ใครอ่านจบ ถือว่า ข้ามขั้นคนไทยอ่านหนังสือแค่แปดบรรทัด
ตอนเย็นของวันหลังวันศุกร์เราได้นั่งดูรูปเก่าๆที่เลยกาลผ่านเปลื่ยนวันเวลาต่างๆ นั่งดูละครเก่าๆที่ภาพเริ่มจะจางหาย นั่งอ่านหนังสือเก่าๆที่ไม่เคยเก็บแต่ในหิ้งเรื่อง 'เมื่อคุณตาคุณยายยังเด็ก' ในความทรงจำต่างๆเหล่านั้นยังคงสร้างรอยยิ้ม เสียงหัวเราะและความอบอุ่นอยู่เสมอๆ แม้ว่าเรื่องราวในอดีตจะมีทั้งดีและร้าย ทั้งสุขและเศร้า ทั้งเพื่อนและครอบครัว แต่ไม่เคยคิดเสียใจกับสิ่งต่างๆเหล่านั้น
ถึงแม้มีไทม์ แม็คชีนของโดเรมอน ก็จะไม่ขอย้อนกลับไปเปลี่ยนอดีตหรอก เพราะทุกครั้งที่นึกถึงเราจะคิดเสมอว่าเรานั้นช่างโชคดีแล้วที่เกิดเป็นเด็กในยุค90 ยุคที่ได้เห็นคำว่า 'สัจธรรม' และไม่ใช่แค่ได้เห็นนะแต่ได้เข้าใจความหมายมันอย่างลึกซึ้งเลยทีเดียว
ในยุคนั้น เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ในสมัยยุค90เราเป็นคนเปลี่ยนมัน แต่เดี๋ยวนี้ยุค2016 เรากลับถูกมันเปลี่ยนซะเอง ไม่น่าเชื่อนะว่ามันจะเกิดขึ้นจริง จากเพื่อนเราสมัยนั้นพอเราเจอหน้ากัน แทบจะร้องด้วยความดีใจคุยกันจนหมดแรงหมดเสียง มองตากัน มองหน้ากัน แสดงความห่วงใยจนสัมผัสได้ แต่ยุคสองพัน เรากลับมองสี่เหลื่ยมเล็กๆที่อยู่ตรงหน้ามากกว่าที่จะมองตัวเราเองในกระจกซะอีก เจอหน้าเพื่อน กลับไม่ได้คุยกันจนหมดเสียงหมดแรงเหมือนก่อน แต่เป็นว่าเราคุยกันจนปวดตาปวดมือ ความหว่งใยต่างๆสัมผัสด้วยปุ่ม 👍 เราจึงห่างกันทางสัมผัสของความเป็นมนุษย์แต่เราใกล้ชิดกันด้วยสัมผัสของเทคโนโลยี ในยุคต่อไปคนอาจจะต้องเรียนวิชา สื่อสัมผัสกับมนุษย์
ยังจำได้อีกว่าในยุค90ละครต่างๆมีเรื่องสอนใจ มีศลีธรรมสอดแทรก เด็กในยุคนั้นกลัวบาปกันจริงๆจังๆ เชื่อฟังพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย อย่างกับในละครตอนค่ำ มีความไร้เดียงสาตามวัยและตามเข็มนาฬิกา คือ ไปช้าๆแต่ไปเรื่อยๆ ถ้าเป็นละครรักส่วนใหญ่มีเลห์มีมุมน่ารักของพระนางที่ไม่จำเป็นต้องถึงเนื้อถึงตัว แต่ก็ทำให้คนดูก็จิกที่นอนขาดได้ ดาราสวยหล่อมีรสนิยมและวางตัวเป็นตัวอย่างที่ดี อาจจะไม่ต่างมากกับสมัยนี้แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นจะเน้นในทางถึงเนื้อถูกตัวกันมากขึ้น เพื่อความสมจริงว่างั้น ทำให้คนดูบางพวก เริ่มจะแยกไม่ออกว่าละครกับความจริงมันต่างกัน เพราะในยุคนี้คนรู้จักบาป รู้จักกรรม รู้จักศีลธรรมนั้นมีอยู่น้อยจริงๆ ส่วนใหญ่จะรู้จักไปทางที่มีอิทธิฤทธิ์ ให้โชค ให้รวย จนลืมว่าจริงๆแล้วทุกอย่างมันอยู่ที่เราต่างหาก ที่จะบอกว่าจะรวยหรือจน
ในยุคนั้นเราได้เห็นน้ำท่วมกรุงเทพครั้งใหญ่และเรายังโชคดีได้เห็นมันอีกในยุคสองพันนี้ แสดงว่าสิ่งต่างๆเปลี่ยน แต่คนที่คุณรู้ว่าใครไม่เปลี่ยนยังคงรักษามาตราฐานกันอย่างเหนียวแน่น
