ทั้งสงสาร ทั้งเศร้า เรื่องเล่าปนน้ำตา!! เมื่อพ่อเฒ่าราชการบำนาญที่ถูกลูกหลานทิ้งหลังยกมรดกให้หมดแล้ว พร้อมจดหมายที่ทิ้งไว้ก่อนตาย!!
ทั้งสงสาร ทั้งเศร้า เรื่องเล่าปนน้ำตา!! เมื่อพ่อเฒ่าราชการบำนาญที่ถูกลูกหลานทิ้งหลังยกมรดกให้หมดแล้ว พร้อมจดหมายที่ทิ้งไว้ก่อนตาย!!
ครอบครัวเปรียบเสมือนยาชนิดหนึ่งที่สามารถที่ทำให้เราประสบความสำเร็จได้จนถึงทุกวันนี้ หากวันนี้เราประสบความสำเร็จแล้วอย่าลืมย้อนกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลังเรามาตลอด บุญคุณจากพ่อแม่นั้นยิ่งใหญ่มาก อยากให้อ่านบทความนี้ให้จบ แล้วจะรู้ว่าสิ่งที่พ่อแม่ทำทุกอย่างนั้นเพื่อใคร หากไม่ใช่เรา..
ลุงข้างบ้าน .... อยากให้อ่านกันมากๆ (เรื่องเล่าจากเพื่อนบ้าน)
ครอบครัวเราย้ายมาอยู่ที่นี่ได้หลายปี โชคดีเจอเพื่อนบ้านดี มีน้ำใจ รั้วบ้านเราติดกันกับคุณลุงท่านนี้ แกเป็นข้าราชการบำนาญ เกษียณมาหลายปีแล้ว ส่วนภรรยาคุณลุงได้เสียไปแล้วคุณลุงมีลูก3 คน แต่งงาน มีครอบครัวกันหมดแล้ว และแยกย้ายไปอยู่ที่อื่น ๆ กันหมดลุงแกก็อยู่บ้านคนเดียวมาเกือบ 10 ปีเราได้รู้จักลุง ก็ได้เห็นในน้ำใจไมตรี เป็นคนใจดี อบอุ่น น่ารัก แกมีโรคประจำตัวตามประสาคนแก่ คือ เบาหวาน ความดัน และเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปตามปกติ ด้วยความที่อยู่บ้านคนเดียว บางครั้งเจ็บป่วย ก็ลำบากหน่อย เพราะไม่มีลูกหลาน คอยช่วยเหลือ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราก็ได้มีโอกาสได้ช่วยเหลือ พาไปหาหมอ พาไปทำธุระต่าง ๆ และถ้าป่วยหนักถึงขั้นต้องนอนโรงพยาบาล ก็จะช่วยโทรตามลูก ๆ ของแกให้ ลูกๆ ก็จะมาเยี่ยมบ้างไม่มาบ้าง แล้วแต่โอกาส เรารู้ว่าคุณลุงเหงา
บ่อยครั้งที่คุณลุงจะบ่นถึงคุณป้า ซึ่งเราไม่เคยเจอตัวจริง ได้เห็นแต่ในรูป เพราะท่านเสียไปหลายปีแล้ว ก่อนที่เราจะได้ย้ายมาอยู่ที่นี่ช่วงเทศกาล ปีใหม่ สงกรานต์ เมื่อบ้านอื่น ๆ เขามีลูก ๆ มาเยี่ยม เราเห็นคุณลุงนั่งเหงาเพียงลำพังเราก็ซื้อของขวัญ ของกิน ของใช้ บางครั้งก็เป็นพวกผลไม้บ้าง เครื่องดื่มบ้าง ไปไหว้ ลุงก็ดีใจให้ศีลให้พร แล้วก็บ่น รำพึง รำพัน ถึงลูก ๆ แล้วน้ำตาแกก็ไหลออกมา นั่งมองแต่ประตูหน้าบ้านรอว่าเมื่อไร จะมีรถของลูก ๆ กลับมาเยี่ยม หลายปีมานี้คุณลุงก็ได้แต่รอ.....เราก็ได้แค่ปลอบว่าลูกๆเขาคงติดธุระ วันไหนเขาว่างก็คงมาเยี่ยม ไม่ต้องคิดมาก เสียสุขภาพไปเปล่าๆ
ที่หลังบ้านคุณลุง มีต้นมะม่วงพันธุ์ดีอยู่หลายต้น มีต้นหนึ่งที่ลูกโต หวานอร่อยเป็นนิเศษ เราไปช่วยลุงเก็บเป็นประจำ และคุณลุงก็จะแบ่งมาให้ทุกครั้ง ลุงจะคัดลูกสวยๆเก็บใส่กล่องดูแลเป็นเป็นอย่างดีไว้รอลูก ๆ อยากให้ลูกได้กินของดี ๆ หลายครั้งหลายหน เราเห็นคุณลุงรอลูก ๆจนมะม่วงเน่าเสียไป ไม่รู้กี่หน ต่อกี่หน
