วิธีวางใจเมื่อทำสมาธิ
เนื้อหาโดย กั๋วซิง
ผมขออนุญาตแบ่งปันแนวทางเจริญปฏิบัติให้แก่ท่านที่สนใจในธรรมะนะครับ เพื่อเป็นพื้นฐานใช้ขจัดอภิชฌา โทมนัส
ซึ่งตัวผมเองนี้ ก็มีกิเลสตัณหาเยอะ หื่นกาม บ้ากาม โมโหร้าย อยากได้ ตระหนี่ ริษยา หลงไหลใคร่ได้ไปทั่ว จนวันหนึ่งได้เห็นทุกข์จากสิ่งที่มีแก่ตนทั้งปวง จึงได้ศึกษาธรรมที่พระพุทธเจ้า องค์พระบรมศาสดาตรัสสอนไว้ดีแล้วเพื่อเป็นเครื่องออกจากทุกข์ และ ออกแสวงหาครูบาอาจารย์ พระอรหันต์ทั้งหลายเท่าที่พอจะมีโอกาสไปพบได้ แล้วขอเรียนรู้กรรมฐานจากท่านมา จากนั้นนำมาเจริญปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ให้มันใช้ได้กับตนในกาลทุกเมื่อ เพื่อละราคะที่เป็นไฟเผาไหม้กายใจผมหนักนัก
ซึ่งสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนไว้ดีแล้ว พร้อมทั้งธรรมเทสนาของครูบาอาจารย์พระอรหันตสาวกของพระพุทธเจ้าทุกๆท่านที่สอนผมทั้งหลายนั้น เป็นทางที่ถูกต้องดีงานเพื่อออกจากทุกข์ได้จริง แต่ถ้าหากแนวทางปฏิบัติที่ผมโพสท์เผยแพร่อยู่ต่อไปนี้เป็นการบิดเบือนไม่เป็นจริง ไม่ใช่ทางพ้นทุกข์เหล่าใด ขอให้ท่านทั้งจงรู้ไว้เลยว่าธรรมเหล่านี้เป็นเพียงสิ่งที่กรั่นกรองออกมาจากการปฏิบัติที่เป็นไปตามความคิดอนุมานคาดคะเนสมมติเอาของปุถุชนอย่างผมคนเดียวเพียงเท่านั้น แต่หากท่านทั้งหลายนำไปใช้แล้วเจริญปฏิบัติเห็นผลได้ไม่จำกัดกาล ขอให้ท่านทั้งหลายพึงรู้ไว้เลยว่า พระธรรมของพระพุทธเจ้า และ คำชี้แนะสั่งสอนของพระอรหันตสาวกครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เราสามารถนำมาใช้เจริญปฏิบัติ ประยุกต์ใช้ โดยให้ผลได้เห็นผลไม่จำกัดกาลแค่เราทำไว้ในใจให้เป็น
วิธีวางใจเมื่อทำสมาธิ
เริ่มต้นทำสมาธิ..ให้ทำใจให้เป็นที่สบายๆ ระลึกถึงความไม่มีทุกข์ใจ ไม่ลำบากกาย เรื่อยๆสบายๆ ทำถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมะบูชา สังฆบูชา มาตาปิตุบูชา ครูอุปัชฌาอาจาริยะบูชา ตั้งใจว่าทำสะสมเหตุไป ไม่ต้องประครองมากเกินไปหรือปล่อยละเลยเกินไป โดยระลึกว่า..หากมันจะเป็นสมาธิให้ทำยังไงมันก็เป็นสมาธิ หากมันจะไม่เป็นสมาธิให้จดจ้องประครองให้ตายมันก็ไม่เป็นสมาธิ ..ดังนั้นทำใจให้สบาย ปล่อยกายปล่อยใจให้โล่งเบาเป็นที่สบาย แล้วทำพุทโธไปเรื่อย ให้จิตอยู่กับพุทโธ
