หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ใจเจ๊ก บทที่ 1

เนื้อหาโดย dejaboo

นวนิยาย “ใจเจ๊ก”

โดย เดชา เวชชพิพัฒน์

บทที่ 1

“เจ๊กก็แบบนี้แหละ ขี้เหมือนหมูเหมือนหมา พอๆกับขากถุยแหละวะ”

ภูมิชัยพิมพ์ข้อความไปยิ้มไป แสงจากจอคอมพิวเตอร์ทำให้ยิ้มแบบสะใจของเขาดูราวกับฆาตกรในภาพยนตร์ เพียงครู่เดียวเขาก็หยุดยิ้มแล้วยกสองมือขึ้นจากแป้นพิมพ์ สอดนิ้วทั้งสิบเข้าง่ามของกันและกันจนสุดโคนแล้วกดเข้าหาตัว พักไว้จนเกือบอึดใจจึงดึงออกแล้วปล่อยสองแขนห้อยลงข้างตัว เขาเม้มปากเพียงครู่เดียวก็พยักหน้าช้าๆให้ตนเอง เมื่อสามารถนึกนามแฝงของผู้แสดงความเห็นได้ จึงลดมือลงวางบนแป้นแล้วพิมพ์อย่างรวดเร็ว

          “เจ๊กจ๊กมก”

          เขาพิมพ์ลงในช่องสี่เหลี่ยมแล้วกดปุ่มป้อนข้อมูล จากนั้นรีบกดปุ่มปิดหน้าข่าวนั้น ด้วยรู้ดีว่าตนสามารถถูกผู้อื่นแสดงความเห็นด่าว่าอย่างเจ็บแสบและหยาบคายภายในไม่ถึงสิบวินาที เพราะเว็บไซต์นี้มีคนอ่านเป็นแสนต่อวัน แต่ละข่าวล้วนมีผู้อ่านอยู่ตลอดเวลา ข่าวที่เขาเพิ่งแสดงความเห็นก็มีผู้อ่านกว่าหมื่นราย ทันทีที่มีผู้แสดงความคิดเห็นอย่างไม่สมควร ก็จะมีผู้โต้ตอบอย่างแสบสัน เขาเคยถูกด่าถึงบุพการีภายในไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังแสดงความคิดเห็น 

          เรื่องอะไรข้าจะอ่านให้โง่ ... ภูมิชัยคิดแล้วกดปุ่มปิดหน้าข่าวที่พาดหัวว่า

“สุดเอือม นักท่องเที่ยวจีนอึลงคูเมืองเชียงใหม่หน้าตาเฉย”

ตามด้วยการปิดหน้าเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ชื่อดัง ก่อนลุกออกจากโต๊ะไปจ่ายเงินค่าอินเทอร์เน็ต ผลักประตูก้าวออกจากร้านไปด้วยท่าทางสบายอารมณ์ ดูราวกับหนุ่มฉกรรจ์ผู้ก้าวออกจากสถานบริการทางเพศ เสร็จสิ้นการปลดปล่อยความต้องการตามธรรมชาติไปอย่างสุขสม

          ภูมิชัยทำเช่นนี้มาหลายปีแล้ว เป็นการทำตามผู้อื่น เริ่มจากอ่านความคิดเห็นด่าว่าคนไทยเชื้อสายจีนในข่าวที่เกี่ยวกับประเทศจีน เช่น เมื่อมีข่าวจีนเลียนแบบสินค้าฝรั่ง ก็จะมีคนแสดงความคิดเห็นว่า

          “เจ๊กก็แบบนี้ ไม่เคยคิดอะไรเป็น ลอกเขาอย่างเดียว”

          เมื่อมีข่าวนมผงเลี้ยงทารกของจีนปนเปื้อนสารเคมี ก็มีคนแสดงความคิดเห็น

          “พวกเจ๊กมันเห็นแก่ตัวและเห็นแก่เงิน ใครจะเป็นจะตายเจ๊กไม่สน แม้กระทั่งเจ๊กด้วยกัน”

          กระทั่งข่าวแผ่นดินไหวในจีนมีผู้เสียชีวิตมากมายก็ยังมีผู้แสดงความคิดเห็นซ้ำเติม

          “สมน้ำหน้าพวกเจ๊ก”

