ทำงานปั่นเงินจนเกือบไม่ได้อยู่ใช้เงินซะแล้วเรา
เรื่องที่จะเขียนวันนี้อาจจะไม่ได้มีอะไรสนุกมากนะคะ แต่อยากให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับหนุ่มสาววัยทำงานหลายๆคนที่อาจจะกำลังเป็นเหมือนเราอยู่ .... เราอยู่กับแม่แค่ 2 คนค่ะ พ่อทิ้งเรากับแม่ไปตั้งแต่เราอยู่ ป.5 แล้ว หลังจากนั้นแม่ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อมาเลี้ยงดูเราเพราะตอนนั้นเรายังเด็กมีค่าใช้จ่ายเยอะ
เรารักแม่มาก เห็นแม่เหนื่อยเพื่อเรามาตลอด เลยสัญญากับตัวเองไว้ว่าเราจะขยันให้มากกว่าแม่ เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องทำงานหนักอีก เราเริ่มทำงานพิเศษตามร้านอาหารในห้างมาตั้งแต่เรียนมัธยม บางทีก็รับจ้างรีดผ้าให้คุณครูที่โรงเรียน คุณครูเค้ารู้ว่าบ้านเราค่อนข้างขัดสนเค้าก็ช่วยหางานมาให้เราเรื่อยๆค่ะ พอเราเรียนจบมหาวิทยาลัยเราก็รีบหางานจนได้งานเป็นผู้ช่วยเซลล์ของบริษัทนำเข้าเสื้อผ้าแบรนด์นึง ซึ่งงานก็ค่อนข้างเยอะพอสมควรต้องคอยเตรียมเอกสารต่างๆให้เซลล์อีกทีนึงบางวันก็มี
ประชุมเลิกดึกๆดื่นๆ บางทีวันหยุดก็ไม่ค่อยได้หยุดต้องออกไปทำงานนอกสถานที่
เราก็ทุ่มเทเต็มที่อ่ะค่ะเพราะไม่อยากตกงานอ่ะค่ะค่อนข้างได้เงินเดือนดีพอสมควร ไม่อยากให้แม่ลำบาก เราคิดแต่จะหาเงินให้ได้เยอะๆแม่ก็เตือนนะคะว่าให้พักผ่อนบ้าง เราก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นเลย ทั้งนอนไม่เป็นเวลา กินไม่เป็นเวลา ทำงานเลิกดึกก็เลยต้องกินข้าวตอนดึก กินเสร็จก็นอน เป็นแบบนี้มาจนชิน
จนเมื่ออาทิตย์ก่อนเรานั่งเตรียมเอกสารอยู่ที่บริษัทจน 3 ทุ่มกว่า คนก็ทยอยกลับกันไปเกือบหมดแล้ว อยู่ดีๆเราเกิดวูบไปแบบภาพตัดอ่ะค่ะ มารู้สึกตัวอีกทีตอนพี่รปภ.มาเขย่าๆตัวเรียกเราก็สลึมสลือเค้าบอกว่าเดินมาตรวจตึกเจอเรานอนฟุบอยู่ เกือบจะเรียกรถ รพ.แล้วถ้าเราไม่ตื่น เราเลยต้องกลับบ้านเลยทิ้งงานไว้ตรงนั้นเลยวันต่อมาแม่เลยบังคับเราไปหาหมอให้ตรวจหมอบอกว่าเราพักผ่อนน้อย กินข้าวไม่เป็นเวลา เพราะเรากินตอนเช้าแล้วอีกทีก็ดึกตลอดเลย บวกกับความเครียดถึงเป็นแบบนี้
เค้าก็บอกให้เราปรับตารางชีวิตใหม่หมดเลย ไม่งั้นจะแย่กว่านี้มาก ไหนจะโรคกระเพาะ กรดไหลย้อน โรคอ้วน หรืออาจจะโรคหัวใจเลยก็ได้
เราเลยมาคิดได้ว่าที่ผ่านมาเรามัวแต่คิดถึงแต่เรื่องหาเงิน แต่ไม่เคยสนใจสุขภาพตัวเองเลย ถ้าเกิดเราเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆเงินที่หามาตลอดก็คงไม่มีโอกาสได้ใช้แถมจะไม่มีใครดูแลแม่อีก ต่อไปนี้เราตั้งใจจะทำอะไรให้มันพอดีๆ ไม่ทำงานจนเกือบตายแบบนี้อีกแล้วค่ะ