ขังลูกตัวเอง..ไว้ใต้ดิน 24 ปี !!
เป็นคดีช็อกโลก และน่าจะถูกบรรจุในสารบบคดีอาชญากรรมสะเทือนขวัญและสะเทือนใจที่สุดคดีหนึ่งของมวลมนุษยชาติ กับพฤติกรรมของ นายโจเซฟ ฟริตเซิล อายุ 73 ปี วิศวกรไฟฟ้าชาวออสเตรีย แห่งเมืองอัมสเต็ตเทน ที่ก่อเหตุสุดโฉดชั่วกับลูกสาวแท้ๆ ของตัวเอง
นายฟริตเซิล จับตัวน.ส.เอลิซาเบธ ขังไว้ในห้องใต้ดินนานถึง 24 ปี ตั้งแต่อายุ 18 ปี จนปัจจุบันที่ตำรวจช่วยเหลือออกมาได้เธอมีอายุ 42 ปี นอกจากกักขังชนิดไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันแล้ว ยังข่มขืนจนตั้งท้องมีลูกออกมาถึง 6 คน และยังมีลูกทารกแฝดเสียชีวิตไปอีกท้องหนึ่งด้วย ไม่เพียงเท่านั้นยังขังลูกชาย-หญิง ที่เกิดกับลูกสาวคนนี้ไว้ด้วยกันอีก 3 คน โดยลูกๆ 3 คน โชคดีกว่าเพราะถูกนำขึ้นมาเลี้ยงเหมือนเด็กปกติทั่วไป
ที่ไม่น่าเชื่อก็คือนายฟริตเซิล สามารถเก็บงำความลับของตัวเองไม่ให้เมียที่นอนด้วยกันทุกคืน เพื่อนบ้านและคนที่มาเช่าบ้านพักอยู่ชั้นบนทราบเรื่องได้อย่างแนบเนียน!??
ความมาแตกเมื่อลูกคนโตวัย 19 ปี ที่เกิดกับลูกสาวตัวเองป่วยหนักต้องพามาโรงพยาบาล แพทย์ต้องการสอบถามอาการอื่นจากมารดาของเด็ก ทำให้ นายฟริตเซิล ต้องยอมพาลูกสาวที่ไม่เห็นเดือนเห็นตะวันมานานถึง 24 ปี ออกสู่โลกภายนอก
แพทย์พบความผิดปกติทั้งระหว่างสอบถามอาการของเด็ก และพฤติกรรมหวาดกลัวของ น.ส.เอลิซาเบธ ส่วนนายฟริตเซิล แสดงพิรุธอย่างกระวนกระวาย ตำรวจที่ได้รับแจ้งจึงเข้ามาตรวจสอบ ทำให้เรื่องราวสุดสะเทือนใจและสะเทือนขวัญเผยแพร่ไปทั่วโลก
น.ส.เอลิซาเบธ มีสภาพร่างกายผอมแห้ง ผิวหนังซีดเผือด สภาพจิตใจย่ำแย่มาก ในช่วงแรกของการสอบปากคำ หญิงสาวขอให้ตำรวจรับประกันว่า เธอจะไม่ต้องพบกับพ่ออีก และขอให้ตำรวจช่วยดูแลลูกๆ ด้วย โดยเด็กทั้งหมดอยู่ในความคุ้มครองของเจ้าหน้าที่ และดูแลด้านสภาพจิตใจแล้ว
เด็กชาย 2 คน ที่ถูกกักอยู่ในห้องใต้ดินบอกว่า เพิ่งเห็นแสงอาทิตย์เป็นครั้งแรกในชีวิต และเมื่อเห็นทั้งรถราและอาคารต่างๆ ก็แสดงอาการตื่นเต้น ยิ่งเป็นที่น่าเวทนาของเจ้าหน้าที่อย่างมาก
น.ส.เอลิซาเบธ ที่ถูกพ่อบังเกิดเกล้าทารุณกรรมทั้งร่างกายและจิตใจมานานกว่า 2 ทศวรรษ ลำดับเหตุการณ์อันแสนเลวร้ายว่าเธอเป็นลูกคนที่ 4 จากพี่น้องรวม 7 คน ถูกนายฟริตเซิล ข่มขืนครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 11 ขวบ และถูกคุกคามทางเพศเรื่อยมา กระทั่งปีพ.ศ.2527 เธออายุได้ 18 ปี ก็ถูกนายฟริต เซิล วางยาและจับเข้าไปขังในห้องใต้ดิน และเกือบทุกวันที่พ่อโฉดจะแวะลงมาดูพร้อมกับลงมือขืนใจเธอ นอกจากนี้ นายฟริตเซิล ยังขู่ด้วยว่าวางระเบิดเอาไว้ หากพยายามหลบหนีออกมาอาจจะทำให้กลไกระเบิดทำงาน!??
