กระท่อมเริงรัก ,คืนหลีหญิง ,ห้ามเข้าห้องน้ำ!! เผย 5 ประเพณีการออกเรือนแปลก ๆ จากทั่วโลก พิสดารพันลึกเพื่อการครองคู่!!
การได้แต่งงานดูจะเป็นเรื่องใหญ่กับในหลาย ๆ วัฒนธรรม จนเกิดความพยายามหาวิธีหลากหลายมาเพื่อผลักดันให้เหล่าหนุ่มสาวได้เจอคู่ตุนาหงัน จะได้ออกเรือนกันไปให้เป็นเรื่องเป็นราว หรือเมื่อเข้าพิธีแต่งงานกันไปแล้ว ก็ยังไม่พ้นได้พบเจอพิธีการที่ยังผูกพันกับความเชื่อว่าต้องทำให้อย่างไรให้รักกันแนบแน่นยาวนาน โอ้โห กว่าคนจะรักจะแต่งงานกันทำไมช่างยากเย็นและพิสดารถึงเพียงนี้ วันนี้เราเลยขอพาคุณไปรู้จัก 5 ประเพณีการออกเรือนแปลก ๆ จากทั่วโลก ที่เว็บไซต์Cracked เขารวบรวมมาฝากกันดังนี้เลยค่ะ
1. กระท่อมเริงรัก
ประเพณี หาคู่ให้ลูกสาวของชาวเกรือง ชนพื้นเมืองในกัมพูชา อาจเข้าข่ายเปิดเสรีทางเพศอย่างน่าตกใจ เมื่อพ่อ-แม่สนับสนุนให้ลูกสาว ที่เพิ่งเริ่มแตกเนื้อสาวในวัยเพียง 15 ปี แยกเรือนออกไปสร้างกระท่อมหลังเล็ก ๆ ให้อยู่ต่างหาก เพื่อให้เด็กสาวค้นหาและพาชายหนุ่มมาค้างอ้างแรมได้ตามสะดวก ด้วยวิธีนี้ เด็กสาวจะสามารถคัดเลือกชายหนุ่มที่เธอรักและพึงใจ มาเป็นคู่ครองในชีวิตได้ด้วยตนเอง
แม้จะฟังแล้วน่าเป็นห่วงไปหน่อยว่าการมีกระท่อมเริงรักแบบนี้จะนำพามาซึ่ง ปัญหาอันเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ แต่ทว่าสถิติการข่มขืนหรือหย่าร้างภายในชุมชนชาวเกรืองกลับต่ำอย่างเหลือ เชื่อ อันเป็นผลพิสูจน์ว่าการหาคู่ด้วยวิธีนี้ มันเวิร์คจริง ๆ ล่ะ…สำหรับชาวเกรืองนะ
2. ฟาร์มขุนเด็กหญิงให้อ้วนพีพร้อมมีคู่
แม้ ค่านิยมสาว ๆ ยุคนี้จะเห็นความผอมเท่ากับสวย แต่ชาวพื้นเมืองในพื้นที่ชนบทของมอริเตเนีย ประเทศทางตะวันตกของทวีปแอฟริกา เขามองว่าสาวอวบอ้วนต่างต่างที่ทรงเสน่ห์
และด้วยค่านิยมหญิงยิ่งอวบยิ่งทรงเสน่ห์นี่เอง จึงเกิดสิ่งที่เรียกว่า “ฟาร์มขุนให้อ้วน” สถานที่ซึ่งมีอยู่ในแทบทุกชุมชน ที่ซึ่งเด็กสาวจะถูกส่ง (หรือจับตัวไป) ให้ใช้ชีวิตอยู่เพื่อกิน กินเพื่ออ้วน อ้วนเพื่อให้ได้คู่ครองที่ดี ที่นั่นเด็กสาวจะได้รับการดูแลจากหญิงอาวุโสของชุมชน ให้พวกเธอได้กินนมและคูสคูสมื้อใหญ่ทุก ๆ วัน เพื่อขุนพวกเธอให้สวยอวบอ้วนพี เป็นหญิงที่งามสมบูรณ์ พร้อมต่อการออกเรือนในอนาคต ซึ่งที่นี่เขาบังคับให้กินกันจริงจัง ถึงขนาดใครกินไม่หมดจะต้องถูกลงโทษด้วย