          ข่าวการฉ้อราษฎร์บังหลวงของรัฐมนตรีแห่งประเทศจีนก็มีผู้แสดงความเห็นเกี่ยวกับคนไทยเชื้อสายจีน

          “เจ๊กอยู่ที่ไหนก็โกง เมืองไทยก็มีเยอะ รมต.ลูกเจ๊กกินหินกินทรายอร่อยกว่าที่ใดในโลก เพราะตามพวกมันไม่ทัน”

          ความคิดเห็นต่างๆเหล่านี้ตรงใจและถูกใจภูมิชัยเป็นอย่างยิ่ง การด่าว่าคนจีนหรือคนไทยเชื้อสายจีนเป็นสิ่งที่เขาทำมาตั้งแต่เด็ก ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยทำต่อหน้าเฉพาะคนที่เห็นว่าอ่อนแอกว่า หากเป็นเพศเดียวกันก็ต้องตัวเล็กกว่า หากเป็นเพศตรงกันข้ามก็ต้องดูท่าทางปากไม่จัด ถึงกระนั้นก็ทำได้ไม่เต็มที่เหมือนในเว็บไซต์ เพราะในโลกในสังคมทั่วไป การเรียกใครว่า “ไอ้ลูกเจ๊ก” “ไอ้ตี๋” หรือ “อีหมวย” อาจหมายถึงการปะทะทางวาจาหรือทางกาย แต่ในโลกอินเทอร์เน็ต มันเป็นการด่าว่าได้อย่างเต็มที่ แสดงความเกลียดคนไทยเชื้อสายจีนออกมาได้อย่างเต็มร้อย โดยที่เจ้าตัวไม่เดือดร้อนเพราะใช้นามแฝง และคงไม่มีใครเอาเรื่องถึงขนาดหาหมายเลข “ไอพี” ของผู้แสดงความคิดเห็นเพื่อสืบหาเจ้าตัว 

          อ่านความคิดเห็นประเภทนี้ได้ไม่กี่ครั้งภูมิชัยก็ยอมเป็นสาวกผู้ต่อต้านคนไทยเชื้อสายจีนอย่างเต็มใจ การไปร้านอินเทอร์เน็ตของเขาจึงไปเพื่อระบายความเกลียดชังที่มีต่อคนไทยเชื้อสายจีน

          ความคิดเห็นแรกที่เขาแสดงความเกลียดชังคนจีนและคนไทยเชื้อสายจีนเริ่มตอนประเทศจีนเป็นเจ้าภาพจัดแข่งกีฬาโอลิมปิก ตอนนั้นมีข่าวรัฐบาลจีนรณรงค์การถ่มน้ำลายในที่สาธารณะในกรุงปักกิ่ง เขาแสดงความคิดเห็นไว้ว่า

          “เจ๊กกับขากถุยเป็นของคู่กัน ไม่มีวันห้ามได้ เช่นเดียวกับเจ๊กที่ขี้ไม่ราด”

          ครั้งนั้นเขาใช้ชื่อผู้แสดงความคิดเห็นว่า “เจ๊กขากถุย”

          หากมีการประกวดนามแฝงที่แสดงความคิดเห็นเกลียดชังคนไทยเชื้อสายจีน แน่นอนว่าภูมิชัยได้ตำแหน่งชนะเลิศ เพราะเขาสามารถคิดนามแฝงได้ไม่ซ้ำกันเป็นร้อยชื่อ แต่ละชื่อล้วนทำให้คนไทยเชื้อสายจีนรู้สึกเจ็บแสบ เช่น

“เจ๊กในข้อ งอในกระดูก”

“เจ๊กเนรคุณ”

“โกงไม่ว่าแต่อย่าเจ๊ก”

“เจ๊กจอมงก”

“เค็มกว่าเกลือคือเจ๊ก” และ

“แกงจืดจึงรู้คุณเจ๊ก”

          หากมีใครถามเขาว่าทำไมจงเกลียดจงชังคนไทยเชื้อสายจีนถึงขนาดนี้ ภูมิชัยคงตอบได้เพียงว่า “พวกเจ๊กมันชอบเอาเปรียบ”

