ถามประชาชน 79% ต้องการเขื่อนแม่วงก์ (เกษตรกรต้องการ 100%)
รมว.เกษตรฯ จะผลักดัน ม.44 สร้างเขื่อนแม่วงก์ อ.ศศินก็จะรีบระดมพลค้านทันที ดร.โสภณ จึงเสนอให้ฟังชาวบ้านก่อน เพราะชาวบ้านตัวจริงๆ ส่วนมากต้องการให้สร้างเขื่อนแม่วงก์
เมื่อเร็ว ๆ นี้ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ". . .แต่พอจะทำโครงการน้ำอะไรก็ลำบากเกิดยากซึ่งชาวบ้านเขาเดือดร้อนมานานอยากได้น้ำจะเพาะปลูกพืชทำเกษตรได้หลากหลาย ไม่ยากจน ก็ถูกต่อต้านจะใช้พื้นที่ตรงจ.อุทัยธานี กับนครสวรรค์ สร้างเขื่อนแม่วงศ์ พวกเอนจีโอ กลัวเสือตายไม่มีที่อยู่ก็คิดในใจว่าเสือไม่มีขาวิ่งหนีน้ำหรือ. . .จะไปดูว่าใช้มาตรา 44 เข้ามาทำอะไรได้บ้าง. . ." (http://bit.ly/2bXMyHa) และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2559 ดร.โสภณ พรโชคชัย ก็เคยทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ให้ใช้ ม.44 สร้างเขื่อนแม่วงก์ มาครั้งหนึ่งแล้ว (http://bit.ly/2bPwAES)
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) กล่าวว่าตนและคณะได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนมา 3 รอบแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน
ผลการสำรวจครั้งล่าสุดเมื่อวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 16-17 มกราคม 2559 ในเขตอำเภอเมืองนครสวรรค์ เทศบาลนครนครสวรรค์ อำเภอลาดยาว เทศบาลตำบลลาดยาว อำเภอแม่วงก์ กิ่งอำเภอแม่เปิน อำเภอชุมตาบง และอำเภอโกรกพระ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาและเกี่ยวข้องกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์ในระดับหนึ่งพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ถึง 79% เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์บริเวณเขาสบกกที่เป็นเขตส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติแม่วงก์
จะสังเกตได้ว่าประชาชนส่วนใหญ่ในเขตอำเภอเมืองและอำเภอลาดยาวที่จะได้รับผลดีจากการมีเขื่อนแม่วงก์เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อน ยกเว้นผู้ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมจำนวนหนึ่ง อย่างไรก็ตามสัดส่วนของประชาชนที่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนมีเพียงครึ่งเดียวในเขตเทศบาลนครนครสวรรค์และเทศบาลตำบลลาดยาว ทั้งนี้เพราะประชาชนในเขตเมืองอาจไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นสำคัญ แต่สำหรับเกษตรกรเห็นด้วยเกือบ 100%
สำหรับผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการสร้างเขื่อนแม่วงก์นั้น นอกจากที่ส่วนมากเป็นผู้ที่ไม่ได้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมแล้ว ยังมีความเข้าใจผิดบางประการที่ได้รับข้อมูลที่บิดเบือนจากกลุ่มเอ็นจีโอ เช่น
- เกรงสูญเสียพื้นที่ป่าไม้ ทั้งที่แต่เดิมเป็นหมู่บ้านราว 200-300 ครัวเรือน พร้อมพื้นที่เกษตรกรรม (ยังมีต้นมะพร้าวเป็นหลักฐานอยู่) ชาวบ้านเหล่านี้ได้รับการจัดที่ดินให้อยู่บริเวณหน้าทางเข้าอุทยานในทุกวันนี้ พื้นที่สร้างเขื่อนมีขนาดเพียง 0.1% ของผืนป่าตะวันตก ใหญ่กว่าสาทรที่เป็นเขตเล็กๆ ในกรุงเทพมหานครเพียง 2 เท่า ทุกฝ่ายควรมุ่งไปที่การแก้ปัญหาทำลายป่าและปลูกป่าในพื้นที่เขาหัวโล้นมากมายที่ป่าไม้ถูกทำลายในผืนป่าตะวันตกนี้