หากมีความคิดอื่นแทรก..ก็ให้มีสติเป็นเบื้องหน้ารู้ตัวว่าทำสมาธิอยู่ตั้งจิตมั่น ไม่หลงตามสมมติกิเลสความคิด แต่ปกติจิตเราหากอบรมมาน้อยมันไม่มีกำลัง ดังนั้นให้เราปักหลักรู้ลมหายใจมีพุทโธกำกับอยู่ไม่ออกจากพุทโธไป โดยหายใจเข้าออกให้ยาว ตั้งมั่นรู้ลมหายใจเข้าที่เคลื่อนผ่ายปลายหรือโพรงจมูกให้มั่น บริกรรมพุทยาวตามลมหายใจ หายใจออกยาวตั่งมั่นรู้ลมหายใจที่ผ่านโพรงหรือปลายจมูก บริกรรมโธยาวตามลมหายใจ แล้วมีสัมปะชัญญะและสติตั้งมั่นรู้อย ู่ทำใจแค่รู้ว่ามีสมมติกิเลสความคิดเกิดขึ้นมา แล้วก็ช่างมันปล่อยมันไปให้ทำแค่รู้ว่าคิดหรือสมมติเกิด
เมื่อรู้ว่าสมมติเกิด เป็นผู้รู้จริงต่างหากจากสมมติแล้ว จากนั้นให้ทำจิตเป็นผู้ตื่นโดยตั้งมั่นปักหลักวางจิตไว้ไม่ไหวเอนให้อาจจะกำหนดนิมิตดั่งอุปมาว่า..
อุปมาเหมือน จิต เป็นดวงอาทิตย์ ปักหลักแย่นิ่งตรงกลางวงโคจรในจักรวาลไม่หมุนตัวหรือเคลื่อนโคจร ฉันใด.. ส่วนสมมติกิเลสความคิดมันก็เหมือนดาวเคราะห์บริวารที่หมุนเคลื่อนตัวโคจรวนรอบจิตคือดวงอาทิตย์ ฉันนั้น..
หรือ..จิตเป็นดวงแก้วมณี ดั่งดวงจันทร์เมื่อวันเพ็ญที่อยู่ท่ามกลางอากาศบนท้องฟ้ากว้างมีความสว่างไสวอยู่ฉันใด สมมติกิเลศความคิดก็เหมือนเมฆหมอกที่รายล้อมจรมาเคลื่อนมาคลุมจิตแสงสว่างก็ถูกบดบังไปฉันนั้น แล้วให้จิตจับที่ลมหายใจนี่แหละเป็นดั่งลมที่พัดเอาเมฆหมอกคือสมมติกิเลสความคิดออกไปจากจิต ทำให้จิตที่เป็นดั่งแก้วมณีดุจดวงจันทน์เมื่อวันเพ็ญตั้งตระหง่านเด่นสว่างไสวตามเดิม
เมื่อจิตอยู่กับพุทโธและลมหายใจได้ จิตจะมีกำลังมากมันเหมือนอาการที่ตัวเราภายในมีกำลังอัดปะทุไปทั่วร่าง เหมือนตนทรงกายอยู่ได้โดยไม่ประครองหรือเหมือนจะลอยได้ ช่วงนี้แหละต้องตั้งมั่นไม่ให้จิตเสพย์สมมติ
- มันง่วงจะหลับก็ตั้งมั่นทรงอยู่ที่ลมหายใจไว้ ตั้งมั่นพุทโธไปเรื่อย โดยหน่วงนึกว่าหากมันจะหลับก็นั่งหลับมันไปเลยนี่แหละ ได้ธุดงควัตรข้อ "เนสัชชิก" นี่บุญโขเลยนะนี่ หลับในสมาธิหลับในฌาณนี่อกุศลไม่เข้าแทรกแน่นอน เผลอๆไปเฝ้าพระพุทธเจ้าได้ด้วย อะไรจะเกิดก็ช่างมันแต่รู้แล้วตั้งมั่นที่พุทโธเท่านั้นพอ
- มันจะวูบวาบๆขนลุกก็เฉยช่างมัน มันก็แค่จิตกับกายมันปรับตัวให้สมกันควรแค่ภาวนาเท่านั้น ความสงบใจจะเกิดขึ้น ความฟุ้งซ่านจะลกลง
- มันจะเหมือนอาการที่ใจเรามันคลุกจ้องอยู่ในอารมณ์หรือนิมิตใดนิมิตหนึ่งที่ไม่มีอะไร ไม่สนสิ่งอื่น ไม่สนเสียงภายนอก ไม่จับที่ลมหายใจแล้ว เสียงลมหายใจหายไปหรือเบาลง มีอาการเหมือนหูอื้อได้ยินภายนอกเบาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวที่อยู่เบื้องหน้านั้นก็ช่างมัน นั่นเป็นธรรมชาติของจิต
