หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เปิดบัญชียาต้านแบคทีเรียใช้ไม่ได้ผล มีปัญหาเชื้อดื้อยา ที่ควรถอดออกจากประเทศไทย

โพสท์โดย dominiqa

เปิดบัญชียากว่า 40 สูตรตำรับที่ควรถอดออกจากประเทศไทย ยาต้านแบคทีเรียบางรายใช้ไม่ได้ผล เสี่ยงต่อเชื้อดื้อยา เผย“ยาอม-ยาแก้ท้องเสีย และยาฝาแฝด ทำให้ชาวบ้านสับสน” เผย ผู้ป่วยเสียชีวิตจากเชื้อดื้อยาใน รพ. ปีละ 4.5 หมื่นราย ขณะที่เด็กมีความเสี่ยงดื้อยาสูงสุด เหตุผู้ปกครองใช้เพื่อการรักษาผิดประเภท

เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. 2559 ที่ศศนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย) ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) เครือข่ายนักวิชาการจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค จัดแถลงข่าว "เตือนภัยตำรับยาต้านแบคทีเรียที่ควรถอดถอนออกจากประเทศไทย"

ผศ.ภญ.ดร.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี ผู้จัดการศูนย์วิชาการเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า พบรายงานการวิจัยระบุว่าในแต่ละปีคนไทยติดเชื้อแบคทีเรียที่ดื้อยาประมาณ 88,000 คน เสียชีวิตจากเชื้อดื้อยา อย่างน้อยปีละ 20,000-38,000 คน ส่งผลต่อความสูญเสียทางเศรษฐกิจถึง 46,000 ล้านบาท สาเหตุสำคัญมาจากการใช้ยาต้านแบคทีเรียที่ไม่เหมาะสมหรือเกินความจำเป็น และในปัจจุบันยังมีทะเบียนตำรับยาต้านแบคทีเรียที่ไม่เหมาะสมอย่างแพร่หลาย ตามท้องตลาด และจากการรวบรวมบัญชียายอดแย่ที่มีส่วนผสมของ ยาต้านแบคทีเรียโดยเครือข่ายส่งเสริมการใช้ยาต้านแบคทีเรียอย่างสมเหตุผล ซึ่งมาจากการรวมตัวของนักวิชาการ แพทย์ เภสัชกร เครือข่ายผู้บริโภค เครือข่ายเด็ก โดยการสนับสนุนของสสส.เพื่อให้ความรู้แก่สังคมในการป้องกันความเสี่ยงทาง สุขภาพแก่ผู้บริโภค ได้ทบทวนรายการยาต้านแบคทีเรียในประเทศเพื่อคัดเลือกรายการยาที่ควรถอน ทะเบียนตำรับยาออกจากประเทศไทยพบว่ามีตั้งแต่ยาอมที่ไม่ควรมีส่วนผสมของยา ต้านเชื้อแบคทีเรีย เพราะ80%ของอาการเจ็บคอไม่ได้เกิดจากเชื้อดังกล่าวและอาจทำให้เกิดเชื้อดื้อ ยาในลำไส้ เช่นเดียวกับยาแก้ท้องเสียที่80%เกิดจากเชื้อไวรัส รวมถึงอันตรายจากสูตรผสมของยาต้านแบคทีเรียในยาประเภทต่างๆ โดยทางเครือข่ายนักวิชาการจะยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ อย. ถอนบัญชียาเหล่านี้ออกจากประเทศ และผู้บริโภคสามารถตรวจสอบบัญชียายอดแย่ที่มีส่วนผสมของยาต้านเชื้อแบคเรีย ได้ที่ www.thaidrugwatch.org หรือ www.thaihealth.or.th

ผศ.นพ.พิสนธิ์ จงตระกูล วุฒิบัตรกุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และประธานคณะทำงานสร้างเสริมความเข้มแข็งภาคประชาชนด้านการใช้ยาอย่างสม เหตุผล (สยส.) กล่าวว่าตัวอย่างยาที่สมควรดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาก่อนเป็นอันดับ แรก คือ ยาอมที่มีส่วนประกอบของยาปฏิชีวนะ (ยาต้านแบคทีเรีย) โดยเฉพาะสูตรยาที่มีนีโอมัยซิน (Neomycin) เพราะยา ปฏิชีวนะนีโอมัยซินไม่ออกฤทธิ์ต่อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเจ็บคอ แต่ออกฤทธิ์ได้ต่อแบคทีเรียในลำไส้ใหญ่ เมื่อกลืนยาลงไปจะชักนำให้เกิดการดื้อต่อยาปฏิชีวนะกลุ่มที่มีชื่อว่าอะมิโน กลัยโคไซด์ (Aminoglycoside) ทั้งกลุ่ม ซึ่งยาปฏิชีวนะกลุ่มนี้เป็นยาที่ใช้ช่วยชีวิตคนที่ติดเชื้อดื้อยาในกระแสเลือด