24 ปี แห่งความทุกข์ทรมาน เธอถูกพ่อบังเกิดเกล้าขืนใจจนตั้งท้องมีลูก 6 คน โดยลูกคนสุดท้องซึ่งเป็นท้องที่ 7 เป็นฝาแฝด แต่เสียชีวิตหลังคลอดได้ไม่นาน นายฟริตเซิล จัดการทำลายหลักฐานด้วยการนำศพโยนเข้าเตาไฟป่นจนไม่เหลือซาก!!!
ช่วงที่เธอถูกขังเอาไว้ใหม่ๆ นายฟริตเซิล ทำทีเข้าแจ้งความเอาไว้ด้วยว่าลูกสาวหายตัวไป จนอีก 1 เดือนต่อมาบังคับให้ลูกสาวเขียนจดหมายระบุว่าหลบหนีไปเองเพราะฝักใฝ่ในลัทธิหนึ่ง และบอกให้ทุกคนไม่ต้องตามหาเธออีกต่อไป
ห้วงเวลาต่อมานายฟริตเซิล ตัดสินใจนำลูก 3 คนขึ้นมาเลี้ยงในบ้านโดยบอกกับภรรยาที่อยู่กินด้วยกันว่า ลูกสาวนำมาฝากเอาไว้เนื่องจากไม่มีเงินเลี้ยงดู!??
ตำรวจคาดว่าเด็ก 3 คนอาจจะงอแงและส่งเสียงร้อง จนทำให้นายฟริตเซิล ระแวงว่าอาจจะมีคนข้างนอกได้ยิน จึงตัดสินใจนำมาเลี้ยงบนบ้าน
พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ลงไปสำรวจในห้องใต้ดิน เพราะไม่อยากเชื่อว่าเวลาถึง 24 ปี เหตุใดไม่มีใครรู้เรื่อง ทั้งๆ ที่บ้านของนายฟริตเซิล ก็เปิดให้คนอื่นเช่าพักด้วย!??
ในห้องใต้ดินออกแบบเป็นพิเศษมี 2 ห้องนอน ห้องน้ำ ห้องอาหาร และห้องทำงาน ซึ่งสร้างด้วยซีเมนต์หนา กรุด้วยวัสดุกันเสียงอย่างดี มีความสูงเพียง 170 เซนติเมตร ประตูเปิด-ปิดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ มีเพียงนายฟริตเซิลที่รู้รหัสเท่านั้น
ประกอบกับนายฟริตเซิล มีนิสัยเผด็จการ เมียตัวเองก็ไม่กล้าหือ ขณะที่ผู้เช่าพักถูกกำชับว่าห้ามลงไปในห้องใต้ดินเด็ดขาด บรรดาเพื่อนบ้านของครอบครัวนี้ต่างพูดคล้ายกันว่า ดูไม่ออกเลยว่า มีเรื่องเลวร้ายขนาดนี้เกิดขึ้น เพราะนายฟริตเซิล ดูเหมือนคนแก่ที่ไม่มีพิษภัยใดๆ และบ้านหลังดังกล่าวยังมีห้องให้คนนอกเช่าด้วย
นายฟริตเซิล ปกปิดทุกอย่างได้แนบเนียนเพราะการซื้อของใช้ต่างๆ ก็ไม่ได้มีพิรุธอะไร จนตำรวจสงสัยว่าอาจจะขับรถออกไปซื้อยังพื้นที่อื่น!??