          ลึกไปกว่านั้น เขาไม่อาจตอบได้ว่าเป็นเพราะถูกปลูกฝังความเกลียดนี้มาตั้งแต่รู้ความ

          ภูมิชัยอยู่ในวัยยี่สิบปลายๆ มีรูปร่างสันทัดแบบชายไทยรุ่นเก่า เพราะกินแต่นมแม่ จึงไม่สูงแบบเยาวชนรุ่นใหม่ที่กินนมผงสูตรพิเศษจนแขนขายาว แต่ก็ไม่ถึงกับเตี้ยล่ำ จัดอยู่ตรงกลางระหว่าง “มะขามข้อเดียว” กับ “นายแบบเอเชีย” โชคดีที่การช่วยพ่อแม่ทำงาน ได้แก่การยกข้าวสารถุงใหญ่อยู่บ่อยๆ ยกหม้อข้าวหม้อแกงขนาดใหญ่หลายครั้งในตอนเช้า ยกถังแก๊ส ถังน้ำและถังใส่โน่นนี่สารพัด ทำให้เขามีกล้ามอกและแขนกำยำ จึงแลดูสมส่วน นอกจากนี้เขายังมีขาหนาใหญ่ที่เขาค่อนข้างภูมิใจ เพราะนอกจากทำให้หลายคนทักว่าเป็นนักบอลหรือนักมวยแล้ว เวลาจะมีเรื่องชกต่อยก็ทำให้ฝ่ายตรงข้ามลังเล ทำนองว่าแม้ขาสั้นเตะไม่ถึงก้านคออย่างแน่นอน แต่ก็อาจทำให้กระดูกซี่โครงหักได้

          โดยรวมแล้วเขามีรูปร่างที่สาวๆให้คะแนนเฉลี่ยไม่เกินเจ็ดเต็มสิบ ตรงข้ามกับหน้าตาที่สะดุดตาสาวๆไม่น้อย จุดเด่นบนใบหน้าเขาคือกรามที่ขึ้นเป็นสันเห็นได้แต่ไกล โชคดีที่เครื่องหน้าช่วยไม่ให้โดดเด่นจนเกินไป เขามีคิ้วเข้มยาวเลยหางตาที่น่ามองดุจตากวาง ซึ่งเป็นจุดเด่นสุดบนใบหน้า จมูกไม่โด่งเป็นสันแต่ก็ไม่แบน ปากอิ่มสีแดงซึ่งรับกับผิวหน้าขาวใส

          ทั้งหมดนี้ทำให้ภูมิชัยใช้ความพยายามจีบผู้หญิงไม่มากนัก เว้นแต่เจอคู่แข่งที่ตัวสูงกว่า นอกจากนี้ยังมีข้อด้อยอีกประการหนึ่งคือความไม่รู้จักโต ตั้งแต่เรียนจบประกาศนียบัตรวิชาชีพด้านก่อสร้างจากวิทยาลัยในจังหวัด เขาก็ไม่เคยเป็นลูกจ้างใคร เคยช่วยพ่อแม่ขายข้าวแกงมาตั้งแต่เด็กก็ทำอยู่เช่นนั้น สาวหลายคนที่ถูกเขาจีบจึงไม่อาจทำใจรับคนรักอย่างเป็นเรื่องเป็นราว ด้วยเห็นว่าเขาเป็นลูกแหง่ติดพ่อแม่ หากตัดสินใจใช้ชีวิตร่วมกันคงต้องทำหน้าที่ทั้งแม่และเมีย ดีไม่ดีอาจต้องช่วยแม่สามีทำกับข้าวขายอีกด้วย

          ภูมิชัยเองก็พอใจเพียงแค่ “จีบติด” พอใจที่ตนมีเสน่ห์พอได้ “กินฟรี” บอกตนเองว่าเรื่องมีครอบครัวรออีกสิบปีก็ยังไม่สาย

ออกจาก “ร้านเน็ต” แล้ว ภูมิชัยในชุดเสื้อยืดคอกลมกางเกงยีนเดินโยกไหล่ผ่านตึกแถวสองชั้นในตลาดประจำอำเภอเมืองที่เป็นร้านค้าประเภทต่างๆ

 

          “จะรีบไปไหนไอ้ภูมิ เดินไม่เห็นหัวน้าเลยนะ”