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันชาวมอริเตเนียส่วนใหญ่เริ่มเล็งเห็นผลเสียต่อสุขภาพหากร่างกายอวบ อ้วนเกินพอดี จึงเริ่มมีการรณรงคให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความสวยอวบแก่ชาวพื้นเมือง เสียใหม่ หนึ่งในกลยุทธ์นั้นยังมีการแต่งเพลงพื้นบ้าน ที่สอดแทรกเนื้อเพลงอันมีเนื้อหาบอกกล่าวว่า การจับตัวเด็กสาวไปขุนให้อ้วนนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดีเอาเสียเลย
3. แต่งแล้วห้ามเข้าห้องน้ำ 3 วัน
สำหรับ ชาวติดุง บนเกาะบอร์เนียว การรักจริงหวังแต่งงานกับใคร หมายถึงการต้องเตรียมตัวเตรียมใจดองเค็มไม่อาบน้ำยาวนาน 3 วัน ! หลังจากเข้าพิธีแต่งงานและส่งตัวเข้าห้องหอเรียบร้อยแล้ว บรรดาญาติมิตรและพี่น้องของทั้งบ่าวสาว จะถูกจัดมาเฝ้าเวรยามจับสังเกตคู่ข้าวใหม่ปลามัน รวมทั้งจัดสำรับข้าวปลาอาหารและน้ำดื่ม ให้มีปริมาณแค่พอประทังความหิวไปเท่านั้น เพราะหากกินเยอะไป เดี๋ยวหนุ่มสาวก็จะต้องวุ่นวายปวดท้องอยากเข้าห้องน้ำ อันจะทำลาย 3 วันอันศักดิ์สิทธิ์นี้ลง
ชาวติดุงมีความเชื่อว่าในช่วงเวลา 3 วันนี้ หากฝ่ายเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวไม่สามารถอดกลั้นไม่ให้เข้าห้องน้ำได้ จะนำพาเคราะห์กรรมเลวร้ายมาสู่ชีวิตคู่ หรือลูกที่เกิดมาจะมีอันเป็นไปก่อนวัยอันควรก็ได้ ดังนั้นหากรักกันจริงก็จะต้องจับมือผ่าน 3 วันนี้ไปกันให้ได้ เมื่อระยะเวลาศักดิ์สิทธิ์นี้สิ้นสุดลง บ่าวสาวจึงได้รับการอนุญาตให้ใช้ห้องน้ำอาบน้ำทำธุระส่วนตัวและดำเนินชีวิต ได้ตามปกติ…หรือบางทีนี่อาจเป็นกุศโลบายให้บ่าวสาวข้าวใหม่ปลามันมีเวลา ใกล้ชิดกันได้เต็มที่ก็ได้นะ !?
4. คืนหลีหญิง หนุ่มบุกปีนหน้าต่างหาสาวถึงห้องนอน
ใน หมู่บ้านชนบทของภูฏาน มีประเพณีการจีบกันที่แปลกประหลาดและน่าตกใจไม่น้อย เรียกว่า Bomena แปลได้ว่า การออกล่าในยามค่ำคืน (Night Hunting) โดยจะมีค่ำคืนที่ฝ่ายชายดอดปีนหน้าต่างเข้าบ้านผู้หญิงเพื่อไปร่วมหลับนอน กับสาวที่ตนหมายปองไว้ การปฏิบัติการปีนบ้านสาวนี้ มีทั้งแบบที่หนุ่ม ๆ นัดหมายออกปฏิบัติการกันเป็นกลุ่ม แล้วจึงค่อยแยกตัวไปเมื่อพบบ้านเป้าหมาย หรือบางรายก็โซโล่คนเดียวตั้งแต่ต้นจนจบก็มี โดยมีทั้งที่จู่โจมแบบฝ่ายหญิงไม่ตั้งตัวมาก่อน และแบบที่นัดหมายกันไว้แล้วล่วงหน้า ซึ่งแบบที่จู่ ๆ ก็ไปย่องบ้านเขานั้น ฝ่ายหญิงอาจไม่ได้เล่นด้วยเสมอไป ก็มีอันจบเห่ที่ฝ่ายชายจะโดนไล่หรือสาวเจ้าร้องลั่นให้คนในบ้านรู้ตัวก็ได้