- สภาพป่าที่เห็นอยู่ทุกวันนี้เป็นป่าปลูกที่เพิ่งขึ้นใหม่เพื่อ "สร้างภาพ" ว่าเป็นป่าสมบูรณ์ ต้นไม้มีเส้นผ่าศูนย์กลางขนาดเล็ก ต้นไม้ใหญ่ก็มีอยู่น้อย บางส่วนเป็นตอไม้ที่ถูกตัดไม้มาหลายรุ่นแล้ว (ดูคลิปที่ bit.ly/1KPNpdm) ปริมาณไม้ที่สูญเสียไปมีค่าน้อยกว่าค่าก่อสร้างเขื่อนมาก และยังสามารถนำมาชดเชยค่าก่อสร้างได้
- บ้างก็เข้าใจผิดว่าที่แก่งลานนกยูงมีนกยูงธรรมชาติอาศัยอยู่ทั้งที่เพิ่งนำมาเลี้ยง 'สร้างภาพ' เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอง (ดูหลักฐานที่ on.fb.me/1KjBCUK) บ้างก็กลัวว่าจะทำร้ายสัตว์ป่าเช่นเสือซึ่งเป็นเรื่องเท็จ เพราะในพื้นที่สร้างเขื่อนยังมีจุดกางเตนท์ โดยรอบก็มีบ้านอยู่ทั่วไป ไม่เคยมีชาวบ้านพบเห็นเสือเลย (โปรดดู bit.ly/1VZab1S bit.ly/1jttgO9 และ bit.ly/1VYQE1u) มีแต่ข้อมูลด้านเดียวของผู้ค้านเขื่อนซึ่งอาจบิดเบือน
- บ้างก็เข้าใจว่าป่าเป็นที่เก็บน้ำถาวรทั้งที่เกิดน้ำป่าไหลหลากประจำ เขื่อนต่างหากที่เป็นที่เก็บน้ำถาวรได้ยาวนานนับร้อยปี แต่กลับถูกบิดเบือน ทั้งที่ทั่วโลกกำลังสร้างเขื่อนเพิ่มขึ้น (bit.ly/1VYbyDu) เขื่อนเป็นนวัตกรรมเพื่อมนุษยชาติตั้งแต่สมัยจิ๋นซีฮ่องเต้ (on.fb.me/1PLuKMw)
- บ้างยังถึงขนาดบิดเบือนว่ามีโบราณสถานในพื้นที่สร้างเขื่อน ทั้งที่เป็นเพียงซากของสิ่งบูชาของชาวเขาที่ได้รับการโยกย้ายออกนอกพื้นที่เพื่อการสร้างเขื่อนเมื่อราว 30 ปีก่อน (bit.ly/1Prlq4r)
- มีการใช้ความกลัวว่าหากมีการตัดไม้ทำเขื่อน จะตัดเกินไปบ้าง จะมีคนแอบล่าสัตว์ป่าบ้าง แต่ความจริงสามารถควบคุม/ตรวจสอบได้ ในทางตรงกันข้ามการปล่อยทิ้งรกร้างไว้โดยขาดการเหลียวแล อาจเปิดช่องให้แอบตัดไม้ทำลายป่าโดยเจ้าหน้าที่เช่นที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ (bit.ly/1SPdr3x และ bit.ly/1Tkdeoy เป็นต้น)
หากสามารถก่อสร้างเขื่อนได้ จะเป็นประโยชน์อย่างอเนกอนันต์ ดูเขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนรัชชประภา ฯลฯ โดยจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อ
- ป่าไม้ การที่จะมีผืนน้ำ 13,000 ไร่มาหล่อเลี้ยงแทนคลองเล็กๆ ในพื้นที่ ก็มีน้ำไว้ดับไฟป่าที่เกิดขึ้นนับร้อยครั้งต่อปี (bit.ly/1U21Xsf) การนำพื้นที่ 0.1% ของผืนป่ามาทำเขื่อน ก็จะยิ่งทำให้ป่าไม้ขยายตัว
- สัตว์ป่า เมื่อป่ารกชัฏ ก็จะมีอาหารให้สัตว์ป่าอยู่ได้มากขึ้น สัตว์ป่าก็จะยิ่งมีมากขึ้นอีก
- ประชาชนจะได้รับประโยชน์จากการป้องกันน้ำท่วม แก้ปัญหาภัยแล้ง มีระบบชลประทานที่ดี สามารถใช้ผลิตไฟฟ้าได้ ซึ่งขณะนี้ธนาคารโลกก็สนับสนุนเพราะลดโลกร้อน รวมทั้งยังเป็นประโยชน์ในการทำน้ำประปา ประมง และท่องเที่ยว เป็นต้น
ความสูญเสียจากการไม่มีเขื่อนแม่วงก์นั้นมีมหาศาล ประชาชนต้องขุดบ่อบาดาลเอง โดยเสียค่าใช้จ่ายนับหมื่นๆ บาท น้ำที่ได้ก็มีสนิม ไม่อาจดื่มได้ (goo.gl/7h8Ljk) ในกรณีน้ำท่วม ชาวนาก็ต้องรีบเกี่ยวข้าวขายขาดทุนเหลือเกวียนละ 3,000-4,000 บาท แต่ละปีรัฐบาลต้องชดเชยให้ประชาชนในพื้นที่จากภัยแล้งและน้ำท่วมหลายร้อยล้านบาทต่อปี หากนำเงินเหล่านี้มาสร้างเขื่อนก็คงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ประชาชน ซึ่งหากประชาชนมีน้ำท่าอุดมสมบูรณ์ ก็ยิ่งจะสร้างรายได้ให้แก่ประเทศชาติได้มากกว่านี้
ดร.โสภณ จึงขอให้รัฐบาลโปรดใช้ ม.44 สร้างเขื่อนแม่วงก์ ที่ผ่านมามักใช้ ม.44 ในทางการเมือง ควรใช้ในเชิงสร้างสรรค์นี้บ้าง
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1558.htm