ดินดิม เพนกวิน ผู้ภักดี
(เรื่องราวต่อไปนี้คือเรื่องจริง และกำลังจะถูกสร้างเป็นหนัง)
.
_________________________
.
ลุงเจา เปไรร่า เด ซูซา คือชายแก่ชาวประมงและช่างปูนในเมืองริโอ เดอ จาเนโร บราซิล แกใช้ชีวิตแบบชาวเกาะอยู่กับท้องทะเลมาแล้ว 71 ปี โดยไม่เคยไปไหนไกลบ้านเลย และวัยที่ล่วงเลยขนาดนี้คุณลุงก็ได้พบกับความมหัศจรรย์แห่งท้องทะเล
.
วันหนึ่งลุงเจาเดินเลาะเลียบชายหาดอย่างสบายใจเฉิบเหมือนทุกๆวัน ลุงเจาสังเกตเห็นวัตถุสีดำบนชายหาด มันดิ้นทรมานดั่งจะขาดใจ มันไม่ใช่วัตถุ แต่เป็นนกเพนกวินตัวน้อยที่ขนของมันติดคราบน้ำมันไปทั่วตัว มันหายในรวยรินใกล้ตาย คุณลุงนิ่งนอนใจไม่ได้ไม่งั้นเจ้าตัวนี้มันต้องตายอนาถเพราะความมักง่ายของมนุษย์แน่นอน
.
เห็นดังนั้นลุงเจาจึงพาเจ้าเพนกวินน้อยมารักษาที่บ้าน ลุงให้อาหาร และให้ความดูแลมันไม่ห่างจนมันหายดีและขนเริ่มขึ้นมาแทนทีขนเก่าที่ลุงเจาถอนออกไป ลุงเจาตั้งชื่อให้มันว่า เจ้าดินดิม ถึงเวลาแล้วที่แกจะต้องกลับคืนสู่ธรรมชาติ ไปอยู่กับฝูงของแกเลยไป
.
เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ดินดิมอาศัยอยู่กับลุงเจา แต่ตอนนี้ลุงเจากลับจะมาผลักไสไล่ส่งฉันเหรอ ไม่มีวันซะหรอก อยู่กับลุงเจาสบายดีไม่ต้องหาอาหารเองให้เมื่อนปาก ว่าแล้วเจ้าดินดิมก็ไม่ยอมไปไหนทั้งสิ้น มันเดินตามลุงเจาไปในทุกที่ แม้ว่าลุงเจาจะพยายามไล่ให้มันกลับคืนฝูงแต่ไม่เป็นผล 11 เดือนคือระยะเวลาที่เจ้าดินดิมทำตัวประหนึ่งลูกชายของลุงเจา และแล้ววันหนึ่ง ดินดิม ก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
.
ลุงเจาเฝ้าออกตามหาเจ้าดินดิม และภาวนาให้มันไม่เป็นอะไร มีคนบอกลุงเจาว่าช่วงนี้มันเป็นฤดูกาลผสมพันธุ์ของนกเพนกวิน ดินดิม มันคงเต็มที่แล้วล่ะมันจึงว่ายน้ำกลับเข้าฝูงตามวิถีแห่งเพนกวิน อย่าเสียใจไปเลยนะลุงเจา เด็กมันวัยกำลังเฮ็ดกำลังเอา ได้ยินดังนั้นลุงเจาก็โล่งอก แต่ก็อดคิดถึงเจ้าดินดิมไม่ได้อยู่ดี
.
3 เดือนต่อมา เรื่องที่ลุงเจาแทบไม่เชื่อสายตาก็เกิดขึ้น เขาพบเจ้าดินดิม ที่ชายหาดอีกครั้ง มันเดินเตาะแตะเข้ามาหาลุงเจาอย่างคุ้นเคย ลุงเจาบอก เรากลับบ้านกันเถิดเจ้าเพนกวินน้อย พ่อจะกอดแกให้หายคิดถึงเลย แล้วภาพที่ผู้คนพบเห็นคือ เจ้าดินดิม เดินเตาะแตะตามลุงเจากลับบ้านอย่างน่าเอ็นดู ชาวบ้านในเกาะต่างแสดงความยินดีที่ลูกชายกลับมาหาพ่อ
.