ในตอนนั้นเราต้องไปโกงกดเครื่องกินโรตีสายไหมเวลาบังเผลอเพื่อให้ได้เบอร์เยอะสุด แต่ไม่เคยได้สักที แค่นึกถึงยังอดขำไม่ได้กะอีแค่โรตีเด็กสมัยนั้นยังจริงจังเอามาเล่ามาเบ่งกับเพื่อนที่โรงเรียนหรือเพื่อนแถวบ้านได้เหมือนกับว่า ฉันเก่งกดได้ห้าอัน ยิ้มไปเป็นอาทิตย์ ได้โดดหนังยางกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ดีดลูกแก้วจนนิ้วปวดนิ้วบวม หรือแม้กระทั้งเรายังทันได้เล่นงูกินหาง มอญซ่อนผ้า และอะไรต่อมิอะไรที่เด็กๆสมัยนั้นต้องได้ออกกำลังท้ังทางร่างกายทั้งทางจิตใจและทางสมอง เพราะทุกๆกาลละเล่นต่างๆนั้นสอนให้เรารู้จักคิด มีเหตุมีผลเพราะต้องคิดว่าทำอย่างไรเราถึงจะชนะ แถมยังแข็งแรงด้วยนะ ไม่ค่อยเป็นอะไรกันง่ายๆหรอก
แต่ในยุคนี้ทุกอย่างสะดวกดีอยู่ที่ปลายนิ้ว เล่นกันได้ทั่วโลก ไม่ต้องรู้จักไม่ต้องมีปฎิสัมพันธ์ ถ้าฆ่ากันได้ทำทันที ไม่ต้องกลัวอะไรตายแล้วเริ่มใหม่ บ่อยๆครั้งเข้าเลยชินชา กลายเป็นคนมองอะไรเห็นอะไรขัดหูขัดตา พวกยิงพลุน พวกมารุมฆ่ากัน ความรู้สึกที่คนจะต้องมีก็ไม่มีเพราะไม่เคยถูกฝึกให้ใช้
ยุคนี้คนสนใจแต่งตัวให้สัตว์เลี้ยงกันมากขึ้น มันช่างน่ารักมุ้งมิ้งซะจริง แล้วทำไมคนกลับเริ่มถอดเสื้อผ้าออกกลายเป็นสัตว์ไปซะหละ หรือที่สื่อบอกว่ามันเป็นศิลปอย่างหนึ่ง แต่สื่อไม่ได้บอกว่ามันเป็นศิลปที่ลอกเลียนแบบมาจากสัตว์เลี้ยง
เราได้เห็นแม้กระทั้งคนไทยสมัยก่อนมีแค่คนไทยอย่างเดียวไม่มีฝ่ายนั้นไม่มีฝ่ายนี้ทุกคนคือคนไทย ในยุคนั้นเราอยู่กันอย่างร่มเย็นจริงๆ เพื่อนบ้านไม่เห็นแก่ตัวสามารถหาคนที่เราเชื่อใจได้ตามท้องถนน เรามองสมัยนี้ว่ายังไม่เปลี่ยนอะไรมากนะแต่แค่เราหาคนที่เราเชื่อใจได้น้อยขึ้น โมโหกันง่ายขึ้น ตายกันเร็วขึ้น แถมยังแบ่งฝ่ายกันเองอีก ทั้งๆที่เราอยู่ในประเทศเดียวกัน ประเทศที่มีแต่คนอิจฉา เข้าตำราคนในอยากออกคนนอกอยากเข้า หรือเปล่านะเราไม่อาจรู้ได้
คุณครูและลูกศิษย์ในยุคนั้นเคารพบูชากันอย่างจริงใจ เป็นเรือผายเรือแจว ให้เราได้นึกถึงทุกครั้ง ว่าครั้งหนึ่งเราโดนตีจากความหวังดีของคุณครูจริงๆไม่ใช่โดนตีที่มาจากอารมณ์ของครู ซึ่งสมัยนี้เราคิดว่าคงจะไม่เปลี่ยนมากครูก็ยังเป็นครูลูกศิษย์ก็คือลูกศิษย์ แต่แค่เราเห็นข่าวในสมัยนี้ ครูกับลูกศิษย์ไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคนในยุคนั้นแค่นั่นเอง
เราได้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งหลายเกิดขึ้นไม่ว่าจะกับตัวเรา กับครอบครัวเรา กับเพื่อนเรา ที่ทั้งดีและไม่ดีมากมายจนตามไม่ทัน มันเกิดขึ้นทุกวันทุกเวลา และมันก็เปลี่ยนแปลงเรื่อยๆ เกิดดับไม่มีที่สิ้นสุด จนทำให้เราเห็นสัจธรรมอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่เราเห็นหรือเข้าใจสัจธรรมนะ แต่เราคือตัวมันเองต่างหากหละ ดาราสมัยนั้นหล่อสวย มาตอนนี้ อายุเปลี่ยน สภาพแปลง
ที่พิมพ์มาทั้งหมดไม่ได้จะให้คิดอะไรมากหรอกนะ แค่อยากให้เราเริ่มที่ตัวเรา เริ่มหาตัวเราที่เป็นเรา หาสุขให้กับส่วนรวม เก็บความทุกข์ไว้กับเทคโนโลยี บางทีบ้านเมืองเราในตอนนี้อาจจะกลับมาร่มเย็นตามสภาพที่เป็นคงจะดีไม่น้อย.