Sleepy Hollow ตำนานที่ไม่ใช่เรื่องจริง
ถ้าพูดถึงตำนานสยองขวัญที่คนอเมริกา ไม่สิ คนทั่วโลกรู้จักกันเป็นอย่างดีผ่านภาพยนตร์และอนิเมชั่นที่ถูกสร้างขึ้นคงไม่พ้นเรื่องราวของชายขี่ม้าหัวขาดแห่งสลีปปี้ ฮอลโลว์อย่างแน่นอน ตำนานสยองขวัญนี้ถูกเล่าขานไปทั่วโลก หลายคนเชื่อว่า ตำนานผีหัวขาดแห่งสลีปปี้ฮอลโลว์เป็นเรื่องจริง โดยหารู้ไม่ว่า
.
เรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องแต่งขึ้นเท่านั้น
.
อ้าว ?
.
ย้อนเวลากลับไปในช่วงยุคปี 1790 เวอร์ชิงตัน เออร์วิ่ง นักเขียนหนุ่มชาวอเมริกาได้เดินทางไปยังหมู่บ้านกสิกรรมแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของนิวยอร์ค ที่นั่นคือ ที่อยู่ของชาวดัทช์ที่ตั้งรกรากอยู่ที่นี่มาตั้งแต่ครั้งตั้งประเทศ ที่นั้นห่างไกลความเจริญและต้องใช้เวลานั่งรถม้าถึง 2 วันทีเดียว
.
ที่นั่น เออร์วิ่งได้พบกับบรรดาผู้คนในหมู่บ้านแห่งนี้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นสนามรบระหว่างทหารอเมริกันและทหารรับจ้างของอังกฤษในช่วงปลดแอกอิสรภาพ
.
สิ่งที่ยืนยันประวัติศาสตร์ตรงนี้ได้นั่นก็คือ หลุมศพของบรรดาทหารจำนวนมากที่ตั้งอยู่ในเมืองแห่งนี้ มีทั้งที่มีชื่อและสลักชื่อเอาไว้เป็นเกียรติ แต่ก็มีจำนวนมากที่ไม่มีชื่อ หรือ แม้กระทั่งญาติมาทำพิธีศพ
.
จนมีข่าวลือว่า วิญญาณทหารที่ตายยังไม่สงบลงด้วยซ้ำ
.
เออร์วิ่งได้ยินดังนั้นจึงนำเรื่องราวนี้มาผูกผสมเข้ากับตำนานของทางไอร์แลนด์อย่าง ดูลาฮาน หรือ ตำนานของเยอรมันอย่าง ผีร้ายไร้หัวที่ล่าเหยื่อเป็นต้น แน่นอนว่าเมื่อผสมผสานกับเรื่องราวสงครามปฏิวัตินั้นมันทำให้ได้กลายเป็นหนังสือเรื่องสั้นที่มีชื่อว่า
.
The Legend of Sleepy Hollow
.
แน่ล่ะว่า ตัวละครในเรื่องหลายตัวนั้นมีตัวตนจริง ๆ และเป็นชาวบ้านที่เขาเคยพบเจอระหว่างอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นตัวอิกกาบ็อต เครน พระเอกของเรื่อง บรอมโบนส์ ตัวร้ายของเรื่อง และ คาทาริน่า แวน ทาสเซิ่ล เองก็มีตัวตนจริง ๆ ในเรื่องนี้เพียงแต่เขาผูกเรื่องให้เกิดขึ้นในหมู่บ้านนี้เท่านั้นเอง
.
แน่นอนว่าเรื่องสั้นนี้กลายเป็นหนึ่งในมรดกทางวัฒนธรรมของอเมริกันที่ถูกเล่าขานผ่านสื่อต่าง ๆ ไม่มีวันรู้จบ ไม่ว่าจะเป็นคอมมิค อนิเมชั่น หรือ กระทั่งภาพยนตร์ที่ต่างประสบความสำเร็จอย่างมาก แน่ล่ะว่า เวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ตีความใหม่ของทิม เบอร์ตัน คือ หัวหอกในการนำพาตำนานนี้สู่สายตาชาวโลกและทำให้คนทั่วโลกรู้จักชายขี่ม้าหัวขาดกันแทบทั้งสิ้น
.
รวมทั้งล่าสุดตำนานแห่ง Sleepy Hollow ถูกโยกขึ้นสู่จอแก้วในฉบับซีรีย์บ้าง และมีการตีความใหม่ให้มาเกิดในโลกปัจจุบันกันเลยทีเดียว แถมยังประสบความสำเร็จมีซีซั่นต่อ ๆ มาอีกด้วย
.
เรียกว่า อาภรรพ์ของชายขี่ม้ายังคงเป็นที่ต้องการของทุกคนจนถึงปัจจุบันนี้
.
มันยังคงแรงเช่นเดิม ไม่มีวันเสื่อมคาย