          ลำดวนกำลังนั่งรอลูกค้าอยู่หน้าร้าน เห็นลูกชายเพื่อนที่สูงวัยกว่าเดินผ่านมาจึงกล่าวเสียงดัง

ภูมิชัยชะงักเท้าแล้วหันไปส่งยิ้มเห็นฟันขาวสวยแบบเดียวกับที่เห็นบนกล่องยาสีฟัน

          “ไปร้านเน็ตมาครับ ขายดีไหมน้า”

          เขากล่าวพลางมองสินค้าที่วางอยู่บนแผงหน้าร้าน ผ้าซิ่นและผ้าพันคอที่ทำจากผ้าย้อมครามสีฟ้ากับสีน้ำเงินวางซ้อนกันอย่างเป็นระเบียบดูงามตา

          “ยังขายไม่ได้สักผืน นักท่องเที่ยวไปไหนหมดก็ไม่รู้” เจ้าของร้านตอบด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด

          “เขาก็แห่ไปซื้อที่ร้านโอท็อปกันหมดสิน้า เรื่องอะไรจะมาซื้อร้านโนเนม”

          ภูมิชัยจงใจแหย่ แถมเป็นการแหย่ที่ตรงจุดอย่างยิ่ง เจ้าของร้านผ้าครามเจ้าแรกประจำจังหวัดเม้มปากทันที

          “เห่อกันนักไอ้โอท็อปโอแท็บ ซื้อกันเข้าไปได้ผืนละเป็นพันเป็นหมื่น ของซื้อไปใช้นะ ไม่ใช่ซื้อไปบูชา แค่หลักร้อยก็ได้ของดีแบบนี้ไปใช้แล้ว”

          ลำดวนกล่าวแล้วลูบสินค้าที่วางอยู่อย่างเบามือด้วยสีหน้าและท่าทางภูมิใจ ภูมิชัยมองตามด้วยแววตาเบื่อหน่าย เขารู้จักสินค้าพื้นเมืองชนิดนี้เป็นอย่างดี เห็นแม่ใส่มาตั้งแต่จำความได้ สถานที่ผลิตก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ทำนาเสร็จเมื่อไรแม่เขาก็ไปขลุกที่บ้านผ้าครามหลังนี้ ตอนนั้นแม้ไม่ได้ทำขายเป็นสินค้าประจำตำบลอย่างในปัจจุบัน แค่ทำใช้ใส่กันเองในหมู่บ้าน เขาก็รู้ขั้นตอนตั้งแต่การเลือกใบคราม การหมักกับขี้เถ้าเพื่อทำน้ำคราม การย้อมเส้นด้าย จนถึงขั้นการถักทอเป็นผืนผ้า ครั้นเป็นนักเรียนและนักศึกษา ครูหรืออาจารย์ก็พาไปดูงานย้อมครามเช่นเดียวกัน แม้ต่างหมู่บ้านต่างอำเภอแต่ก็ไม่ต่างกรรมวิธี จนกระทั่งยกฐานะเป็นสินค้า “หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์” เขาก็ต้องไปเยี่ยมเยียนที่ผลิตผ้าย้อมครามอีก ไปในฐานะคนนำเที่ยวจำเป็นบ้าง ไปเพื่อซื้อส่งให้เพื่อนๆที่อยู่จังหวัดอื่นบ้าง

          ภูมิชัยเกาหัวดังแกรกๆก่อนกล่าว “น้าขายของน้าแบบนี้ใครเขาจะรู้ละว่าดีกว่าโอท็อป น้าต้องประชาสัมพันธ์ในหนังสือท่องเที่ยว”

          ลำดวนตอบทันที “เคยแล้ว ตอนที่นิตยสารผู้หญิงมาสัมภาษณ์ไง ลงทีก็ขายดีที แต่พอไม่นานก็เหมือนเดิม โอท็อปแย่งลูกค้าไปกิน โอละพ่ออย่างน้าก็เลยเหงือกแห้ง”

