เผยงานศึกษา สตรีค้าบริการทางเพศในไทยมีมากกว่า 2 ล้านคน หนาแน่นย่านลาดพร้าว-รามคำแหง ถึง 507 จุด
** ทิมมี่ขอคัดย่อบางส่วนมานะครับ ฉบับเต็มหาอ่านจากแหล่งที่มาได้เลย **
คู่มือท่องอาณาจักรเนื้อสดฉบับ Data Scientist
หากจะว่ากันด้วยอาชีพที่เก่าแก่ที่สุดในโลก คงหนีไม่พ้น ‘การค้าบริการทางเพศ’ ที่อยู่เคียงข้างอารยธรรมมนุษย์มาอย่างเหนียวแน่นและไม่มีทีท่าว่าจะเสื่อมความนิยมลง แม้เราจะมีวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำตามวันเวลา แต่วงการเนื้อสดก็ยังเติบโตและมีวิวัฒนาการร่วมได้อย่างแนบเนียน จนสามารถเปิดพื้นที่ใหม่ๆ ในตลาดซื้อขายทางเพศอย่างที่บรรพบุรุษยุคก่อนๆ ไม่เคยจินตนาการถึง
เมืองไทยเรานี่ก็ ‘เมืองพุทธ’ ที่ซีเรียสเรื่องศีลธรรมและคุณงามความดีโดยการมีผัวเดียวเมียเดียว แต่กลับมีสถิติผู้ขายบริการทางเพศมากถึง 2 ล้านคน ซึ่งก่อนหน้านี้การซื้อขายมักกระทำกันในแวดวงที่ลึกลับซับซ้อน มีพ่อเล้าแม่เล้าคอยหักหัวคิว มีกลุ่มผู้มีอิทธิพลคอยบริหารจัดการ จนเราแทบไม่มีโอกาสเข้าไปศึกษา (ไม่ได้ไปใช้บริการนะ!) จากปรากฏการณ์นี้อย่างเป็นรูปธรรมนัก
จนกระทั้งเราอยู่ในยุคที่พูดกันเรื่อง Big Data ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ตลาดค้าบริการทางเพศก็ย้ายถิ่นฐานมาเป็นเจ้าแรกๆ โดยการเป็นแหล่งบรรจุข้อมูลขนาดมหึมาไว้เป็นเครื่องมือให้นักเที่ยวได้ตัดสินใจ ผู้ค้าติดต่อผู้ขายโดยตรง ลดขั้นตอนการหักหัวคิวอย่างที่เคยทำๆ กัน โสเภณีมีความเป็น ‘ฟรีแลนซ์’ ไม่ต้องขึ้นกับใครและเลือกรับงานอย่างอิสระ ผ่านชุด Data Set ที่ User ต่อ User ผลิตขึ้นแต่ละวันเป็นพันๆ กิกะไบต์
SEX in the City and VERY VERY Big DATA
ใช่แล้ว! การค้ากามและฐานข้อมูล เป็น 2 สรรพสิ่งที่สมานกันได้อย่างแนบเนียนและลงตัว กิจกรรมการซื้อขายทางเพศสร้างฐานข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ แต่หากไม่มีใครไป ‘แคะ’ มันออกจากเบ้าบ้าง ก็เหมือนกับเราปล่อยให้ปรากการณ์ทางสังคมนี้หลุดลอยไปอย่างน่าเสียดาย
กระนั้นเลย ‘ความเนิร์ดชนะทุกอย่าง’ เห็นจะจริง เมื่อหนุ่มนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล(Data Scientist) ชาวไทย ไปเขย่าข้อมูลที่มีอยู่ในวงการเนื้อสดออนไลน์ มาทำความสะอาดใหม่ จนเราเห็นตลาดค้ากามในกรุงเทพได้อย่างแปลกแหวกแนวที่สุด จนอาจเกิดความรู้สึกว่า บทความชิ้นนี้เหมือนจะพยายามชี้โพรงให้กระรอกหรือเปล่า?
