เรื่องราวสยองขวัญ !! ลูกเรือหญิงเล่าเรื่อง “ผีบนเครื่องบิน”
เรื่องราวที่ไม่สามารถไม่มองเห็นได้ อย่าง ผี หรือวิญญาณ เป็นเรื่องที่หาข้อพิสูจน์ได้ค่อนข้างยาก เพราะบางส่วนก็เชื่อว่าเป็นเรื่องราวที่มีอยู่จริง บ้างก็เชื่อว่าเป็นเรื่องไร้สาระ ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคนทั้งสิ้น ทั้งนี้ในส่วนของเรื่องเล่าเกี่ยวกับผี เราอาจเคยได้ยินมาหลากลายรูปแบบ ครั้งนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ผีบนเครื่องบิน จากปากของลูกเรือเอง จะเป็นอย่างไรนั้น ลองไปอ่านกันดู
เรื่องแรก ที่นั่งฉันอยู่ที่ 45B
สำหรับคน เวลาจะเดินทางด้วยเครื่องบินนั้น เราจะต้องซื้อตั๋ว เพื่อจะมีที่นั่งที่อยู่ในตัวเครื่องบิน หรือที่เค้าเรียกกันว่า “เคบิน” ซึ่งเป็นโซนที่มีออกซิเจนให้เราได้หายใจ
… แต่สำหรับคนที่ตายแล้วหรือศพนั้น เมื่อจะเดินทางขนส่งด้วยเครื่องบิน ก็จะถูกลำเลียงไปยัง “คาร์โก” หรือส่วนใต้ท้องของเครื่องบิน เพื่อจะนำร่างของบุคคลคนนั้นกลับไปยังถิ่นฐานบ้านเกิดตามประสงค์ของญาติ
แต่จะไม่มีอะไรน่ากลัวเลย ถ้าหากห้องพักของลูกเรือที่ใช้ในการพักผ่อนระหว่างไฟลท์นั้นไม่อยู่ในส่วนเดียวกันกับคาร์โกเช่นกัน
… จะมีก็เพียงแต่ กำแพงบางๆกั้นกลางเท่านั้น ระหว่างคนเป็นกับคนตาย
ในสถานที่พักลูกเรือใต้เครื่องนี้ดูอึมครึม และประกอบไปด้วยม่านหลายต่อหลายชั้น ทั้งม่านด้านหน้าสุดเพื่อกันไม่ให้ไฟจากเคบินส่องเข้ามา และม่านกั้นของแต่ละเตียง อีกทั้งแสงไฟที่มีทั้งหมดล้วนอยู่ด้านในเตียง ซึ่งมีลักษณะเป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว่าตัวคนเพียงนิดเดียว
มีเตียงเรียงกันแบบเตียง 2 ชั้นทั้งหมด 8 เตียง ในความมืด และแคบสุดหัวใจ
… หากใครที่นอนอยู่ในนี้เพียงคนเดียวอาจจะต้องคิดทบทวนให้ดี เพราะสถานที่แห่งนี้มีเรื่องเล่ามากมายที่ถ่ายทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่นเลยทีเดียว
เสียงลือเสียงเล่าอ้างมีอยู่ว่า..
ในวันหนึ่ง บนไฟลท์ที่ยาวกว่า 12 ชั่วโมง ลูกเรือทุกคนจึงมีสิทธิ์ได้นอนพักกันคนละ 3 ชั่วโมงตามที่กฎหมายกำหนด เหตุผลเพื่อความปลอดภัยในเรื่องความสามารถในการปฏิบัติหน้าที่ของลูกเรือ
A ลูกเรือหญิงผู้ที่เหนื่อยล้า ง่วงและพร้อมหลับได้ในทันที เมื่อเวลาพักเริ่ม เธอจึงตรงไปยังท้ายเครื่องมุ่งหน้าสู่ห้องพักลูกเรือทันที ในขณะที่ลูกเรือคนอื่นๆเพิ่งจะเคลียร์ของเสร็จและเลือกทำภารกิจอื่นที่แตกต่างกันไป บ้างก็กินข้าวก่อนแล้วจึงจะไปนอน บ้างก็ล้างหน้าทาครีมให้เรียบร้อยแล้วจึงจะลงไป
A จึงเป็นคนแรกที่กดรหัสเข้าห้องพักมา พร้อมกับถุงชุดนอนจิปาถะที่เธอเตรียมมาเปลี่ยนก่อนเข้าไปนอน
แอร์ในห้องนี้เย็นยะเยือกจับใจ ไม่มีเสียงอะไรเลยในที่นี้นอกจากเสียงฝีเท้าของเธอเองที่ค่อยๆปีนบันไดลิงลงมาจนถึงบริเวณของห้องพักของลูกเรือ
ตึ่ก.. ตึ่ก.. ตึ่ก..