เมื่อหลายปีมานี้ไม่เคยเห็นลูก ๆ กลับมากินมะม่วงที่พ่อบ่มไว้แม้แต่ครั้งเดียวมีที่แปลงหนึ่งที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ คุณลุงบอกว่าอยากขาย ให้เราช่วยดำเนินการให้หน่อย เราก็เขียนป้ายไปติด แล้วลงประกาศให้ ผ่านไป 5 เดือน หลังจากประกาศขาย ในที่สุดก็มีผู้สนใจและก็ขายได้ในราคา 1 ล้านบาท เมื่อได้เงินมา สิ่งแรกที่คุณลุงพูดถึงคือคิดถึงลูก ๆ ถ้ารู้ว่าพ่อขายที่ได้คงดีใจ ลุงบอกว่าจะแบ่งเงินให้ลูกทั้ง 3 คน เท่า ๆ กันวันรุ่งขึ้น ลุงก็มาหาเราแต่เช้า บอกว่าวันนี้ ขอแรงหน่อย ช่วยพาลุงไปธนาคารที จะไปโอนเงินให้ลูก เราก็พาไป คุณลุงโอนเงิน ให้ลูกคนละ 3 แสนบาท
เมื่อกลับมาจอดรถส่งลุงหน้าบ้าน ก่อนลงจากรถ คุณลุงหยิบเงิน ในกระเป๋า 1 แสนบาทยื่นส่งให้ บอกว่า.....เอานี่ ลุงให้.......เรารีบ ปฏิเสธ บอกว่า ไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องให้ผมลุงเก็บไว้ใช้เถอะ ให้ลูก ๆ ไปเกือบหมดแล้ว
ลุงบอกว่า เอาไปเถอะ ลุงได้รับบำนาญทุกเดือน ไม่ได้เดือดร้อนอะไร ที่แปลงนี้ที่ขายได้ ก็เพราะเราต้องรับโทรศัพท์และพาคนไปดูที่ หลายเดือนมานี้ไม่รู้ขับรถไป-กลับกี่รอบแล้ว และอีกอย่าง ตลอดเวลาที่ผ่านมา ลุงก็ได้แต่รบกวน ไม่เคยได้ให้อะไร ตอบแทนบ้างเลยพ่อหนุ่มไม่ใช่ลูก ไม่ใช่หลาน แต่ก็ยังอุตส่าห์เสียเวลาเป็นธุระจัดการเรื่องราวให้สารพัด รับไว้เถอะ ลุงอยากให้จริง ๆ ถ้าไม่รับลุงจะเสียใจนะ เราก็ไหว้ ขอบคุณครับลุง กลับมานอนคิด ไตร่ตรอง รู้สึกไม่สบายใจ ดึก ๆ จึงหยิบเงินไปหาลุงอีกรอบ.....แต่ลุงไม่รับคืนและยืนยันว่าตั้งใจจะให้เราจริง ๆ 2 วันต่อมา มีรถยนต์มาจอดที่บ้านลุง ลูกสองคน คนเล็กและคนกลางมาเยี่ยมและทวงถามเราถึงเงิน 1 แสนบาท พูดจาประมาณว่า.....เราไปหลอกเอาเงินคนแก่ เรารีบเข้าไปในบ้านหยิบเงิน 1 แสน เดินไปที่บ้านลุง แล้วคืนเงินให้ลุง ลุงปฏิเสธและพยายามอธิบายให้ลูก ๆ ฟัง แต่ทั้งสองคนไม่ยอม เราจึงวางเงินไว้ แล้วเดินออกมา
ก่อนตะวันตกดินได้ยินเสียงรถขับออกไป สักพักลุงก็มาหา เล่าว่าสองคนนั้นแบ่งเงินกันคนละ 5 หมื่นแล้วก็ลากลับไปแล้ว คุณลุงกล่าวคำขอโทษอย่างที่สุด ลุงน้ำตาไหล บอกว่าเสียใจ ไม่คิดว่าลูก ๆ จะเป็นไปถึงขนาดนี้ ลุงบอกว่าจะเอาเงินบำนาญที่ได้รับทุกเดือนมาทยอยคืนให้ จนกว่าจะครบ 1 แสนบาท เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอกครับลุง ไม่ต้องทำอย่างนั้น
ผ่านไปอีก 3 วัน เกือบ ๆ เที่ยงคืน ลุงมาที่บ้าน พร้อมกับลูกชายคนโต
" เมื่อ 3 วันที่แล้ว พ่อโทรไปเล่าเรื่องให้ฟัง พี่ก็ไม่สบายใจ พอดีที่ทำงานส่งไปสัมมนาหลายวันออกมาไม่ได้ พอเสร็จธุระ ก็รีบขับรถมาเลย มา
