5 อย่าง ที่ประเทศไทยควรเปลี่ยนได้แล้ว? แต่แทบไม่เคยเปลี่ยน?
ขอบคุณภาพจาก FB: Bill Gates
[กระทู้พูดคุย แลกเปลี่ยนความเห็นกันได้นะ]
1. สังคมผู้ใหญ่ ไม่รับฟังเด็ก
เรามีบรรดาผู้ทรงคุณวุฒิ วัยวุฒิมากมายในประเทศ แต่ผ่านมาหลายสิบปี พวกผู้ใหญ่ หัวหงอกเหล่านี้ ไม่สามารถพัฒนาประเทศให้เจริญได้ เพราะพวกเขาไม่ยอมรับฟังสิ่งใหม่ แต่พยายามอยู่แต่ในโลกเดิมๆ อีกทั้งครูอาจารย์ มีหัวโขน ไม่ยอมรับฟังเด็ก สอนให้เด็กอยู่ในกรอบ เหมือนที่พวกเขาเคยถูกล้างสมองมาจากคนรุ่นก่อน เรามีกฎระเบียบบังคับมากมายในโรงเรียน ทั้งชุดยูนิฟอร์ม ตัดผมสั้น บังคับเกณฑ์ทหาร เขาอาจคิดว่าสิ่งที่ป้อนให้เด็กคือ สิ่งดีงามที่คนรุ่นก่อนเคยสั่งสอนมา แต่กลับกัน คือ การล้างสมองให้อยู่แต่ในกรอบ โดยที่เด็กไม่ต้องใช้ความคิด และทำตามที่ผู้ใหญ่สั่งสอนเท่านั้น ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย ก็ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
ไม่ต้องแปลกใจ ทำไมทุกวันนี้ เด็กไทยเราคิดไม่เป็น คิดนอกกรอบก็อาจโดนด่า
สอบตก O-NET 10 ปี ผู้ใหญ่ก็ยังไม่รับฟังเด็ก ไม่รู้ร้อนหนาว ไม่เคยคิดจะเปลี่ยน หรือยอมรับความจริง
เมืองไทยเราเป็นประเทศโลกที่สาม ที่แทบจะล้าหลังที่สุด ประเทศหนึ่งในโลกแล้ว
2. สังคมระบบอาวุโส สุดโต่ง
หน้าที่ของเด็ก คือ การกราบไหว้ผู้ใหญ่ เคารพเชื่อฟังผู้ใหญ่ ไม่ว่าผู้ใหญ่จะถูกหรือผิด เด็กไม่มีสิทธิเถียง มีหน้าที่ทำตามระบบอาวุโสเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ไม่จำเป็นต้องเคารพหรือให้เกียรติเด็ก จริงๆ นี่คือสังคมที่ดีอย่างหนึ่งในประเทศแถบเอเชีย แต่หากสุดโต่งเกินไป จะขาดเหตุผล และเป็นตัวถ่วงต่อความเจริญก้าวหน้าในทุกๆ ด้าน เพราะผู้ใหญ่จะถูกต้องทุกเรื่อง เพียงเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่ แต่หากพิจารณาเหตุผล โดยไม่เอาอายุเป็นตัวขวางกั้น ทุกอย่างทุกคน ก็สามารถเท่าเทียมกันด้วยเหตุผล ที่แต่ละฝ่ายสามารถออกมาพูดได้ และความเท่าเทียมนั้น คือ เด็กและผู้ใหญ่ควรให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกันโดยไม่เกี่ยงอายุ เราจะได้ไม่ต้องเห็นมนุษย์ลุง มนุษย์ป้า เกลื่อนเต็มบ้านเต็มเมืองอย่างทุกวันนี้
3. สังคมไม่ทำตามกฎหมาย
กฎหมายบ้านเรา ไทยแลนด์ เมืองยิ้ม อย่างมากมีอายุราวๆ 2 อาทิตย์ กฎหมายนั้นก็จะหายไปจากความทรงจำ และไม่มีใครถูกจับ ยกตัวอย่างเช่น กฎหมายเดินข้ามถนน ใส่หมวกกั้นน๊อค มอไซต์ไม่วิ่งบนทางเท้า มอไซค์ไม่วิ่งสะพานข้ามแยก ไม่ขายของบนทางจักรยาน ที่พูดมาทั้งหมดเป็นกฎหมายหมดแล้ว แต่บ้านเราไม่มีใครสนใจ แถมไม่มีใครจับซะด้วย มองเผินๆ อาจจะดีก็ได้ ที่บ้านเราไม่เข้มงวดอะไรเลย เราก็จะต้องอยู่ในสังคมแบบนี้ต่อไป
แถมคือ ถ้ารวย เงินเยอะ ก็ไม่ติดคุกหรอกนะ กฎหมายมันหาได้ศักดิ์สิทธิ์ไม่
4. สังคม ของเสีย ของพัง เราไม่ซ่อม
เมืองไทย ของเสียเราไม่ซ่อม เราจะปล่อยให้มันพังอยู่อย่างนั้นเป็นปีๆ แล้วถึงจะซ่อม ยกตัวอย่าง ไฟกะพริบที่อนุสาวรีชัยร่วมหลายเดือนก็ไม่ซ่อม ฟุตบาธพังก็ไม่ซ๋อม สายไฟฟ้าโยงระยางก็ไม่ซ่อม ต้องรอให้มีคนร้องเรียน ร้องแล้วร้องอีก ก็ยังไม่สนใจมาซ่อม จนอดคิดไม่ได้ว่า เมืองไทยเหมือนมีวงจรอุบาท ที่ไม่สามารถซ่อมแซม แก้ไขอะไรไม่ได้ ผู้เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ไปถึงขนาด ไม่มีสมองคิด ว่าอะไรควรรีบทำ หรือไม่ควรทำ แต่หลายครั้งกลับเอางบประมาณไปทำเรื่องไร้สาระ ให้คนเขาด่าเล่น อย่างไฟ 39 ล้าน ห้องทำงาน 16 ล้าน
5. สังคมบ้านเมืองสกปรก ไร้ระเบียบ
ถ้าเมืองไทยสะอาด อาจจะสูญเสียอัตลักษณ์ความเป็นชาติไป? ทุกถนน ตรอกซอกซอย ต้องสอดแทรกไปด้วยความสกปรก คราบดำ หญ้ารก ลอยถลอก ไม่ต้องดูแลให้สะอาดเกินไป แถมเรายังต้องมีรถเข็นขายของเต็มทางเท้า ยึดถนนหนึ่งเลนน์ และปล่อยขยะไว้เมื่อขายเสร็จ เพราะบ้านเราไม่มีกฎหมายรองรับอะไรพวกนี้ ถึงจะมีกฎหมายก็ให้ย้อนไปดูข้อ 3 เราจะเปลี่ยนอะไรในประเทศนี้ได้บ้าง ชาวต่างชาติมาเห็นก็คงพูดว่า น่าอับอายขายขี้หน้าในเรื่องนี้ แต่เมืองไทยเราคุ้นเคยกับการอยู่อย่างสกปรก เงินไม่มีอีก คงแก้ไขได้ยากจริงๆ แต่ยังหวังให้แก้ไขได้ในอนาคต