          ภูมิชัยหัวเราะชอบใจ รู้ดีว่าเพื่อนรุ่นน้องของมารดาบ่นไปเช่นนั้นเอง เหมือนๆได้คืบจะเอาศอก รู้กันทั้งอำเภอว่าผ้าครามร้านนี้ขายดีเป็นที่หนึ่ง เพียงแต่ไม่หวือหวาเหมือนร้านโอท็อปประจำจังหวัด คนเด่นคนดังมาซื้อทีก็เป็นข่าวที ประเด็นคือยอดซื้อเป็นหมื่นเป็นแสน น้าลำดวนผู้ขายได้แค่หลักร้อยหลักพันจึงหมั่นไส้ไหวหวั่น

          “โอละพ่อหรือว่าโอมายก๊อดกันแน่ ขายหลักร้อยหลักพันแต่วันละหลายสิบครั้ง เทียบกับขายหลักหมื่นแต่ปีละครั้ง น้าจะเอาแบบไหนล่ะ”

          ลำดวนค้อนลูกชายของเพื่อนรุ่นพี่ก่อนเปลี่ยนเรื่องเพราะเจอคนรู้จริง “วันอาทิตย์นี้ว่างไหม”

          “น้าอยากให้ว่างผมก็ว่าง” ภูมิชัยเล่นลิ้น

          คู่สนทนาฟังอย่างงงๆ จับใจความได้ว่าว่างจึงกล่าวต่อ “ขับรถให้น้าหน่อย ญาติจะมาไหว้พระทำบุญ”

          ลำดวนเอ่ยชื่อวัดที่อยู่อีกอำเภอ ไกลขนาดขับรถเกือบสองชั่วโมง เป็นวัดป่ากรรมฐานชื่อเสียงโด่งดังเพราะเจ้าอาวาสได้รับการยกย่องเป็นเสาหลักพระกรรมฐานในเขตนี้

          “ได้เลยน้า”

          ภูมิชัยรับปากทันที ขับรถเที่ยวย่อมดีกว่าอยู่ร้านช่วยพ่อแม่ขายข้าวราดแกง แถมรถของน้าลำดวนก็โก้ไม่เบา เป็นรถกระบะรุ่นยอดนิยมที่เพิ่งซื้อได้สองปี ซื้อตอนลูกชายสอบได้มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ น้าลำดวนตั้งใจให้ลูกชายใช้ขับในเมืองหลวง ระหว่างหอพักกับสถานศึกษา แต่นำไปใช้งานได้ภาคการศึกษาเดียวลูกชายน้าก็ขับกลับมาจอดที่บ้าน ให้เหตุผลว่าเมืองหลวงรถเยอะเหมือนหนอนในเวจ น้ำมันก็แพงหูฉี่ ใช้บริการรถประจำทางหรือรถไฟฟ้าสะดวกกายสบายใจกว่าหลายเท่า

          ภูมิชัยมีโอกาสขับรถคันนี้บ้างนานๆครั้งที่ลูกจ้างน้าลำดวนลาป่วยหรือลาออก เพราะลูกคนเล็กที่เป็นผู้หญิงยังไม่ถึงวัยทำใบขับขี่ แม่ม่ายผัวตายอย่างแกจึงอาศัยไหว้วานเขาให้ขับไปส่งของบ้าง รับของบ้าง มีครั้งนี้แหละที่เปลี่ยนเป็นขับรถไปไหว้พระทำบุญ

          “ให้มันได้อย่างนี้สิ ใช้ง่ายแบบนี้น้ามีค่าตอบแทนให้”

          ภูมิชัยยิ้มแห้งๆอย่างรู้ทัน ค่าตอบแทนของน้าลำดวนแต่ละครั้งทำให้เขารู้ว่าโลกนี้มีหลายอย่างที่เค็มกว่าเกลือ

          “รอเดี๋ยวนะ” น้าลำดวนกล่าวแล้วหันหลังเดินเข้าไปในบ้าน เธอหายเข้าไปด้านในสุดของร้านหลายนาทีก็ถือถาดขนาดย่อมออกมา ด้านบนมีจานใส่ “ปังญวนปิ้ง” และกาแฟร้อนหนึ่งถ้วย

          ภูมิชัยรอจนเจ้าของร้านเดินมาใกล้จึงยื่นมือไปหยิบของโปรดขึ้นมากัดคำเดียวครึ่งชิ้น

          “เดี๋ยวก็ติดคอตายหรอก ค่อยๆกินก็ได้” ลำดวนกล่าวไปอย่างนั้นเอง ดีใจด้วยซ้ำที่เห็นลูกชายเพื่อนกินปังญวนปิ้งฝีมือเธออย่างเอร็ดอร่อย