ท่ามกลางไฟที่มืดสลัว จะมีก็แต่แสงจากด้านบนสุดของราวบันไดเท่านั้น ม่านที่อยู่หน้าเตียงของแต่ละเตียง บ้างก็ถูกมัดเอาไว้ด้านข้างเป็นอย่างดี บ้างที่เก็บไม่ดี ก็ไถลลงมาจนปิดเตียง
สายตาของ A มองปราดไปเห็น “คน” นั่งอยู่ที่บริเวณกลางเตียงเตียงหนึ่งด้านในสุดอย่างรวดเร็ว
“ใครวะ มาเร็วแท้”
.. เธอจึงอดแปลกใจไม่ได้ ว่าคนคนนี้เป็นใครกัน
แต่ด้วยความเหนื่อย และความง่วง เธอจึงลืมนึกไปว่า.. นี่อาจไม่ใช่คน
A เดินตรงเข้าไปหาหญิงคนนั้นด้วยความสงสัยว่าเธอคือหนึ่งในลูกเรือไฟลท์นี้หรือไม่..
ด้วยการแต่งกายของหญิงคนนั้น และใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย
“นี่ไม่ใช่แอร์ในไฟลท์เรานี่? และในห้องนี้ห้ามบุคคลภายนอกเข้านะ”
A ฉุกคิดฉุนอยู่ในใจ หญิงคนนี้เข้ามาอยู่ในห้องพักลูกเรือได้อย่างไร ทำไมคนอื่นถึงไม่ดูแลทางเข้าออกของห้องให้ดีถึงทำให้บุคคลภายนอกเล็ดลอดเข้ามาได้
ด้วยใจที่เริ่มไม่สบอารมณ์ แต่ก็ต้องควบคุมตัวเองเอาไว้ Aจึงตรงเข้าไปถามหญิงคนนั้นในทันทีว่า..
“คุณ คุณเป็นใครคะ? เข้ามาอยู่ในห้องนี้ได้อย่างไร? คุณรู้ใช่ไหมว่าห้องนี้เข้าได้เฉพาะลูกเรือ บุคคลภายนอกห้ามเข้ามานะ”
ด้วยไฟที่สะท้อนมาจากหัวบันไดที่อยู่ไกลออกไปนัก ใบหน้าของหญิงสาววัยกลางคนผู้นั้นจึงแลดูเศร้าหมอง ซีดจาง และมืดมัวเสียเหลือเกิน
หญิงคนนั้นไม่ตอบอะไร ได้เพียงแต่พยักหน้าเบาๆเท่านั้น
นั่นเป็นสิ่งที่ยิ่งบันดาลโทสะให้ A รบเร้าให้หญิงสาวรีบกลับไปยังที่นั่งให้เร็วที่สุด เพื่อเธอจะได้นอนเสียที
“ฉันไม่มีที่นั่ง” เสียงหญิงสาวเย็นยะเยือก เธอก้มหน้าตลอด ไม่สบตา และไม่ขยับเขยื้อนไปไหนเลย
ไม่ได้การณ์! เห็นทีเราคงจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ คงต้องให้ญาติมาเรียกตัวกลับ A คิดหงุดหงิดอยู่ในใจ
“นี่คุณนั่งมากับใคร และที่นั่งเลขอะไร”
หญิงคนนั้นเอาแต่ก้มหน้า เธอพูดช้าและน้ำเสียงเยือกเย็น ฟังคำตอบออกมาได้ว่า..