“สิ่งที่ผมทำเรียกว่า เอามะพร้าวห้าวไปขายสวนดีกว่า!” ชารินทร์ พลภาณุมาศ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล เบื้องหลังงานวิเคราะห์กล่าว
แต่ก่อนที่เราจะไปทำความรู้จักกับชายหนุ่มเบื้องหลังงาน Data Analysis สุดเหวอ เรามาคลี่งานวิเคราะห์ข้อมูลชุดนี้กันก่อนดีกว่า ซึ่งคุณชารินทร์ทำการวิเคราะห์ฐานข้อมูลจาก สาวผู้ค้าบริการทางเพศกว่า 693 ราย (เฉพาะในกรุงเทพ) ที่ได้จาก Website ยอดนิยมในแวดวงนักเที่ยว (ซึ่งไม่ขอระบุชื่อนะจ๊ะ) โดยอ้างอิงราคา อายุ รูปร่างสัดส่วน กิจกรรมทางเพศที่ให้บริการ สถานที่รับงาน และเบอร์ติดต่อ มาดูกันว่าหากข้อมูลเหล่านี้อยู่ในมือนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลโดยตรง จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?
แหล่งเงิน แหล่งทอง
ในกรุงเทพมีแหล่งค้าบริการยอดนิยมประมาณ 6 แหล่งดัง ย่านเกษตร-รัชโยธิน , ลาดพร้าว-รามคำแหง, ดอนเมือง-รังสิต, ธนบุรี, สุขุมวิท และย่านธุรกิจใจกลางเมือง แม้โสเภณีจะมีการรับงานนอกอาณาเขตบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็มักกระจุกตัวตามแหล่งยอดนิยม
- เกษตร-รัชโยธิน 163 จุด
- ลาดพร้าว-รามคำแหง 507 จุด
- ดอนเมือง-รังสิต 121 จุด
- ธนบุรี 82 จุด
- สุขุมวิท 166 จุด
- ย่านธุรกิจกลางเมือง 213 จุด
สัดส่วนทองคำ 35-27-36
ความสวยและรูปร่างสัดส่วน เป็นคุณสมบัติอันดับหนึ่งในการทำธุรกิจค้าเนื้อสด แม้มุมมองเรื่องความสวยจะเป็นเรื่องปัจเจกบุคคล แต่การวิเคราะห์ข้อมูลทำให้เราเห็นว่าโสเภณีไทยส่วนใหญ่มีรอบอกขนาด 35 นิ้ว รอบเอว 27 นิ้ว และสะโพก 36 นิ้ว เป็นสัดส่วนยอดนิยมที่มีคนเรียกใช้บริการบ่อย โดยเฉลี่ยมีน้ำหนักที่ 55 กิโลกรัม และสูง 163 เซนติเมตร ทำให้เห็นว่าพวกเธอมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์เฉลี่ยของคนทั่วไป สาวค้าบริการอย่างย่านดอนเมือง-รังสิตจะมีความ ‘เจ้าเนื้อกว่า’ ส่วนย่านธุรกิจจะนิยมผอมเพรียว (แต่ก็มีโสเภณีกว่า 15% ที่ไม่ระบุส่วนสูงและน้ำหนักเช่นกัน)
@iwishcognitivedissonance
แต่ละโซนก็มีเรื่องรูปร่างสัดส่วน มาเกี่ยวข้องด้วย
อายุเป็นแค่ตัวเลข (ที่เรียกราคาได้)
ความเจริญวัยก็เป็นปัจจัยในการตัดสินใจของเหล่านักเที่ยว เกณฑ์เฉลี่ยของโสเภณีในกรุงเทพคืออายุ 23 ปี อ่อนสุดที่ 18 ปี ซึ่งไม่เสี่ยงเรื่องพรากผู้เยาว์ (แต่การค้าบริการทางเพศก็ผิดกฎหมายอยู่ดีนั้นล่ะ) และอายุมากที่สุด 45 ปี
เหลือง - ลาดพร้าว-รามคำแหง
เขียว - ดอนเมือง-รังสิต
ฟ้า-ธนบุรี
ม่วง-สุขุมวิท
ดำ-ดาวน์ทาวน์
ในโซนต่างๆ นั้น มีลักษณะของเซ๊กส์แตกต่างกันตามนี้
Line Sex Market
ช่องทางทำกิน ถูกย้ายฐานมาทำกันบน Application และ Community นักเที่ยว โสเภณีเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น การสื่อสารที่รวดเร็ว ก็เท่ากับปิดจ็อบได้เร็วเช่นกัน App ชื่อดังฮิตทั่วบ้านทั่วเมืองอย่าง LINE เป็นช่องทางหลักในการสื่อสารกว่า 70% แต่การโทรนัดจากลิสต์รายชื่อก็ยังคงความนิยมเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ 60% และอีก 10% ยังติดต่อกันผ่านอีเมลกันอยู่
นี้เป็นเพียงตัวอย่าง ‘เบาะๆ’ ที่เราเรียบเรียงมาเป็นน้ำย่อย ยังมีข้อมูลอีกหลายส่วนที่ นักวิทยาศาสตร์ข้อมูลอย่างคุณชารินทร์ วิเคราะห์มาให้เราอึ้งกิมกี่ หากคุณอยากลงลึกไปกว่านี้ เชิญที่นี่
ชารินทร์ พลภาณุมาศ ผู้อยู่เบื้องหลัง Big Data โสเภณีเมืองกรุง
The MATTER : ปัจจุบันคุณทำงานอะไร ทำไมถึงสนใจวิเคราะห์ข้อมูลอะไรแบบนี้?