ถึงซะดึก พี่ต้องขอโทษแทนน้อง ๆ สองคนด้วย เสียมารยาทจริง ๆ เดี๋ยวต้องคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวสักครั้ง อายุก็มากแล้วแต่ก็ไม่รู้จักโต แย่จริง ๆ เอาอย่างนี้ ขอเลขบัญชีธนาคารให้พี่ได้ไหม เดี๋ยวกลับไปพี่จะรีบโอนเงินมาคืนให้ "
"ไม่ต้องหรอกครับ ไม่เป็นไร..... เราปฏิเสธไป"
เช้าวันถัดมาเมื่อลูกชายคนโตกลับไปทำงาน ลุงเล่าให้ฟังด้วยความดีใจ "เจ้าใหญ่มันบอกว่า วางแผนไว้แล้วอีก 5 ปี จะย้ายมาทำงานที่บ้าน จะพาลูกมาเมียมาอยู่ที่นี่ " เราสังเกตุเห็นแววตาอันสดใส ของคุณลุงบ่งบอกถึงความ ปิติ ยินดี อย่างที่สุด
ดีใจด้วยครับลุง ต่อไปลุงจะได้ไม่เหงาแล้ว
ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ เกือบ 4 ปีแล้วที่ลุงนับวันรอว่าจะมีลูก ๆ กลับมาอยู่ด้วย เราเห็นปฏิทิน ที่คุณลุงขีดฆ่า วันแล้ววันเล่า..... เดือน
แล้วเดือนเล่า..... ปีแล้วปีเล่า.....และสุดท้าย.....
ลุงน่าจะอดทนรออีกนิด .. อีกนิดเดียวเองครับลุง
ในห้องไอซียู เรากับพี่ใหญ่นั่งอยู่คนละข้างเตียงคนไข้.....ช่วงเวลา สุดท้ายของชีวิต คุณลุงขยับนิ้วมือ เรากับพี่ใหญ่เอื้อมมือไปจับมือลุงดวงตาค่อย ๆ ปิดลงช้า ๆคุณลุงจากไปด้วยอาการสงบ ....
หลังงานศพ เสร็จสิ้น ค่ำคืนนั้น พี่ใหญ่มาหาเราที่บ้าน ยื่นถุงกระดาษส่งให้ บอกว่า....."พ่อฝากไว้ให้ พ่อกำชับไว้ตั้งแต่ก่อนตาย ว่าต้องให้เรารับไว้ ไม่งั้นพ่อจะนอนตายตาไม่หลับ" เราแกะถุงเปิดดูข้างใน มีซองจดหมายทั้งหมด 10 ซองจ่าหน้าว่า... คืนเงินเดือนที่ 1-2-3... ไปจนถึง คืนเงินเดือนที่ 10 ในแต่ละซอง ข้างในมีธนบัตรใบละ 1,000 บาท สิบใบ....ซองสุดท้าย มีข้อความว่าถึง...หลานที่ไม่ใช่สายเลือด แต่ก็เป็นหลานที่ดีกับลุงเหลือเกิน ลุงคืนเงินให้ตามที่เคยสัญญาขอบคุณที่ช่วยเหลือ เป็นธุระให้ ในทุก ๆ เรื่อง และเป็นเพื่อนคนแก่มาตลอด ป้ามารอลุงแล้วลุงต้องไปก่อน
อีก 2 วันถัดมาที่บ้านคุณลุง มีคนเข้ามาทำความสะอาดเราหันไปสังเกตุเห็นปฏิทินที่คุณลุงใช้ขีดฆ่าเพื่อนับวันรอลูก ๆ ถูกทิ้งอยู่ในถังขยะหน้าบ้านเดินไปที่ถังขยะหน้าบ้านลุง มองไปที่ประตู มีป้ายประกาศติดไว้ขายบ้าน ด่วน !
เราไปเก็บปฏิทินมาทำความสะอาด .......นึกถึงภาพคนแก่ ที่หยิบดินสอขีดฆ่าตัวเลขบนปฏิทิน ด้วยอาการมือสั่นเทา ลูก ๆ คงไม่รู้หรอกว่า ภายใต้ปฏิทินเก่า ๆ ไร้ค่าใบนี้ มันซ่อนความห่วงหาอาลัยซ่อนความเงียบเหงา ว้าเหว่ ..ซ่อนความเจ็บปวดร้าวลึก ของคนแก่คนหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างโดดเดียวเพียงลำพังมานานกว่า 10 ปี
เราตั้งใจจะเก็บปฏิทินนี้ไว้ เพื่อเป็นที่ระลึก...ตลอดไป...
ขอให้บุญกุศล และคุณงามความดี ทั้งหลายทั้งปวง ที่คุณลุงได้สั่งสมมาตลอดชั่วชีวิต
จงนำพาดวงวิญญาณอันบริสุทธิ์ของคุณลุง ไปสู่สุคติในดินแดน อันสงบ ร่มเย็น ชั่วนิจนิรันดร์.....