อนหินธรรมดา

ผมชอบลานหินกว้างแห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง รู้สึกเหมือนตอนไปเที่ยวเขาหินกูบแห่งจันทบุรี เป็นลานหินกว้างแต่ชันกว่านี้ บางจุดต้องจับเชือกไต่ขึ้นไป กว่าจะถึงยอดก็เหนื่อยเอาเรื่อง แต่ที่นี่อาศัยเดินย่อเข่าเล็กน้อยก็ขึ้นไปบริเวณชมทิวทัศน์เมืองมมัลลปุรัมได้แล้ว ระหว่างทางเห็นวิธีสกัดหินด้วยครับ เดาว่าสกัดเป็นช่องๆ ก่อนแล้วใช้อุปกรณ์งัดให้หินแตกออกมา

จุดท่องเที่ยวที่ห้าคือ Trimurthy Cave หรือเทวาลัยตรีมูรติ การไปจุดนี้ต้องเดินกลับมาที่ก้อนเนยของพระกฤษณะก่อนแล้วเดินลงไปที่พื้น หันหลังให้ก้อนเนยแล้วเดินไปทางซ้ายมือที่เห็นหมู่หินก้อนใหญ่อยู่ไม่ไกล วัดถ้ำตรีมูรติอยู่หลังหมู่หินนั้น  ตรีมูรติคือการอวตารรวมของพระเป็นเจ้าสูงสุดทั้งสามองค์ในศาสนาฮินดู อันได้แก่ พระพรหม (พระผู้สร้าง) พระวิษณุ (ผู้ปกป้องรักษา) และ พระศิวะ (ผู้ทำลาย) ด้วยเหตุนี้ เทวาลัยนี้จึงมีสามช่อง สำหรับเทพทั้งสามองค์

รูปสลักเทพทั้งสามองค์ที่อยู่ในแต่ละช่องของเทวาลัยตรีมูรติ

        ด้านหลังเทวาลัยนี้เป็นจุดท่องเที่ยวที่หก ซึ่งก็คือรูปสลักช้าง ลิง และ นกกระทา อยู่ร่วมกัน นักวิชาการบางคนบอกว่าเป็นการแสดงถึงอิทธิพลของพระพุทธศาสนาในสวนเทวาลัยแห่งนี้ เพราะสัตว์ทั้งสามชนิดนี้ปรากฏอยู่ใน ทศชาติชาดก ที่สอนว่า เป็นผู้น้อยควรเคารพยำเกรงผู้อาวุโส

จุดท่องเที่ยวที่เจ็ด Ganesha Ratha หรือ รถะที่สร้างถวายพระพิฆเนศ        

        เที่ยวไปได้ครึ่งหนึ่งท้องผมก็ร้องหิวแล้ว ออกไปหาอะไรกินแล้วค่อยกลับมาเที่ยวต่อดีกว่า อาหารประเภทข้าวยังหากินยากเหมือนเดิม ผมเองก็ชักเบื่อๆ ข้าวหมกไก่แล้ว โชคดีเจอร้านคนตรึม สั่งมาก็ไม่ผิดหวัง อร่อยและชิ้นโต จำชื่อไม่ได้ หน้าตาเหมือนโรตี ไส้ในรสชาติเหมือนผัดเปรี้ยวหวาน เรียก “โรตีมิตรภาพไทย-อินเดีย” ก็แล้วกัน

สะพาน เอ๊ย โรตีมิตรภาพไทย-อินเดีย ชิ้นใหญ่มาก กินอยู่ท้องเลยครับ มีแรงกลับเข้าไปเที่ยวต่อในสวนเทวาลัย จุดท่องเที่ยวต่อไปคือจุดที่แปด มีชื่อว่า Varaha Mandapam หรือ เทวาลัยวราหะ วิธีไปคือกลับไปที่ก้อนเนยของพระกฤษณะ ซึ่งกลายเป็น BTS อโศกไปแล้ว จะไปไหนก็ต้องมาที่นี่ก่อน ... พอไปถึงก็เลี้ยวซ้าย มีทางเดินไปบนลานหินที่มีต้นไม้ให้ร่มเงา ไม่นานก็เจอครับ

วราห์ วราหะ แปลว่าหมู เทวาลัยวราหะ สร้างเพื่อถวายแก่ วราหาวตาร ที่พระวิษณุทรงอวตารเป็นหมูป่าที่มีเขี้ยวเป็นเพชรเพื่อปราบยักษ์ หิรัณยากษะ ที่ตอนแรกเป็นคนดี แต่ดีแตกจนคิดทำลายโลกด้วยการม้วนแผ่นดินโลก (เหมือนม้วนกระดาษนั่นแหละครับ เพราะคนสมัยก่อนเชื่อว่าโลกแบน) แล้วเอาเข้ารักแร้ หนีบจนแน่นแล้วหนีลงไปอยู่ในบาดาล ทำให้พระวิษณุต้องตามไปปราบ ส่วนเหตุผลที่ต้องอวตารนั้น ผมเดาเอาว่าเพื่อไม่ให้เสียภาพลักษณ์ ระดับพระวิษณุสู้กับยักษ์เกเรได้ไง เอาแค่หมูป่าไปสู้ก็แล้วกัน

