เจาะลึก!!เรื่องแซลมอน เเซลมอนเลี้ยง VS แซลมอนธรรมชาติ ชนิดไหนที่ควรกิน??!!
ปลาแซลมอนเลี้ยงมักจะเต็มไปด้วยยาปฏิชีวนะและสารปรอท และเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่า ปลาแซลมอนที่เราทานกันอยู่ทุกวันนี้จะปลอดภัย
akerfeed.com
คุณคงเคยได้ยินเกี่ยวกับประโยชน์ที่น่าเหลือเชื่อของปลาแซลมอน เนื้อปลาแซลมอนเป็นแหล่งสะสมของโปรตีนที่มีคุณภาพสูง เช่นเดียวกับวิตามินและแร่ธาตุ ทั้งโพแทสเซียมและวิตามินB12 และมันยังประกอบไปด้วยกรดไขมันโอเมกา-3 ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของสมอง รวมไปถึงประโยชน์ต่อหัวใจและข้อต่อด้วย
ผู้คนทั่วโลกนิยมกินปลาแซลมอนในวิธีที่แตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็น การอบ, การย่าง, การปิ้ง, การรมควัน และที่ฮิตที่สุดคือการกินแบบดิบ แต่ไม่ว่าจะวิธีการไหนก็มีความปลอดภัย ถ้าคุณเลือกปลาแซลมอนที่ถูกต้องมา รสชาติไขมันในเนื้อของปลาแซลมอนรวมไปถึงปริมาณสารอาหารของมันจะขึ้นอยู่กับแหล่งที่มา ถ้าคุณชื่นชอบการกินปลา คุณก็คงต้องการความแน่ใจว่าปลาที่ซื้อมานั้นสะอาด มีสุขภาพดี และไม่ได้มาจากฟาร์มเลี้ยง
สีของเนื้อปลาแซลมอนเป็นสิ่งบ่งบอกที่ดีว่าปลาแซลมอนที่คุณซื้อมานั้นเป็นของแท้หรือไม่ สีของปลาแซลมอนที่ถูกจับมาตามธรรมชาติจะเป็นสีแดงส้ม (robust red) ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นลักษณะของปลาแซลมอน ส่วนปลาแซลมอนที่เลี้ยงไว้จะมีสีสว่างๆและมีสีอ่อนในกรณีที่ปลาตัวนั้นป่วย สารแอสตาแซนธิน (Astaxanthin) เป็นโมเลกุลสีแดงสดที่พบในสาหร่าย, แพลงตอน และตัวเคย มันช่วยทำให้แซลมอนมีสีแดง สารตัวนี้ยังมีประโยชน์อย่างมากต่อร่างรายของมนุษย์ มันเป็นสารต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ มันยังช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดและซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์
akerfeed.com
(สีแดงปนส้มเป็นตัวบ่งบอกที่ดีของปลาแซลมอนที่จับตามธรรมชาติ ส่วนปลาแซลมอนเลี้ยงจะมีสีชมพูอ่อนปนส้ม)
ปลาแซลมอนธรรมชาติจะได้รับสารแอสตาแซนธินจำนวนมากจากอาหารของพวกมัน ในขณะที่ปลาแซลมอนเลี้ยงจะกินอาหารเม็ดที่ไม่ได้ประกอบด้วยสารแอสตาแซนธินจากธรรมชาติ ดังนั้นคนเลี้ยงจึงได้เติมสารที่ทำเองลงไปแทน ซึ่งส่วนใหญ่แล้วแปรรูปมาจากถ่านหิน ปลาที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มรวมไปถึงปลาป่นและน้ำมันปลา ล้วนมีความเสี่ยงของการเกิดไดออกซิน (Dioxin) และสารปรอทปนเปื้อน