- มันจะวูบลงไปจับแต่นิมิตที่อยู่ตรงหน้า ไม่บริกรรมพุทโธ เหมือนพุทโธหายไป หรือ เหมือนได้ยินคำบริกรรมพุทโธมันดำเนินไปของมันอยู่โดยที่เราไม่ได้ไปบังคับบริกรรมมันเลย แต่มันทำของมันเองเหมือนสิ่งนั้นมันอยู่อีกฟากหนึ่ง ส่วนมุมหนึ่งๆของตัวรู้กับนิมิตเบื้องหน้าก็ช่างมัน ปล่อยมันไป ไม่ต้องให้ความสำคัญ หรือ รีบกลับมาบริกรรมพุทโธ แค่ให้เรารู้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็พอ ดูอาการที่เกิดขึ้นนั้นมันไปเรื่อยๆก็พอ ปล่อยมันไป มันแค่อาการหนึ่งๆของจิตที่มีอยู่นับล้านก็เท่านั้น ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไปคิดตามมันยิ่งติดสมมติไปใหญ่ วางเฉยต่ออาการนั้นเสียแค่รู้อยู่ก็พอเสีย
- มันจะไปรู้เห็นอาการอย่างไรก็ช่างมัน มันเหมือนจะรู้อาการหนึ่งแล้วก็วูบนิ่งแช่ว่าง สักพักเหมือนจะไปรู้อะไรอีกแล้วก็วูบนิ่งแช่อยู่ ก็ช่างมัน ก็แค่อาการหนึ่งๆของจิตมีเกิดขึ้นให้เรารู้ ดูแล้วจะรู้ว่าเราบังคับไม่ได้จึงชื่อว่า สังขาราอนัตตา, วิญญาณังอนัตตา ไม่มีอะไรเกินนั้น ก็แค่รู้แล้วปล่อยมันไป "รู้ ปกติ วาง"
- มันจะนิ่งแช่อยู่เฉยๆไม่มีอะไรเลย แล้วรู้สึกเหมือนมันหายใจไม่ออก ไม่หายใจ ลืมหายใจ ก็ช่างมันให้หน่วงนึกสำเหนียกว่าตายเพราะกรรมฐานนี้เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานแล้ว แล้วปล่อยมันไป มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าอยู่แล้วตายในกรรมฐานนี้มีคุณมากช่างมัน เราจะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับมันอีก
- มันจะเหมือนอาการที่ใจเรามันคลุกจ้องอยู่ในอารมณ์หรือนิมิตใดนิมิตหนึ่งที่ไม่มีอะไร ไม่สนสิ่งอื่น ไม่สนเสียงภายนอก ไม่จับที่ลมหายใจแล้ว เสียงลมหายใจหายไปหรือเบาลง มีอาการเหมือนหูอื้อได้ยินภายนอกเบาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวที่อยู่เบื้องหน้านั้นก็ช่างมัน นั่นเป็นธรรมชาติของจิต
- มันจะวูบลงไปจับแต่นิมิตที่อยู่ตรงหน้า ไม่บริกรรมพุทโธ เหมือนพุทโธหายไป หรือ เหมือนได้ยินคำบริกรรมพุทโธมันดำเนินไปของมันอยู่โดยที่เราไม่ได้ไปบังคับบริกรรมมันเลย แต่มันทำของมันเองเหมือนสิ่งนั้นมันอยู่อีกฟากหนึ่ง ส่วนมุมหนึ่งๆของตัวรู้กับนิมิตเบื้องหน้าก็ช่างมัน ปล่อยมันไป ไม่ต้องให้ความสำคัญ หรือ รีบกลับมาบริกรรมพุทโธ แค่ให้เรารู้สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นก็พอ ดูอาการที่เกิดขึ้นนั้นมันไปเรื่อยๆก็พอ ปล่อยมันไป มันแค่อาการหนึ่งๆของจิตที่มีอยู่นับล้านก็เท่านั้น ไม่ได้สลักสำคัญอะไร ไปคิดตามมันยิ่งติดสมมติไปใหญ่ วางเฉยต่ออาการนั้นเสียแค่รู้อยู่ก็พอเสีย