เมื่อเป็นเทวาลัยที่มีตำนานสนุกๆ เกี่ยวข้อง รูปสลักบนผนังของเทวาลัยแห่งนี้จึงสนุกตามไปด้วย

พระวิษณุทรงอวตารเป็นหมูป่า

รูปสลักตรีวิกรม (Trivikrama) หรือพระวิษณุย่างสามพระบาท บาดาล โลก สวรรค์

        จุดท่องเที่ยวที่เก้า Raya Gopuram อยู่ด้านหลังของเทวาลัยวราหะ เดินขึ้นไปเล็กน้อย เป็นโคปุรัมที่สร้างไม่เสร็จ ผลงานของราชวงศ์วิชัยนคร

มุมหนึ่งของ Raya Gopura

จุดท่องเที่ยวที่สิบ Lion Throne หรือ บัลลังก์สิงห์ ที่ทำให้นักโบราณคดีสันนิษฐานว่ามีการสร้างพระราชวังของราชวงศ์ปัลลวะ ณ บริเวณนี้ เพราะ Lion Throne เป็นส่วนหนึ่งของบัลลังก์ที่ประทับ อีกทั้งมมัลลปุรัมเป็นเมืองท่าที่มีความสำคัญพอให้กษัตริย์เสด็จมาประทับ ต้องมีการสร้างพระราชวังซึ่งใช้อิฐ ไม่ได้แกะหินแกรนิตเหมือนเทวาลัย จึงทรุดโทรมและพังทลายหายไปตามกาลเวลา นอกจากนี้ ข้างๆยังมีสนามเพลาะอีกด้วย ทำให้ยิ่งสนับสนุนข้อสันนิษฐาน โดยเห็นว่าเป็นที่เก็บสมบัติของกษัตริย์

จุดเที่ยวชมจุดที่ 11 คือ Mahishamardhini Cave เทวาลัยนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่ มหิษาสูรมรรทนี ภาคปรากฏหนึ่งของพระแม่ทุรคาที่ทรงปราบอสูรรูปควาย (มหิษสูร) อันเป็นสัญลักษณ์ของอวิชชาและความโง่เขลา และเป็นการประทานความหลุดพ้นให้แก่ผู้กราบไหว้

จุดเที่ยวชมจุดที่ 11 คือ Mahishamardhini Cave เทวาลัยนี้สร้างขึ้นเพื่อถวายแก่ มหิษาสูรมรรทนี ภาคปรากฏหนึ่งของพระแม่ทุรคาที่ทรงปราบอสูรรูปควาย (มหิษสูร) อันเป็นสัญลักษณ์ของอวิชชาและความโง่เขลา และเป็นการประทานความหลุดพ้นให้แก่ผู้กราบไหว้

พูดถึงผ้าโธตีที่มีหน้าตาคล้ายโสร่งนั้น ขอบอกว่าเป็นผ้าที่ผมอยากนุ่งมาก ไม่ได้นุ่งตอนไปเที่ยวอินเดียนะครับ แต่นุ่งในเมืองไทยนี่แหละ นุ่งในชีวิตประจำวันด้วย นุ่งไปทำงาน นุ่งไปดูหนัง นุ่งไปโน่นไปนี่ ที่อยากทำแบบนี้เพราะมันเย็นสบายไม่อึดอัดเหมือนใส่กางเกง เมื่ออากาศร้อนจัดก็สามารถดึงชายผ้าขึ้นมาเหน็บเอวกลายเป็นโธตีสั้นได้อีกด้วย

คุณลุงนุ่งโธตี

        จุดท่องเที่ยวที่ 12 Adhi Varaha Mandapam เป็นเทวาลัยขนาดเล็ก พวกเราคุ้นชื่อ อาทิวราห์ กันดีใช่ไหมว่าเป็นชื่อจริงของนักร้องดังแห่งวงบอดี้สแลม ซึ่งเป็นวงโปรดของผมอีกต่างหาก ซึ่งคุณตูนก็เคยให้สัมภาษณ์ว่าพ่อตั้งชื่อนี้ให้เพราะมีความหมายที่ดี หมายถึงภาคหนึ่งของพระวิษณุที่เป็นหมูป่า ด้วยเหตุนี้ ขณะเดินเข้าไปชมภายในเทวาลัย ผมจึงอดไม่ได้ที่จะร้องเพลงโปรดไปชมไป ... คนเราจะมีพรุ่งนี้ได้อีกกี่วัน เวลามีเหลือกันเท่าไหร่ คนเราจะมีลมหายใจอีกกี่ครั้ง ใครจะรู้ ... หูย เสียงผมเหมือนตูนมากเลย ตูน บอดี้สลัม นะ อิอิ