นายอัลเฟร็ด ดูบานอฟสกี พนักงานสถานีบริการน้ำมัน วัย 42 ปี ซึ่งเคยเช่าห้องพักในบ้านนายฟริตเซิล กล่าวว่า นายฟริตเซิล ชอบลงไปขลุกในห้องใต้ดินทุกวันจนกลายเป็นเรื่องปกติ พร้อมออกกฎห้ามผู้เช่าห้องเข้าไปยุ่มย่ามในบริเวณห้องใต้ดินและสวนหลังบ้านเด็ดขาด
"จำได้สมัยเช่าห้องอยู่ชั้น 1 เคยได้ยินเสียงเคาะแปลกๆ ดังมาจากใต้พื้นห้อง แต่ไม่เคยเอะใจมาก่อนว่าจะเป็นเสียงที่เอลิซาเบธ เคาะขอความช่วยเหลือ ผมเสียใจมากที่ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ อยากให้พระเจ้าช่วยย้อนเวลากลับไปแก้ไขอดีต"
ส่วนเรื่องห้องใต้ดิน นายฟริตเซิล ขออนุญาตก่อสร้างอย่างถูกต้องเมื่อราวๆ 30 ปีก่อน เจ้าหน้าที่เทศบาลเข้าไปตรวจดูช่วงแรกก็ไม่พบความผิดปกติ เพราะเป็นการสร้างตามแบบทั่วๆ ไป ที่นิยมกันในออสเตรีย
นอกจากนั้น นายฟริตเซิล ยังห้าวหาญอย่างมากเพราะกล้าทิ้งลูกสาวไว้ในห้องใต้ดินโดยที่ตัวเองไปเที่ยวสถานที่ต่างๆ คราวละหลายๆ วัน หนึ่งในนั้นคือเมืองไทย!
จากข้อมูลพบว่านายฟริตเซิล พร้อมเพื่อนชาวเยอรมันเคยมาเที่ยวเมืองไทยเมื่อปี 2541 โดยตะลุยไปทั่วกรุงเทพฯ และพัทยา ตำรวจออสเตรีย เชื่อว่าน่าจะมาหาซื้อบริการทางเพศแน่
ระหว่างการท่องเที่ยวหรือไปธุระหลายๆ วัน นายฟริตเซิล จะเตรียมข้าวปลาอาหารเอาไว้ให้คนในห้องใต้ดินอย่างเพียงพอ
รูปนี้ถ่ายตอนที่ไอ้ชาติชั่วมาเที่ยวเมืองไทย ล่องเรือเที่ยวชมเจ้าพระยา อย่างสบายใจ ในเวลาเดียวกัน ก็ขังลูกตัวเองไว้ที่ห้องใต้ดิน!
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จิตแพทย์เยาวชนของ ออสเตรีย ระบุว่า น.ส.เอลิซาเบธ และลูกๆ อยู่ในความดูแลของแพทย์ และยังไม่ให้ติดต่อกับใคร เพราะต้องค่อยๆ ให้สัมผัสกับโลกภายนอก ขณะนี้ทุกคนอยู่ด้วยกัน เข้ากับสภาพแวดล้อมได้ดี
แพทย์ยังไม่อนุญาตให้ตำรวจสอบปากคำอย่างละเอียด เนื่องจากสภาพจิตของคนไข้ยังไม่พร้อม
ส่วนเด็ก 3 คนที่เติบโตอยู่ในโลกภายนอกปกติ ทางเจ้าหน้าที่จะหาโรงเรียนพิเศษให้เหมือนกับอีก 3 คนที่เติบโตอยู่ในห้องใต้ดิน อีกทั้งเจ้าหน้าที่จะเปลี่ยนชื่อเด็กทุกคนให้หมด รวมถึงพี่น้องของ น.ส.เอลิซาเบธ อีก 6 คนด้วย
เพราะคงเป็นการยากที่ทั้งหมดจะใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติ หากบุคคลภายนอกรู้ว่าพวกเธอและเขามาจากครอบครัวที่มีพ่อชั่วโฉดขนาดนั้น
ขณะที่ตำรวจยังสอบสวนเพิ่มเติมในเรื่องผู้สมรู้ร่วมคิด โดยเฉพาะเมียนายฟริตเซิล ที่แม้จะยืนยันว่าไม่รู้เรื่อง แต่ตำรวจก็ยังไม่ปักใจเชื่อ 100%
คดีนี้ยิ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์ไปทั้งโลกหนักขึ้น เมื่อพลิกดูกฎหมายของออสเตรียเกี่ยวกับความผิดของนายฟริตเซิล คือข่มขืนและกักขังหน่วงเหนี่ยว มีบทลงโทษสูงสุดคือจำคุก 15 ปี!!!