- มันจะไปรู้เห็นอาการอย่างไรก็ช่างมัน มันเหมือนจะรู้อาการหนึ่งแล้วก็วูบนิ่งแช่ว่าง สักพักเหมือนจะไปรู้อะไรอีกแล้วก็วูบนิ่งแช่อยู่ ก็ช่างมัน ก็แค่อาการหนึ่งๆของจิตมีเกิดขึ้นให้เรารู้ ดูแล้วจะรู้ว่าเราบังคับไม่ได้จึงชื่อว่า สังขาราอนัตตา, วิญญาณังอนัตตา ไม่มีอะไรเกินนั้น ก็แค่รู้แล้วปล่อยมันไป "รู้ ปกติ วาง"
- มันจะนิ่งแช่อยู่เฉยๆไม่มีอะไรเลย แล้วรู้สึกเหมือนมันหายใจไม่ออก ไม่หายใจ ลืมหายใจ ก็ช่างมันให้หน่วงนึกสำเหนียกว่าตายเพราะกรรมฐานนี้เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานแล้ว แล้วปล่อยมันไป มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าอยู่แล้วตายในกรรมฐานนี้มีคุณมากช่างมัน เราจะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับมันอีก
- มันจะว่างไม่มีอะไรเลย พยายามจะคิดก็คิดไม่ออก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก ไม่มีความคิดเลย ก็ช่างมัน เพราะนั่นคือ..จิตเราถึงพุทโธ ความเป็นผู้รู้ รู้ในปัจจุบัน, ความเป็นผู้ตื่นจากสมมติของปลอม ไม่หลงเสพย์สมมติอยู่อีกได้แล้ว.. เราอยู่นิ่งๆเฉยๆมันสบายโล่งดีแล้ว เมื่อจะระลึกทำ ก็ช่างมันให้หน่วงนึกสำเหนียกว่าตายเพราะกรรมฐานนี้เราก็ไปสวรรค์ ไปนิพพานแล้ว แล้วปล่อยมันไป มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น เรามีความตายเป็นเบื้องหน้าอยู่แล้วตายในกรรมฐานนี้มีคุณมากช่างมัน เราจะได้ไม่ต้องไปทุกข์กับมันอีก
- มันจะสุขอัดปะทุขึ้น เกิดมาไม่เคยเจอความสุขอะไรอย่างนี้มาก่อนเลยในชีวิต ก็ช่างมัน เพราะจิตมันไม่หลงสมมติไม่เสพย์สมมติแล้ว จิตมันก็มีกำลังไม่มอมเมาสมมติกิเลสอยู่อีก..จิตเข้าถึงพุทโธความเบิกบาน หลุดพ้นจากสมมติกิเลสของปลอมเครื่องร้อยรัดใจ เวลาที่จิตมันมีกำลังไม่เสพย์สมมติของปลอม ไม่เสพย์สมมตืความคิด มันก็อยู่เบิกบานเป็นสุขได้ด้วยตัวของมันเองอย่างนั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมายรู้และ้วก็ปล่อยมันเป็นไปของมัน
- มันจะว่างเปล่า นิ่งแช่อยู่ไม่มีอะไรเลย ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นดูมันสว่างๆแต่ก็ไม่มีอะไรเลย สุขก็ไม่มี มีแต่ว่าง สงบไม่มีอะไรทั้งสิ้น พอเหมือนจะคิดหรืออะไรมันเพิกไปของมันทันทีเลย นั่นแสดงให้เห็นว่าจิตมันไวกว่าแสง และ ทั้งหมดทั้งปวงนี้มันไม่มีอะไรทั้งสิ้น ครูบาอาจารย์ท่านว่า..