          “กินของใครก็ไม่อร่อยเท่าของน้านี่ครับ” ภูมิชัยกล่าวแล้วส่งอีกครึ่งที่เหลือเข้าปาก เคี้ยวกินด้วยท่าทางที่ใครเห็นก็กลืนน้ำลาย

          ลำดวนยิ้มบางๆอย่างภูมิใจ ปังปิ้งญวนของเธอใช้สูตรเดียวกับขนมปังฝรั่งเศสหรือ “บาแก็ต” แต่ขนาดเล็กเท่าฝ่ามือ ผ่ากลางแล้วปิ้งเนื้อในจนกรอบ จากนั้นใส่ไส้ที่เป็นสูตรเฉพาะ เธอเริ่มทำบาแก็ตให้ลูกชายลูกสาวกินจนโตจึงหยุดไป เมื่อเช้าตั้งใจทำกินเอง ไม่นึกว่าจะได้ตอบแทนน้ำใจลูกชายเพื่อนที่จะเป็นคนขับรถให้ในวันหยุดนี้

          ภูมิชัยยืนกินปังปิ้งญวนสลับซดกาแฟร้อนจนหมดทั้งสองอย่างจึงลูบท้องแล้วกล่าวยิ้มๆ “กินอิ่มแล้ว เบี้ยวงานดีกว่า”

          ลำดวนทำตาโต “กล้าดีก็ลองสิ น้าจะบอกให้แม่ตีแกจนก้นลาย”

เนื้อหาโดย: เดชา เวชชพิพัฒน์
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
dejaboo's profile


โพสท์โดย: dejaboo
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: Tabebuia
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ชาวเน็ตฮือฮา! ขายที่ดินพร้อมบ้าน 200 ล้าน ติดวิวสภาสัปปายะสภาสถานหนุ่มเร่ขาย "ลาบูบู้" กลางสี่แยก..ทำเอาหลายคนแห่ถามพิกัดทีมเชื่อมจิตจ่อฟ้อง! สื่อปล่อยเฟกนิวส์..ไม่เคยบอกเชื่อมจิตแล้วจะไปนิพพานชาวกัมพูชาเดือด เมื่อมีบล็อคเกอร์หนุ่มคนกัมพูชา ไปถ่ายรูปล้อเลียนรูปปั้นม้าน้ำมากจนเกินงามเกินไป"เสก โลโซ" ลั่น! ผมพลาดนิดเดียว..เกือบจะได้เป็นเจ้าสัวแล้วมิจฉาชีพอ้าง! เป็น "อีลอน มัสก์"..หลอกสาวสูญเงินกว่า 2 ล้านบาทแผ่นดินไหวทำเศียรพระพุทธเจ้าหักร้านดังเชียงใหม่ เปิดตัวไอติมฝุ่น pm 2.5สิ่งที่สาวก iPad " รอคอยมา 14 ปี "
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ทีมเชื่อมจิตจ่อฟ้อง! สื่อปล่อยเฟกนิวส์..ไม่เคยบอกเชื่อมจิตแล้วจะไปนิพพานในปี 1939 สหภาพโซเวียตใช้เครื่องจักรสร้างถนนสมัยใหม่สภาพของต้นไม้ที่โดนลมกระชากจากมหาสมุทรแอนตาร์กติก จนทำให้มันเสียทรง!อีก 50 ปีข้างหน้า ไทยจะ "ร้อนเท่าทะเลทรายซาฮาร่า"
กระทู้อื่นๆในบอร์ด นิยาย เรื่องเล่า
หนุ่มเร่ขาย "ลาบูบู้" กลางสี่แยก..ทำเอาหลายคนแห่ถามพิกัดตั้งเวทีแปลกๆ แบบนี้..หมดสิทธิ์มั่วหน้าเวทีแน่นอนเมื่อสาวเจอความทรงจำที่หายไป..มาอยู่ที่ใต้สะพานลอยเมื่อหนุ่มทำพัดลมไอเย็นเอง..ว่าแต่มันคลายร้อนได้จริงหรือ ?
ตั้งกระทู้ใหม่