แน่นอนว่าการย่องเงียบนี้ต้องห้ามให้พ่อแม่หรือคนในบ้านของฝ่ายหญิงรับรู้ หากถูกจับได้ขึ้นมา ฝ่ายชายไม่เพียงอาจโดนเอาน้ำร้อนสาดหรือด่าตะเพิดไล่ออกจากบ้านเท่านั้น แต่จะยังถูกลงโทษให้ใช้แรงงานทำไร่ทำสวนในที่ของฝ่ายหญิง ไปจนถึงจับแต่งงานกันให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ก็มีพ่อแม่บางบ้านที่แสร้งทำเป็นนอนหลับไม่รู้เรื่่องราว เมื่อเห็นว่าหนุ่มคนที่บุกรุกมาเยือนลูกสาวคือชายที่อยากได้มาเป็นลูกเขย จริง ๆ ส่วนกรณีที่ฝ่ายหญิงเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็มี แต่สุดท้ายก็จะหาตัวหนุ่มผู้เป็นต้นเหตุได้ไม่ยากเย็นนัก เพราะในหมู่บ้านเล็ก ๆ ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักมักจี่กัน รับรู้เรื่องราวของกันและกันทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันประเพณีที่ว่านี้ได้เสื่อมถอยลงมากแล้ว อันเนื่องมาจากสภาพสังคมและวัฒธรรมที่มีการปรับเปลี่ยนให้เข้ากับยุคสมัยมาก ขึ้นนั่นเอง
5. แต่งงานกับต้นไม้ สะเดาะเคราะห์ความซวยก่อนวิวาห์จริง
ที่ ประเทศอินเดีย คุณอาจได้พบเห็นการแต่งงานประหลาด ๆ ที่มีคนเข้าพิธีแต่งงานกับต้นไม้ สิ่งนี้ไม่ใช่เพราะหนุ่มหรือสาวคนนั้นเกิดพิศวาสปรารถนาในต้นไม้แต่อย่างใด แต่ที่ทำไปก็เพื่อการสะเดาะเคราะห์ล้วน ๆ
ชาวฮินดูในอินเดียซึ่งมีความเชื่อผูกพันอยู่กับเรื่องโหราศาสตร์เป็นอย่าง มาก เชื่อกันว่า ใครก็ตามที่เกิดในช่วงที่โลกอยู่ภายใต้อิทธิพลของดาวอังคาร ซึ่งเรียกคนกลุ่มนี้ว่า manglik หากไปแต่งงานกับคู่ที่เป็น non-maglik คือไม่ได้เกิดภายใต้อิทธิพลของดาวอังคาร การแต่งงานนั้นจะนำเคราะห์ร้ายมาสู่ชีวิตคู่ ตั้งแต่ชีวิตแต่งงานไม่ราบรื่น มีอันต้องหย่าร้าง ไปจนถึงขั้นที่คู่ครองมีอันเป็นไปกันเลยทีเดียว จึงต้องมีการสะเดาะเคราะห์ก่อนแต่งงาน ด้วยการแต่งงานกับต้นไม้ ซึ่งนิยมให้เป็นต้นกล้วย (หรืออาจเป็นรูปปั้นพระวิษณุที่ทำจากเงินหรือทองเท่านั้น) เพื่อให้คราวเคราะห์แสนซวยไปลงที่ต้นไม้แทน แต่อย่างไรก็ดี วิธีการสะเดาะเคราะห์นี้ถือใช้กันเฉพาะในการแต่งงานครั้งแรกเท่านั้น
หากอยากรู้ว่าประเพณีแต่งงานกับต้นไม้นี้ชาวอินเดียเขาถือกันจริงจังแค่ไหน ก็ลองดูว่าขนาดดาราสาวบอลลีวูดชื่อดังอย่าง ไอศวรรยา ไร ยังจัดพิธีแต่งงานกับต้นไม้ก่อนจะมีงานวิวาห์จริง ๆ กับ อภิเษก พัจจัน นักแสดงบอลลีวูดหน้าคมเข้ม ซึ่งเป็นสามีของเธอในปัจจุบันของเธอเลยนะ