ก็ในเมื่อมันไม่มีแล้วจะให้มันมีมันเห็นอะไร ของมันไม่มีจะทำให้มันมีได้ยังไง ที่เราหลงอยู่คือสมมติจากความไม่มีอะไรตรงนี้แหละ เมื่อเห็นว่ามันไม่มีอะไร ไปทางไหนก็ไม่มีอะไร ภายในก็ไม่มี ภายนอกก็ไม่มี แล้วมันจะมีอะไรให้ยึดเป็นตัวตนอันใดในโลกได้ เมื่อของแท้จริงโลกมันว่างเปล่าอยู่อย่างนี้ เราก็แค่รู้ดูมันไปเรื่อยๆ ปล่อยจิตให้มันคลายหลงสมมติในโลกทั้งๆที่จริงเป็นเพียงของความว่างเปล่านั้นๆไปเสีย
** ทำอยู่อย่างนี้ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปอยากได้ฌาณเหมือนเขาอยากได้ญาณเหมือนเขา อยากได้อภิญญาเหมือนเขา ของเก่าเรามันไม่มีสะสมไว้มันไม่เกิดขึ้นได้หรอก การเข้าสมาธิอย่างนี้ๆเป็นพื้นฐานของทุกอย่างทั้งฌาณก็ดี อภิญญาก็ดี ญาณทัสสนะก็ดี ปัญญานิพพิทาวิราคะก็ดี ..ทำอย่างนี้ได้จะจับกสินเอาอภิญญาก็ง่าย ไปจับเจโตวิมุติก็ง่าย ปัญญาวิมุตติก็ง่าย ทำสมาธิแบบสบายๆอย่างนี้ไม่ได้ก็ไปทำอย่างอื่นไม่ได้เช่นกัน"ศีล ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาความเย็นใจ, ทาน ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาความอิ่มใจ, สัมมัปปธาน ๔ ยังไม่ทำอย่าไปหวังเอาสติ สัมปะชัญญะ, ภาวนา ยังไม่ทำก็อย่าไปหวังสมาธิ สมาธิยังไม่ทำก็อย่าไปหวัง ฌาณ ญาณ ปัญญา" ..."ดังนั้นทำสะสมเหตุภาวนาอย่างนี้ไปเรื่อยๆสบายๆ จะได้ผลหรือไม่ได้ก็ช่างมัน เพราะว่าหากนจะเกิดมีมันเกิดมาเองไม่ต้องไปบังคับมันเลย หากมันจะไม่เกิดไม่มีให้บังคับให้ตายยังไงก็ไม่ได้หรอก" ด้วยเหตุดังนี้จึงชื่อว่า..สัพเพธัมมาอนัตตา สังขารทั้งปวงไม่มีตัวตน สมดั่งพระศาสดาตรัสสอนไว้ ดังนั้นเราจึงต้องฝึกฝนอบรมจิตด้วยประการดังนี้
เมื่อจิตมันมีสมาธิเต็มกำลังแล้ว มันจะเห็นของมันเอง เกิดปัญญาเอง เกิดญาณทัสสนะมีคุณวิเศษเอง ไม่ต้องไปอยากดู อยากเจอนั่น โน่น นี้ อะไรทั้งสิ้น เมื่อมันเต็มมันถึงคราวแปล้วมันได้เอง ..ให้ทำแค่มีสติระลึกรู้ แลดูอยู่เฉยๆ ไม่ต้องการ ไม่ต้องตกใจ ไม่ต้องเอะใจติดข้องสิ่งใด ให้เหมือนตอนหัดปฏิบัติใหม่แรกเริ่มที่ไม่รู้จักอะไรนอกจากพุทโธเป็นพอ.."ทำแค่แลดู แต่ไม่ไปต้องรู้" เป็นอย่างนี้**
ไม่ต้องไปหลงตามปัญญาจากสัญญาความคิด ว่าเห็นสมุทัยอย่างนั้นอย่างนี้ จะละโน่น ดับนั่น ดับนี้แล้วถึงธรรม หากจิตตั้งมั่นไม่ได้ปัญญาแท้จริงก็มีไม่ได้ มันจะมีกีแต่ปัญญาที่เป็นสมมติความคิดจากความจำที่มันอนุมานคาดตะเนเดาเอา หากหลงตามมันไปมันนั่นแหละคือตัวสมุทัยที่ทำให้เราหลงสมมติสัญญาความคิดคาดคะเน ตามที่หลวงตามหาบัวสอน (เราคาดว่านี่คือตัวที่เรียกว่าวิปัสสนูปกิเลส)
