แมว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์แห่งไอยคุปต์
นับแต่มนุษย์เริ่มทำการ เพาะปลูกและลงหลักปักฐาน สิ่งคุกคามที่พวกเขาต้องเผชิญหน้า ในสังคมแบบใหม่นี้ ไม่ใช่สัตว์ร้ายร่างยักษ์เหมือนดังเมื่อครั้งที่ออกล่าสัตว์หาของป่า แต่กลับเป็นสัตว์ฟันแทะขนาดเล็กที่เรียกว่า หนู ผู้เข้ามาทำลายพืชไร่ในนาและร้ายกว่านั้นคือ เข้ากัดกินเมล็ดพืชในยุ้งฉาง ทว่าการเข้ามาของหนูก็ได้ชักนำสัตว์นักล่าอีกชนิดหนึ่งให้เข้ามาใกล้ชิดกับ มนุษย์ด้วย นั่นคือ แมว
(แมวป่าแอฟริกัน)
แมวมีบทบาทนับแต่มนุษย์ เริ่มทำการเพาะปลูกและเก็บพืชผลที่ได้ไว้ในยุ้งฉาง โดยสันนิษฐานว่า แมวป่าในยุคแรก ๆ อาจเข้ามาล่าหนูในยุ้งฉางของชาวนาสมัยโบราณ และเมื่อพวกเขาพบว่า แมวเหล่านี้มีประโยชน์ในการจัดการกับศัตรูพืช พวกเขาจึงเริ่มให้อาหารมันและทำให้มันหลายเป็นสัตว์เลี้ยง ซึ่งในยุคโบราณนั้น กลุ่มชนที่ผูกพันกับแมวมากเป็นพิเศษ คงไม่พ้นชาวอียิปต์ โดยสำหรับชาวอียิปต์โบราณ แมวเป็นทั้งเพื่อนและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ พวกเขานับถือว่า แมว คือตัวแทนของเทวีบาสท์ เทวีผู้มีศีรษะเป็นแมวและมีตำนานเล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อจอมเทพรากำลังจะถูกอสรพิษลอบทำร้าย แมวได้เข้ามาช่วยสังหารอสรพิษนั้นและปกป้อง องค์จอมเทพไว้ได้
(เทวีบาสท์)
มีบันทึกของเฮโรโดตัส นักเดินทางชาวกรีก เล่าไว้ว่า ชาวอียิปต์นั้น เคารพแมวมาก โดยมีการออกกฏหมายที่ห้ามไม่ให้ทำร้ายแมว และหากว่าหากแมวที่เลี้ยงไว้ตายลง สมาชิกในครอบครัวนั้นจะต้องโกนหัวเพื่อไว้ทุกข์ นอกจากนี้ยังมีการทำมัมมี่แมว เพื่อให้แมวนั้นได้มีชีวิตนิรันดร์ด้วย
อีกทั้งยังมีเรื่องเล่า มาว่า ครั้งหนึ่ง กองทัพเปอร์เซียเข้ารุกรานอียิปต์ แม่ทัพเปอร์เซียได้แต่งกลศึกให้ทหารกองหนึ่ง อุ้มแมวคนละหนึ่งตัว ยืนเป็นแถวหน้าขบวนทัพ ทำให้พลธนูไม่กล้ายิงธนูใส่พวกเปอร์เซีย เพราะกลัวว่าจะทำให้แมวได้รับอันตราย จึงทำให้กองทัพเปอร์เซียได้รับชัยชนะในศึกครั้งนั้น
(แมวช่วยล่าสัตว์)
นอกจากจะมีความเชื่อที่ เกี่ยวพันถึงเทพเจ้าแล้ว แมวยังมีประโยชน์สำหรับชาวอียิปต์เป็นอันมาก โดยนอกจากจะเป็นเพื่อนเล่นแล้ว พวกอียิปต์ยังใช้แมวทำหน้าที่ปกป้องข้าวในยุ้งจากหนู อีกทั้งในกลุ่มชนชั้นขุนนางยังนำแมวไปใช้ในการล่าสัตว์ด้วย โดยมีภาพวาดโบราณที่แสดงถึงขุนนางชาวอียิปต์ออกล่านกน้ำ โดยมีแมวเป็นผู้ช่วย
เรียกได้ว่า แมวนี้เป็นสัตว์เลี้ยงพิเศษของชาวไอยคุปต์จริง ๆ …