นอกจากนี้ ยังมีการลดหย่อนอีกต่างหาก จนเชื่อว่านายฟริตเซิล หากตัดสินว่ามีความผิดจริง อาจจะติดคุกแค่ไม่กี่ปีเท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้นายฟริตเซิล เคยถูกจับคดีข่มขืนมาแล้ว และติดคุกไม่นานก็ออกมาอยู่ในสังคม กระทั่งก่อเหตุกับลูกสาวตัวเอง!!!
จากคดีนี้ยิ่งสร้างความตื่นตะลึงมากขึ้น เมื่อตำรวจออสเตรีย พบข้อมูลอันน่าตระหนกโดยสงสัยว่านายฟริตเซิล อาจจะรู้เห็นหรือเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมอีกรายเมื่อ 22 ปีก่อน!??
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อปี 2529 ตำรวจพบศพ น.ส.มาร์ติน่า พอสช์ วัย 17 ปี ถูกฆ่าและนำศพยัดใส่ถุงพลาสติกทิ้งไว้ในเขตทะเลสาบมอนด์ซี ใกล้เมืองซาลซ์บูร์ก
นายฟริตเซิล ตกเป็นผู้ต้องสงสัยเนื่องจากจุดพบ ศพอยู่ใกล้กับโรงแรมเล็กๆ แห่งหนึ่ง ซึ่งช่วงเกิดเหตุอยู่ในความครอบครองของพ่อโฉดรายนี้!??
ตำรวจยิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่อพบว่า น.ส.มาร์ติน่า มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ น.ส.เอลิซาเบธ อย่างมาก
เจ้าหน้าที่ตั้งข้อสันนิษฐานว่าหากการตายของ น.ส.มาร์ติน่า เกี่ยวข้องกับนายฟริตเซิล มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าอาจจะพบหลักฐานบางอย่างในบ้าน เพราะนายฟริตเซิล อาจจะเก็บข้าวของบางอย่างของเหยื่อเป็นที่ระลึก!??
อย่างไรก็ตาม แม้คดีฆาตกรรมอาจจะหาหลักฐานมาเล่นงานไม่ง่าย แต่คดีขัง-ข่มขืนลูกสาวตัวเอง รวมไปถึงคดีเผาอำพรางศพทารกฝาแฝด น่าจะมากพอที่จะให้นายฟริตเซิล ที่ปัจจุบันแก่จวนจะเข้าโลงแล้ว หมดสิทธิ์ออกมาดูโลกภายนอกได้อีก
แต่ชื่อของ "โจเซฟ ฟริตเซิล" คงเป็นที่จดจำในฐานะหนึ่งในตำนานอาชญากรโฉดชั่วของโลกไปอีกนาน!!!
เสริมนิดหน่อย สำหรับสถานที่คุมขังนายฟริตเซิลไม่ใช่ "คุก" แต่เป็นโรงพยาบาลจิตเวช กรุงเวียนนา ซึ่งสภาพความเป็นอยู่ดีกว่าหลายเท่า และทางกฎหมายก็พบว่าถ้าเขาติดคุกนาน 15 ปี จะมีสิทธิ์ยื่นเรื่องขอผ่อนผันลดโทษจำคุก ถ้าเงื่อนไขดังกล่าวเกิดขึ้นจริงเท่ากับว่าอาจติดคุกจริงแค่ 14 ปีกว่าๆ เท่านั้น!?