เทวาลัยอาทิวราห์

        จุดท่องเที่ยวที่ 13 เป็นจุดที่อยู่สูงสุดของสนามเทวาลัยครับ นั่นคือประภาคารโบราณ สมัยก่อนใช้เป็นที่จุดไฟให้ชาวประมงเห็น และในศตวรรษที่ 8 กษัตริย์ Rajasimha Pallava ยังใช้เป็นเทวาลัยด้วยครับ มีชื่อว่า Olakkanatha สำหรับผู้สูงวัยอาจเดินยากนิดหน่อย แม้มีบันได ลูกหลานหรือเพื่อนร่วมเที่ยวต้องช่วยๆ กันดูแลเพราะบางจุดเสี่ยงหกล้มได้ ที่บอกแบบนี้เพราะอยากให้ขึ้นไปชมครับ รับรองว่าคุ้มเหนื่อย มีรูปสลักพระศิวะ รูปสลัก Dhakshinamurthi รูปสลัก Ravananugrahamurthi และ รูปสลัก Alidhanrittamurthi ที่สำคัญ บนนี้ยังเห็นทิวทัศน์ชายหาดแห่งมมัลลปุรัมที่งดงาม ดูราวกับพรมสีทองปูยาวหน้ามหาสมุทรอินเดียสีครามเข้ม

มุมมองบนประภาคารเก่า

มุมมองจากประภาคารเก่า

ประภาคารใหม่อยู่ใกล้ๆ แต่ต้องเสียค่าเข้า ผมจึงไม่ขึ้นไป

        นอกจากสนามเทวาลัยแล้ว ไกลออกไปอีกสามป้ายรถเมล์มีเทวาลัยอีกสององค์คือ Valan Kuttai Ratha กับ Pidari Ratha ซึ่งผมเดินไปดูตอนเช้าก่อนขึ้นรถประจำทางไปเมืองอื่น

เนื้อหาโดย: dejaboo
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
dejaboo's profile


โพสท์โดย: dejaboo
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
40 VOTES (4/5 จาก 10 คน)
VOTED: Ployza, ซาอิ, Teangmodog, Keroppi, a rms, ทะเล้น, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ, ดีเจ ซูกัส
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ลุงโวยสาวเอาสุนัขขึ้นรถไฟใต้ดินได้ยังไง ก่อนจะรู้ว่าความจริง ทำเอาหน้าชา อายหน้าแดงไปเลยนางงามอายุ60ปีคว้ามง!!เตรียมไปต่อMUArgentina👑👠🎉ปลัดทรงสืบ แฝงนั่งชิลล์อยู่ริมหาดจอมเทียน เจอเหตุรัวปืน"ป๋าเสรี" ร่วมงานศพ"ทวี ไกรคุปต์" ด้าน"ปารีณา" โผล่สวมกอด ลั่นขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับท่านเสรี!9 เรื่องที่สุดของประเทศไทยหนุ่มไรเดอร์ โดนดูถูก ไม่มีการศึกษาเลยมาขับรถส่งอาหาร เลยควักใบปริญญา 2 ใบให้ดูนนท.จีน เกือบพาร้านซวย เหตุเพราะอยากนั่งชิมวิวที่อ่างแก้วเขมรบุกเดี่ยว! ประกาศลั่นเราจะล้างแค้นแล้วเราจะแซงไทยในเร็วๆนี้ ?ทางกัมพูชา และ จีนจัดงานโชว์ศิลปะการต่อสู้ กังฟู + โบกาตอร์ ตอนแรกหลายคนนึกว่า จะเอามาสู้ๆกัน อ้อ ไม่ใช่ มาโชว์กระบวนท่าการแสดงเฉยๆ พอมีคนดูอยู่เหมือนกันเด้อเหตุเพราะผู้ชายนอกใจ..ทำให้ นศ.สาวปี 3 ม.ดัง ขาดสติ และลงมือปาดคอ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สุดกร่าง ผลักมาสคอตตกน้ำ เกือบไม่รอดราสมาลัย ขนมหวานอร่อยๆจากประเทศอินเดีย หาทานได้ในประเทศไทย หลายคนก็ชอบอยู่น๊าา..."ป๋าเสรี" ร่วมงานศพ"ทวี ไกรคุปต์" ด้าน"ปารีณา" โผล่สวมกอด ลั่นขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับท่านเสรี!รีวิวแกะกล่อง WRATH OF THE TITANS สงครามมหาเทพพิโรธ ในรูปแบบ Blu-ray disc
กระทู้อื่นๆในบอร์ด Review, HowTo, ท่องเที่ยว
เที่ยวเมืองสงขลา รับประทานก๋วยเตี๋ยวหางหมูสิ่งที่คนญี่ปุ่นเรียนรู้ เมื่อมาเมืองไทยการกระทำที่คุณไม่สมควรทำเมื่อมาเที่ยวประเทศญี่ปุ่นไทย-คาซักสถาน ลงนามตกลงไม่ต้องขอวีซ่าท่องเที่ยวระหว่างกัน
ตั้งกระทู้ใหม่