ผมเป็นนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data scientist) ในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เริ่มเส้นทางจากจบการศึกษาคณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัย ฮิโตซึบาชิ ในประเทศญี่ปุ่น ตอนนั้นก็แทบไม่มีความเชี่ยวชาญอะไรเกี่ยวกับอาชีพนี้เลย ทำเป็นแต่สถิติ (ฮ่า ฮ่า) แล้วจับผลัดจับผลูไปทำงานในบริษัทขายของออนไลน์ในโตเกียว
เขาให้คนญี่ปุ่นทำงานโทรหาลูกค้า กะเหรี่ยงอย่างผมก็ถือโอกาสอู้งาน เอ้ย! ใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยการไปดูข้อมูลซื้อ-ขายของบริษัท แล้วหัดเขียนโค้ดต๊อกแต๊กๆ ไป ทีนี้ก็สนุกสิ ข้อมูลของลูกค้า 100 ล้านคน (ญี่ปุ่นมีประชากรประมาณ 130 ล้านคน นี่มันก็เกือบทั้งประเทศแล้ว!) ยอดขายปีละ 6.9 ล้านล้านเยน (ประมาณ 2.41 ล้านล้านบาท) อยู่ตรงหน้า รู้หมดเลยใครซื้ออะไร-ที่ไหน-เมื่อไหร่-อย่างไร มันอลังการงานสร้างบางนา-ตราดสุดๆ แต่สุดท้ายแล้ว ณ ตอนนั้นระดับสกิลผมก็ยังไม่พอเอามันมาใช้งานอย่างเต็มที่ อยู่บริษัทต่อไปมันก็ไม่ค่อยจะมีคนมาสอน ณ เวลานั้นก็ไม่ค่อยจะมีใครรู้เรื่องเหมือนกัน คำว่านักวิทยาศาสตร์ข้อมูลนี่ก็ยังแทบไม่มีคนรู้จักเลย
จึงตัดสินใจออกมาเรียนปริญญาโทต่อที่มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ทีนี้จัดเต็มเลย ทำวิจัยเอาข้อมูลจากทวิตเตอร์มาทำนายรายได้หนัง Box office ปี 2009 เพราะงั้นผมจะแม่นกับชื่อหนังปี 2009 มาก ใครถามว่าปีนั้นมีเรื่องไรนี่ตอบได้หมด (หัวเราะ) หลายคนบอกว่านักวิทยาศาสตร์ข้อมูลประกอบด้วยทักษะ สถิติ-เขียนโปรแกรม-ธุรกิจ-การสื่อสาร ในแง่นั้นแล้วช่วงปริญญาโทนี่เป็นช่วงที่ผมเลเวลอัพได้มากที่สุด
หลังเรียนจบมาก็เริ่มตั้งหลักในเส้นทางนี้ได้ กลับมาช่วยงานที่บ้าน ทำหุ่นยนต์ ซื้อ-ขายหลักทรัพย์ไปวันๆ จนไม่นานมานี้อยากกลับไปทำข้อมูลใหญ่ๆ บ้างเลยกลับมาทำงานบริษัท
The MATTER : ถ้ามีคนสนใจงานต่อๆ ไปของคุณสามารถติดตามได้ที่ไหน
Follow กันได้ที่ https://medium.com/@iwishcognitivedissonance
ต่อให้คุณเป็นคนเคร่งศีลธรรมหรือนักเที่ยวชั้นเซียน ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่น่าค้นหา หากไม่มีใครมาจัดการมันอย่างเป็นระบบเราก็เหมือนปล่อยให้มันผ่านไปโดยไม่มีโอกาสทำความเข้าใจมันได้เลย