ฝนตก น้ำท่วม รถยนต์ เสียหาย ประกันภัยรถยนต์ จ่ายไหม
ตรวจสอบความคุ้มครองกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์ หากทราบว่าเส้นทางมีน้ำท่วมขังสูง แล้วยังจะใช้ ทาง ประกันภัย อาจไม่จ่ายค่าเสียหาย
หน้าฝนทั้งที นอกจากจะเข้างานสาย (บางเวลา) บางครั้งยังทำให้ รถยนต์ เกิดความเสียหายได้อีก ปัญหาคือ หากเกิดเหตุการณ์ข้างต้นแล้ว คุณจะได้รับความคุ้มครองจาก ประกันภัยรถยนต์ หรือไม่ จะทราบได้อย่างไร
1. ตรวจสอบความคุ้มครองของกรมธรรม์ ประกันภัยรถยนต์
ขั้นแรกคือ จะต้องตรวจสอบความคุ้มครองของกรมธรรม์ที่ซื้อไว้ก่อน ปกติแล้วหากคุณซื้อ ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1, ประกันชั้น 2, 2+ มักจะมีความคุ้มครองความเสียหายกรณีน้ำท่วม และไฟไหม้ โดยสามารถสอบถามรายละเอียดความคุ้มครองจากตัวแทน ประกันภัย ความคุ้มครองที่จะได้รับเมื่อเกิดเหตุการณ์ทางธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม ทางบริษัท ประกันภัย จะชดเชยค่าเสียหายให้ใน 2 กรณี
1. รถยนต์ คันเอา ประกันภัย เกิดความเสียหายอย่างสิ้นเชิง (มากกว่า 70% ของทุน ประกันภัย ) ทางบริษัท ประกันภัยรถยนต์ จะจ่ายค่าชดเชยให้เต็มวงเงินทุน ประกันภัย ที่ทำไว้
2. กรณี รถยนต์ คันเอา ประกันภัย ได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ แต่ไม่ได้รับความเสียหายอย่างสิ้นเชิง คือ รถยนต์ คันเอา ประกันภัย ได้รับความเสียหายน้อยกว่า 70% ของทุน ประกันภัย กรณีนี้ บริษัท ประกันภัย จะดำเนินการจัดซ่อมให้ รถยนต์ คันเอา ประกันภัย คืนสู่สภาพเดิม โดยเจ้าของ รถยนต์ คันเอา ประกันภัย จะต้องร่วมจ่ายค่าสึกหรอด้วยส่วนหนึ่ง และอาจมีค่าใช้จ่ายอื่นๆ เพิ่มเติม ได้แก่ ค่าดูแลรักษา ค่าขนย้าย รถยนต์ (โดยจะต้องไม่เกิน 20% ของค่าซ่อมทั้งหมด)
เจ้าของรถคันเอา ประกันภัย ควรรีบแจ้งให้ทางบริษัท ประกันภัยรถยนต์ ทราบโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ทางบริษัททำการตรวจสอบความเสียหายที่แท้จริง
2. สถานการณ์
วิธีการที่ง่ายที่สุด คือการเลี่ยงเส้นทางน้ำท่วมขัง แต่การใช้ชีวิตในเมืองอย่างกรุงเทพฯ ส่วนมากแล้วเราก็ไม่สามารถเลี่ยงได้ หากทราบอยู่แล้วว่าเส้นทางนั้นมีน้ำท่วมขังสูง แล้วยังจะใช้เส้นทางนั้นอยู่ แล้ว รถยนต์ เสียหาย ทาง ประกันภัย อาจไม่จ่ายค่าเสียหายให้
วิธีการปฏิบัติตัวเมื่อต้องขับฝ่าน้ำท่วม
1. ตั้งสติ ใจเย็นๆ
2. สังเกตระดับน้ำจากบาทวิถี หรือเสาไฟฟ้าข้างถนน
3. ปิดแอร์ รถยนต์
4. ปรับมาใช้เกียร์ต่ำ ขับช้าๆ
5. อย่าเร่งเครื่อง เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้น้ำเข้าห้องเครื่อง จนกว่าจะผ่านทางที่น้ำท่วมไปแล้ว
6. อย่าดับเครื่องยนต์ทันที ให้รอจนไม่มีน้ำค้างในท่อไอเสีย แล้วค่อยดับเครื่อง
หาก รถยนต์ ดับกลางน้ำจะทำอย่างไร
หากเราหลีกเลี่ยงพื้นที่น้ำท่วมขังไม่ได้ แล้ว รถยนต์ มาดับกลางน้ำ ก็ไม่ต้องตื่นตระหนก ติดต่อตัวแทน ประกันภัย หรือบริษัท ประกันภัยรถยนต์ เพื่อประสานงานแจ้งรถลาก ส่วนใหญ่แล้ว ประกันภัยรถยนต์ ชั้น1 จะมีความคุ้มครองส่วนนี้อยู่แล้ว ส่วน ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 2, ชั้น 2+ นั้น สามารถเลือกซื้อความคุ้มครองเพิ่มในส่วนนี้ได้ หากเราอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมบ่อยๆ สิ่งที่ดีที่สุดเห็นจะเป็นการซื้อ ประกันภัยรถยนต์ คุ้มครองกรณีน้ำท่วม และความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติเผื่อไว้ อย่างน้อยถ้าหาก รถยนต์ ของเราได้รับความเสียหาย เราก็ไม่ได้เป็นฝ่ายรับผิดชอบแต่คนเดียว