“ฉันมากับสามี เขานั่งอยู่ที่ 45B”
โอเค.. ต้องไปตาม ชั้นจะไปบอกสามีเธอให้มาตามเธอกลับ ทำอย่างนี้ได้ยังไง เสียเวลานอนจริงๆ
A ฟึดฟัดปีนบันไดกลับขึ้นไปยังที่นั่ง 45A และ 45B ในทันที
ซึ่งก็พบว่ามีหญิงชรานั่งอยู่กับผู้ชายที่ตรงนั้นจริงๆ
แต่ติดตรงที่ ที่นั่ง 45C มีคนนั่งอยู่ และไม่ได้ว่างอย่างที่เข้าใจ ดูเค้าเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน
เมื่อAเดินไปด้านหน้าของคนทั้ง 3 เพื่อเริ่มบทสนทนา ชายคนที่นั่งอยู่ 45B ท่าทางดูเหม่อลอย
“เอ่อ.. ขอโทษค่ะ คุณเดินทางมากับภรรยาใช่ไหม?”
ชายคนนั้นสะดุ้งตกใจ ตอบเพียงห้วนๆว่า “ใช่”
“คุณรู้ไหมภรรยาคุณไปนั่งในพักลูกเรือข้างล่างไม่ยอมขึ้นมา คุณช่วยไปเรียกที”
ชายคนนั้นหน้าถอดสี น้ำตารื้น พร้อมกลับเปลี่ยนเป็นความโกรธ โวยวายใส่ A ในทันที
“โกหก ชั้นไม่ล้อเล่นนะ”
A ชักฉุน “ชั้นก็ไม่ได้เล่นกับคุณ เพราะเมียคุณนั่งอยู่ข้างในนั้นจริงๆ”
ชายคนนี้ยิ่งผงะ..
เค้าจึงลุกขึ้นมาด้วยความโกรธและเปิดที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะในบริเวณที่นั่งของเขาในทันที
“กรอบรูป” หยิบออกมาทำไม?
ชายคนนั้นหันอีกด้านของกรอบไม้นั้นให้ A ดู
และพบว่าเป็นรูปขาวดำของหญิงสาวที่เธอเพิ่งเจอในห้องพักลูกเรือเมื่อครู่หนึ่งนี่เอง
“ใช่คนนี้ไหม?”
“ใช่” A เริ่มจะอึ้ง ท่าไม่ดีแล้วสิ..
ชายคนนั้นเริ่มร้องไห้หนักขึ้น หนักขึ้น และโวยวายว่า A “โกหก” เขาทำไม
จะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อภรรยาของเค้า”ตายไปแล้ว”
และศพก็อยู่ที่ใต้ท้องเครื่อง เขากำลังพาเธอกลับบ้านเพื่อไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนาอยู่เลย
แล้ว A จะพบภรรยาของเขาได้อย่างไรกัน!!?
……
A ได้แต่สบตากับรูปถ่าย และไม่มีคำบรรยายใดๆอีกเลย
ไม่มีใครรู้ว่า A ทำอย่างไรต่อกับเหตุการณ์นี้ แต่ที่แน่ๆ A คงไม่กล้าเดินไปยังห้องพักแห่งนี้ลำพังตลอดชีวิตการบินอีกเป็นต่อไป
หลังจากนั้น ก็มักมีเสียงร่ำลือจากวิศวกรที่ซ่อมเครื่องบินครั้งที่จอดซ่อมบำรุงอยู่ ว่ามักจะเห็น “ผู้หญิง” นั่งอยู่ข้างในห้องพักลูกเรือ ทั้งๆที่เป็นเครื่องเปล่าที่มาจอดไว้ในบริเวณที่ไม่มีใครสัญจรไปมาของสนามบิน จะมีก็แต่คนในซึ่งเป็นผู้ชายเท่านั้น ไม่มีใครรู้ว่าเธอคือใคร.. และไม่มีใครกล้าถามอีกเลย”