ทำไมประเทศไทยถึงยังจำเป็นต้องมีโทษประหาร?
ประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรปได้ยกเลิกโทษประหารไปแล้วก็จริง แต่ก็ยังมีบางประเทปในทวีปยุโรปที่อยู่นอกกลุ่มสหภาพยังคงมีโทษประหารอยู่อีก ซึ่งบางประเทศอยู่คาบเกี่ยวระหว่าง 2 ทวีป แต่จะประเทศอะไรบ้างนั้นผมไม่แน่ใจจึงไม่ขอเอ่ยชื่อเพราะกลัวผิดพลาด
สำหรับโทษประหารในประเทศไทยนั้น มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและคัดค้าน ในส่วนตัวของผมเห็นว่ายังควรให้มีโทษประหารชีวิตไว้ต่อไปเพื่อข่มพวกที่คิดจะกระทำผิดร้ายแรง แต่จะมีการประหารจริงหรือไม่นั้นค่อยว่ากันเป็นรายๆไป
โทษตลอดชีวิตนั้นฟังดูแล้วน่าจะทรมานก็จริง แต่ไม่ได้ติดจริงจนตลอดชีวิตตามคำตัดสิน เพราะมีการออกพระราชบัญญัติพระราชทานอภัยโทษในวาระสำคัญๆอยู่บ่อยๆ ขึ้นอยู่กับคดีไหนบ้างที่อยู่ในข่ายได้รับพระราชทานอภัยโทษในครั้งนั้นๆ ถ้าเป็นคดีฆ่าหรือความผิดต่อชีวิตก็จะติดประมาณ 10-15 ปีก็พ้นโทษแล้ว ถ้าเป็นคดีจำหน่าย ผลิต ค้า ยาเสพติด ก็จะอยู่ในคุกประมาณ 18-25 ปีจากโทษตลอดชีวิต ใครมาติดคุกตอนอายุมากหน่อยก็อาจตายในคุกก่อนได้รับอภัยฯ ก็คือตลอดชีวิตตามคำตัดสิน ซึ่งบางคนติดแค่ไม่กี่ปีก็ตายแล้ว
โทษประหารชีวิตยิ่งทรมานมากกว่าอีกหลายเท่า เพราะกว่าจะตัดสินครบทั้ง 3 ศาลและถวายฎีกาฯจนครบกระบวนการก็อย่างน้อยๆ 6 ปีถึง 10 ปี โดยนักโทษประหารจะถูกจำกัดบริเวณในที่จำกัดเท่านั้น และต้องใส่ตรวนซึ่งถูกเชื่อมติดกันง้างออกไม่ได้ตลอด 24 ชั่วโมง นักโทษประหารส่วนใหญ่จึงมีผิวสีเหลืองซีดเพราะต้องอยู่แต่ในตู้(ศัพย์ที่ใช้เรียกห้องขังนักโทษประหาร)เป็นส่วนใหญ่ จะได้ถอดตรวนและลงจากตู้ก็ต่อเมื่อได้รับการลดโทษเหลือตลอดชีวิต หรือได้รับการยกฟ้อง และที่สำคัญคือการถูกประหารตามคำตัดสิน นักโทษประหารจึงทรมานมากกว่าพวกจำคุกตลอดชีวิต
นักโทษที่ถูกตัดสินครบ 3 ศาล หรือบางคนจบแค่ 2 ศาลเพราะไม่ยื่นฎีกาต่อศาลตามกำหนด จะถือว่าเป็นนักโทษเด็ดขาดที่รอบังคับการลงโทษให้เป็นไปตามคำสั่งศาล แต่นักโทษประหารยังมีโอกาสถวายฎีกาทูลเกล้าฯขอลดโทษจากโทษตายเหลือตลอดชีวิต ซึ่งต้องรอประมาณ 1-3 ปีเป็นอย่างน้อย ถ้าฎีกาไม่ผ่านก็จะมีหนังสือแจ้งกลับมาที่กรมราชทัณฑ์หรือที่เรียกว่าฎีกาตกนั่นแหละครับ ทางกรมฯก็จะแจ้งมาที่เรือนจำ(บางขวาง)ภายในช่วงเช้าอย่างเป็นความลับ เพื่อให้ทีมงานประหารเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ (ถ้าเรื่องมาถึงกรมฯตอนเย็นก็จะแจ้งในเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ส่วนใหญ่เรื่องจะมาถึงในเช้าวันนั้นแล้วแจ้งเลย)
ขอบอกว่านักโทษจะไม่รู้ตัวว่าจะถูกประหารแม้แต่น้อย แม้กระทั่งชุดประหารเองก็ยังไม่รู้ว่าจะประหารใคร เพียงแต่จะรู้จำนวนนักโทษที่จะถูกประหารและคดีเท่านั้น (แต่ก็พอคาดเดาได้ว่าคือใคร ซึ่งบ่อยครั้งที่เดาได้ถูกต้อง) เวลาประมาณ16.00 น.ทีมงานประหารจึงได้รายชื่อนักโทษที่จะต้องจบชีวิตในวันนั้น จากนั้นก็จะเข้าไปเบิกตัวที่ห้องขังทันที เสียงไขกุญแจดัง "กริ๊ก" ในเวลานี้และมีเสียงเดินเข้าไปหลายคน นักโทษจะรู้ทันทีว่ามีคนชะตาขาด นักโทษประหารเด็ดขาดทุกคนจะเภาวนาขออย่าให้เป็นตน จนเมื่อมีการเอ่ยปากเรียกชื่อนั่นแหละทุกคนจะรู้ทันทีว่าใครคือผู้ถูกแจ๊คพ๊อต
หลังจากการประหารไปแล้วหากมีหลักฐานว่านักโทษคนนั้นไม่ผิด คำตอบก็คือ "ซวยไป" ซึ่งในอดีตเชื่อว่ามีหลายคนที่บริสุทธิ์ บางคนถูกประหารด้วยมาตรา21 มาตรา100 มาตรา27 ตามคำสั่งคณะปฏิวัติหรือปฏิรูปในยุคต่างๆ ซึ่งมีบางคนมีหลักฐานว่าถูกยัดข้อหาในภายหลัง แต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว "ตายฟรี"
สำหรับนักโทษที่ถูกประหารตามคำตัดสินของศาลนั้น ผมเชื่อว่าอาจมีบ้างที่เป็นผู้บริสุทธิ์แต่ก็คงมีเพียงไม่กี่คน ซึ่งต้องเห็นใจศาลท่านด้วยเพราะท่านตัดสินตามพยานหลักฐานที่มีอยู่ หากคนใดถูกยกฎีกาและประหารไปแล้ว หากมีหลักฐานใหม่ว่าคนนั้นไม่ผิด ผมเชื่อว่าศาลท่านคงต้องพิจารณาคดีใหม่ โดยมีการชดเชยให้ครอบครัวแพะผู้นั้น (เคยมีการชดเชยให้แพะที่ถูกตัดสินประหารแต่เสียชีวิตในระหว่างสู้คดี ซึ่งพรรคพวกที่เหลือที่ถูกตัดสินประหารเช่นกันได้รับการยกฟ้องทั้งหมด ยังไม่เคยมีคนที่ถูกประหารไปแล้วได้รับการชดเชยเนื่องจากเป็นผู้บริสุทธิ์เลยครับ)
ที่ไม่ยกเลิกโทษประหารเพราะ มีไว้เพื่อข่มพวกที่คิดจะก่ออาชญากรรมได้เกรงกลัวโทษทัณฑ์ที่จะได้รับ