ผศ.นพ.กำธร มาลาธรรม รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี และประธานคณะทำงานด้านยาปฏิชีวนะ คณะ แพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า มีผู้ป่วยในโรงพยาบาลที่เสียชีวิตจากการติดเชื้อดื้อยาปีละ 45,000 รายและการติดเชื้อดื้อยาในผู้ป่วยที่ไม่ได้อยู่ในโรงพยาบาลก็มีจำนวนมากขึ้น และมีผลทำให้การรักษายุ่งยากเพราะต้องรักษาด้วยยาที่แพงกว่าปกติหรืออาจต้อง ฉีดยาวันละหลายครั้งซึ่งผู้ป่วยต้องเดินทางมาโรงพยาบาลหรือต้องอยู่ในโรง พยาบาลเพื่อฉีดยาแทนที่จะใช้ยารับประทานอยู่ที่บ้าน ต้นตอของปัญหาคือเชื้อดื้อยาจากการใช้ยาต้านแบคทีเรียที่มากเกินความจำเป็น และใช้อย่างไม่ถูกต้อง เพราะสามารถหาซื้อยาเหล่านี้ได้ทั่วไป

รศ.พญ.ดร.วารุณี พรรณพานิช วานเดอพิทท์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า เด็กเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุดในการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อแบคทีเรียดื้อยา เพราะเด็กยังมีภูมิคุ้มกันที่ยังพัฒนาไม่ได้เต็มที่การเจ็บป่วยส่วนใหญ่ของ เด็กจะเริ่มจากการติดเชื้อไวรัส แต่ผู้ปกครองไม่ทราบวิธีการดูแลรักษาเบื้องต้น จึงมักให้ “ยาแก้อักเสบ” ซึ่ง เป็นความเข้าใจผิด เพราะเป็นยาต้านแบคทีเรียทั้งที่ยากลุ่มนี้ไม่ออกฤทธิ์ในการกำจัดเชื้อไวรัส ที่เป็นสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยในช่วง 2 – 3 วันแรก ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือในเด็กปกติที่มีสุขภาพแข็งแรงดีมาก่อน เมื่อเริ่มมีอาการที่สงสัยว่าจะติดเชื้อ เช่น มีไข้ และอาการทางระบบทางเดินหายใจ หรือท้องเสีย ถ่ายเหลว ควรให้การรักษาประคับประคองตามอาการอย่างเหมาะสม เช่น ให้ยาแก้ไอ ยาลดอาการคัดจมูก ลดไข้ ในช่วงที่มีอาการเท่านั้น ไม่ควรให้ยาบรรเทาอาการในช่วงที่ไม่มีอาการ หากเด็กยังสามารถใช้ชีวิตได้ปกติ เช่น กินได้ เล่นได้ นอนหลับพักได้ดี ไม่จำเป็นต้องใช้ยาต้านแบคทีเรียมารับประทานเอง เพราะอาจเสี่ยงต่อเชื้อดื้อยารุนแรงจนรักษาไม่ได้ในอนาคต

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
dominiqa's profile


โพสท์โดย: dominiqa
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: หมีพู สตาร์ทติดง่าย, ginger bread, แมวฮั่ว แมวขี้งอน
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เมื่อคุณแม่ย้อนวัย เอาชุด ม.ปลาย ลูกสาวมาใส่..ผลที่ได้หลายคนร้องว้าว! ทันทีชายหนุ่มชาวฟลอริดาถูกตำรวจไล่ล่า หนีไปซ่อนตัวในทะเลสาบ สุดท้ายกลายเป็นอาหารของจระเข้ช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันนักวิชาการเตือน อย่าดราม่ากับพระพุทธรูปที่ลาวค้นพบไข่ไก่ ทำเมนูไหน อร่อยสุด นอกจากไข่เจียว ไข่ดาว และไข่ต้ม?พายุถล่มเท็กซัส!ไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า แปดแสนคน!!ผักอะไรบ้าง?ที่ช่วยบำรุงตับของเราTikTok เตรียมให้ลงคลิปยาว 30 นาทีได้ แข่งกับยูทูบ4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอน
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ญี่ปุ่นออกกฏหมาย ให้คู่หย่าร้างดูแลบุตรร่วมกันช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนพายุถล่มเท็กซัส!ไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า แปดแสนคน!!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนคำแนะนำสำหรับการ เริ่มต้นใช้ภาพ กราฟฟิกเคล็ดลับ วิธีต้มไข่ ให้ออกมาน่ารับประทานrotate: หมุนเวียน สับเปลี่ยน
ตั้งกระทู้ใหม่