ผู้เลี้ยงบางรายมีความพยายามเปลี่ยนอาหารที่ใช้เลี้ยงแซลมอน จากปลาป่นไปเป็นถั่วเหลือง, โปรตีนจากข้าวโพดและน้ำมันพืช แต่ปลาแซลมอนไม่กินถั่วเหลืองและข้าวโพด ดังนั้นการลดคุณภาพของอาหารและยาปฏิชีวนะมีความจำเป็นเพื่อให้ปลามีสุขภาพที่ดี การรวมกันของยาปฏิชีวนะเหล่านี้สามารถเข้าไปสู่อาหารที่เราทานได้ ขณะที่น้ำมันพืชจะลดปริมาณของโอเมกา-3 และสามารถนำสารพิษเข้าไปในปลาแซลมอน คุณคงไม่ต้องการจะกินมันหรอกนะ
องค์การอาหารและยาของประเทศสหรัฐอเมริกา (FDA) และสำนักงานปกป้องสิ่งแวดล้อม (EPA) ได้ทำการศึกษาการปนเปื้อนสารปรอทในปลา และพบว่าปลาแซลมอนที่จับจากธรรมชาติมีความเสี่ยงของการปนเปื้อนสารปรอทน้อยมาก ปลาแซลมอนสดถูกพบว่ามีความปลอดภัยต่อคนท้องที่จะกินมัน และคลิปด้านล่างนี้จะช่วยให้คุณแน่ใจว่า คุณทำอาหารจากปลาแซลมอนในอุณภูมิที่ถูกต้อง
akerfeed.com
ต่อไปเราจะแนะนำบางประเภทของปลาแซลมอนจากธรรมชาติ ที่มีสารอาหารมากที่สุด
- Sockeye Salmon – เป็นแซลมอนที่มีสารแอสตาแซนทินมากที่สุด รวมไปถึงคอเลสเตอรอลและวิตามินD เพราะเจ้าSockeye จะเลือกกินเฉพาะแพลงตอนอย่างเดียว ปลาชนิดนี้ไม่เหมาะกับเลี้ยงในฟาร์มเนื่องมาจากการกินอาหารที่ไม่ปกติของพวกมัน ดังนั้นปลาชนิดนี้ส่วนใหญแล้วจะเป็นปลาธรรมชาติ แซลมอนSockeye มีโอเมกา-3ที่สูงและมีรสชาติที่อร่อยที่สุดเลยก็ว่าได้ ดังนั้นมันจึงเหมาะกับการนำไปรมควันที่สุด
- Chinook (King) Salmon – เป็นแซลมอนที่มีไขมันโอเมกา-3มากกว่าแซลมอนชนิดอื่นถึงสองเท่า พวกมันอาศัยอยู่ในแถบน้ำเย็นและลึก ไขมันโอเมกา-3ที่มีมากเป็นพิเศษของมันจะถูกเก็บในรูปแบบของของเหลวภายในร่างกายเพื่อช่วยให้ร่างกายอบอุ่น คิงแซลมอนเป็นแซลมอนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและสามารถโตเต็มที่ด้วยน้ำหนักมากถึง 100 ปอนด์เลยทีเดียว พวกมันนำมาทำอาหาได้หลาย แต่การย่าง, การทำบาร์บีคิว และการรมควันเป็นวิธีที่ได้รับความนิยม
- Pacific Coho Salmon – โคโฮเป็นปลาแซลมอนที่มีส่วนประกอบของไขมันมากเป็นอันดับ3 รวมไปถึงการมีวิตามินD และโอเมกา-3 มันยังมีรสชาติที่นุ่มลิ้นมาก ดังนั้นคนจึงชอบจับมันมาเพื่อเก็บความสดเอาไว้ (แบบซาชิมิ) หรือใช้ในสำหรับทำซูชิ
ปลาแซลมอนตามธรรมชาติอาจมีราคาสูง แต่มันก็คุ้มค่ากับเงินที่เสียไปนะ ยังมีวิธีการปรุงอาหารอีกจำนวนมากให้เลือก และการซื้อปลาแซลมอนที่มาจากธรรมชาติ จะทำให้คุณได้รับคุณค่าทางโภชนาการที่น่าอัศจรรย์ เรามาดูวิธีการปรุงอาหารจากปลาแซลมอนแบบง่ายๆกันเลยดีกว่า ผ่านทางคลิปด้านล่างนี้….