เมื่อฤดูกาลผสมพันธุ์มาถึง เจ้าดินดิม ก็เหมือนลูกชายที่ต้องออกไปทำหน้าที่ ดินดิม ต้องว่ายน้ำไปที่ฝูงเพื่อผสมพันธุ์กับตัวเมียตามประสาเพนกวินหนุ่มสุดฮ็อต และไม่กี่เดือนต่อมามันก็กลับมาหาลุงเจาพ่อของมันที่เกาะ เป็นเวลา 4 ปีแล้วที่ เจ้าดินดิม ทำแบบนี้ มันเหมือนเป็นความผูกพันลึกซึ้งที่เกิดจากบุญคุณ
.
จากเหตุการณ์มหัศจรรย์ของลุงเจากับเจ้าดินดิมนั้นเอง ทำให้ข่าวแพร่สะพัดออกไปและมีการทำการตรวจสอบจากนักวิชาการท้องทะเลถึงความเป็นมาเป็นไป แล้วก็พบว่า ฝูงเพนกวินของเจ้าดินดิมนั้นน่าจะอยู่แถบๆ ทะเลในประเทศอาร์เจนติน่า นั่นก็แสดงว่าเจ้าดินดิมมันต้องว่ายน้ำถึง 5,000 ไมล์ เพื่อกลับมาหาพ่อของมัน ประมาณว่าก็ไป เฮ็ดเสร็จก็กลับมาหาพ่อ มันน่าจะเกิดจากความผูกพันระหว่างลุงเจาที่ช่วยชีวิตมัน มันคิดว่าที่นี่คือบ้านของมันไปแล้ว
.
"ผมรักเพนกวินเหมือนกับลูกของตัวเอง และผมเชื่อว่าเพนกวินก็รักผมเช่นกัน” คุณลุงกล่าว “มันไม่ยอมให้ใครจับตัวมันเลย มีแต่ผมเท่านั้นที่สามารถอุ้มมันมานอนบนตัก อาบน้ำให้มัน ให้อาหารมันด้วยปลาซาร์ดีน และอุ้มมันได้"
.
" ลุงรักดินดิมเหมือนกับลูกแท้ๆของลุงเลยแหละ และเชื่อว่ามันก็รักผมเช่นกัน ยิ่งได้รู้ว่ามันว่ายมาไกลขนาดนี้เพื่อมาหาลุง ลุงยิ่งรักมันมากกว่าเดิมเสียอีก มันไม่ยอมให้ใครจับมันเลยนอกจากลุงนะ ไม่ว่าจะเป็นการอาบน้ำ หรือป้อนปลาซาร์ดีน มันก็ให้ลุงทำคนเดียวเลย เวลามันไม่อยู่ลุงรู้สึกคิดถึงมันมาก แต่ก็ต้องเป็นไปตามธรรมชาติของนกเพนกวิน แต่มันว่ายน้ำมาหาลุงไกลขนาดนั้นมันก็มหัศจรรย์ที่สุดสำหรับลุงแล้วล่ะ "
.
ลุงเจาให้สัมภาษณ์นักข่าวอย่างอารมณ์ดี โดยที่เจ้าดินดิมก็อยู่ข้างๆด้วย
.
เป็นเรื่องราวที่น่าประทับใจที่บอกเราให้รู้ถึงคำว่า บุญคุณ ได้ดีนักแล และเรื่องราวนี้มันกำลังจะถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ โดยจะมีการใส่บทให้มีความน่าประทับใจยิ่งขึ้น แต่ต้องเป็นตามความยินยอมของลุงเจา ลุงเจาบอกว่าขอดาราหล่อๆมาเล่นเป็นลุงก็พอใจแล้ว
.
ลุงเจาอายุมากแล้ว ไม่รู้ว่าวันไหนที่เจ้าดินดิมจะว่ายข้ามทะเลกลับมาแล้วไม่พบลุงเจาอีก เมื่อถึงวันนั้นจริงๆมันคงไม่รู้ว่าลุงเจาหายไปไหน และตามประสาลูกที่ได้มอบดวงใจให้พ่อที่เป็นมนุษย์ผู้นี้ไปแล้ว มันคงจะว่ายน้ำกลับมาหาลุงเจาทุกปีแม้ลุงเจาไม่อยู่แล้ว จนกระทั่งตัวมันเองก็ได้ล้มหายตายจากตามพ่อของมันไปเหมือนกัน