หากท่านใดสนใจเรียนรู้ปฏิบัติ หากอยู่ใกล้วนเวียนบางเขน ขอเชิญที่วัดพระศรีฯ ทุกๆวันศุกร์ เริ่มประมาณ 7.30 น. สามารถไปทำบุญและฟังธรรมเทสนาของหลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน ที่ กุฏฺิ ๘ ได้ครับ
หากอยู่ชัยภูมิ ก็ไปหาหลวงพ่อเสถียร ได้ที่วัดป่าโสกขามป้อม จ. ชัยภูมิ ครับ
หากอยู่ชัยภูมิ ก็ไปหาหลวงพ่อเสถียร ได้ที่วัดป่าโสกขามป้อม จ. ชัยภูมิ ครับ
และ ครูบาอาจารย์ที่เป็นพระอรหันต์มีมากที่ท่านไม่เปิดเผยตัว ที่ใกล้ตัวท่าน ครับ
หากอยู่ นนทบุรี ก็ไปหาหลวงปู่บูญฤทธิ์ ได้ครับ
เนื้อหาโดย: ทะเล้น
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
VOTED: llHackll, signandsign, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
แจ้งโอนเงิน 10,000 เข้าบัญชี 19 ธ.ค.นี้ เช็คผู้มีสิทธิ์ได้เดือดต่อ! เขมร โผล่เคลม ตำนานเพลงไทย? บนเวที Miss Planet 2024 งานนี้โดนวิจารณ์ยับลูกค้ากินบุฟเฟ่ต์ 210 บาทไม่ยั้ง ชาวเน็ตห่วงร้านขาดทุน เจ้าของเผยคำตอบพลิกความคาดหมาย“ดาว อภิสรา” ยิ้มร่าเปิดใจ ปิดฉาก 19 ปีในบ้านช่อง 3สาวเด็ดพริกสุดแซ่บ!ออร่าระดับเกาหลี!ตำรวจจับตำรวจ พบยาบ้ๅ 50 เม็ด ฉี่ม่วงแอลกอฮอล์เป็นพิษ คิดสักนิดก่อนจะดื่ม อย่าสนุกจนลืมระวัง และ ระดับแอลกอฮอล์ในเลือดปริมาณกี่มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ที่จะส่งผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ?พี่เขยหื่นลวงน้องเมียวัยสิบขวบกักขังขืนใจ-อัดคลิปขาย!ยอดภูคาเฟ่ ร้านกาแฟเล็กๆ แต่บรรยากาศดี ที่ภูทับเบิก เพชรบูรณ์ลุ้นระทึกเสียวหลัง...นักรีวิวกระหน่ำเชียร์ "วัยหนุ่ม2544" มีดีซ่อนอยู่ไปดูเถอะ !!5 สิ่งที่บ้านเก่าซ่อนอยู่ ซึ่งอาจเปลี่ยนชีวิตคุณโดยไม่รู้ตัว7 เทคนิคจัดห้องนอนให้หลับสบายที่สุดในชีวิต แก้ปัญหานอนไม่หลับได้จริงHot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
Oymyakon เมืองเล็กๆ ในไซบีเรีย ประเทศรัสเซียสถานที่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ที่หนาวที่สุดในโลกบุ๋ม ปนัดดา อยากรู้ ทำไมน้ำท่วมภาคใต้ ข่าวเงียบมากเดือดต่อ! เขมร โผล่เคลม ตำนานเพลงไทย? บนเวที Miss Planet 2024 งานนี้โดนวิจารณ์ยับ5 เทคนิคประหยัดเงินที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แต่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน3 ทหารเสือสาว ซีรีส์ช่อง 3 รวมนางเอกลูกครึ่งระดับท็อปคนแพร่ไม่ปลื้ม! อาม ชุติมา มิสแกรนด์แพร่ ทำไมคนอีสานถึงเป็นตัวแทน?