หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

50 บ้านหลอน ใน อเมริกา !!!

โพสท์โดย ผีเจ้า
50 บ้านหลอน ใน อเมริกา !!!

1. Pittock Mansion
คฤหาสน์ทรงฝรั่งเศสบนภูเขา ซึ่งสามารถมองเห็นย่านดาวน์ทาวน์ของพอร์ตแลนด์ โอริกอน ได้อย่างชัดเจน คฤหาสน์หลังนี้ถูกบันทึกว่าเป็นสถานที่เสียชีวิตของคน 2 คน คือเจ้าของบ้านเดิม จอร์เจียน่า(72ปี)ในปี 1918 และ นาย Henry Pittock (84ปี) ในปี 1919 และในปี 1965 มีการเปิดเผยปรากฏการณ์ลึกลับเหนือธรรมชาติหลายอย่างที่เกิดขึ้นในบ้านหลังนี้ เช่น หญิงชราลึกลับลอยได้ ,เสียงฝีเท้าที่หาต้นเสียงไม่ได้, รูปภาพที่ขยับเองได้, หน้าต่างที่เปิดปิดเอง แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ ใบหน้าปริศนาที่โผล่ขึ้นมาบนต้นไม้(รอบบ้าน) คฤหาสน์หลังนี้เคยถูกใช้เป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์หลายเรื่อง เช่น basic instinct ในปี 1993



2. Farnsworth House
ถูกสร้างขึ้นในปี 1810 แต่หลังจากนั้นถูกยึดครองโดยทหารฝ่ายใต้ ในปี 1863 ในสมรภูมิเก็ตตีสเบิร์ก , Jannie wade วัย 20 ถูกทหารฝ่ายใต้ยิงตาย(เป็นพลเรือน 1 ใน 8000 คนที่ถูกฆ่าในการรบครั้งนี้) บ้านหลังนี้ซึ่งปัจจุบันเป็นโรงแรม มีห้องนั่งเล่นซึ่งจำลองให้คล้ายสุสาน และในห้อง ลินคอร์น(ชื่อห้อง) มีการสร้างเก้าอี้จำลอง ที่ ประธานาธิบดีอับราฮัม ลินอคร์น นั่งในคืนที่ถูกลอบสังหาร บ้านหลังนี้ว่ากันว่าความหลอนแทรกซึมอยู่ในทุกห้อง


3. Myrtles Plantation
บ้านสวนที่สวยงามและกว้างขวางหลังนี้ถูกสร้างขึ้นในปี 1796 นัยว่าสร้างบนพื้นที่ฝังศพของพวกอินเดียนแดง (คนสร้างมันคิดยังไง) บ้านหลังนี้ถูกซื้อและปรับปรุงใหม่ในปี 1850 โดยครอบครัวที่มีลูกๆ 9 คน (ห้าคนตายไปตั้งแต่ยังเด็ก) ต่อมาไม่นานเจ้าของบ้านถูกฆ่าตายบนระเบียงบ้านอย่างปริศนา นอกจากนี้ยังมีตำนานของ โคลอี้ ทาสผิวดำซึ่งเป็นเมียเก็บของเจ้าของบ้าน โคลอี้ชอบแอบฟังเจ้านายเขาคุยกัน วันหนึ่งเธอถูกทำโทษโดยการตัดใบหูข้างหนึ่งของเธอ จนเกิดความแค้นเธอเลยอบเค้กวันเกิดโดยใส่ใบยี่โกซึ่งเป็นพืชมีพิษและให้ครอบครัวของนายจ้างกิน จนเป็นเหตุทำให้ภรรยาและบุตรสาวสองคนตายอย่างทรมานในไม่กี่วันต่อมา ส่วนโคลอี้ก็หนีจากบ้านและฆ่าตัวตายโดยการโดดลงในแม่น้ำมิสซิสซิปปี้(บ้างก็ว่าโดนจับได้และถูกแขวนคอ)ในเวลาต่อมา ทำให้สามีเจ้าของบ้านเสียใจต่อการจากไปของภรรยามากเขาเลยปลูกต้นไม้ในบริเวณบ้านอย่างสวยงาม ก่อนจะอพยพไปนิวออร์ลีน(บางคนบอกว่าไม่มีรายงานว่าทาสโคลอี้นี้มีจริงและลูกสาวที่ว่าตายเพราะจากกินเค้กนั้นยังคงมีชีวิตอยู่) ตำนานผีโคลอี้ โด่งดังพอสมควรในอเมริกา


4. Houghton Mansion
บ้านหลังนี้เป็นของ North Adams นายกเทศมนตรีคนแรกของเมือง A.c Houghton สาเหตุที่ทำให้มันเป็นตำนานในเรื่องผี มีอยู่ว่า ลูกสาวของ ท่านนายกฯ , แมรี่ และเพื่อนของเธอเดินทางไป เวอร์มอนต์ โดยให้John Widders คนขับรถของครอบครัวขับรถให้ เมื่อขับไปถึงเขื่อน จอห์นฆ่าแมรี่และเพื่อนของเธอ(สาเหตุเรื่องความรักหรือไงนี่แหละ) วันต่อมามีคนพบศพจอห์นที่ยิงตัวตายในบ้านหลังนี้ และเก้าวันต่อมา ท่านนายกฯ ก็ตายตามไปอีกคน ว่ากันว่าทุกวันนี้ยังมีคนพบเห็นวิญญาณของทั้งหมดวนเวียนอยู่, ความตายอบอวลไปทั่วบ้าน


5. Rispin Mansion
บ้านถูกสร้างโดยนาย Henry Rispin เศรษฐีที่ดินที่ลงทุนสร้างเพื่อให้มันเป็นรีสอร์ทที่หรูหราน่าสนใจ แต่ก็เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ (ต่อมานาย ริสปิน ต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ขนาดที่ว่าตอนเขาตาย ต้องฝังศพในสุสานคนอนาถา) แมนชั่นถูกแปลงสภาพเป็น คอนแวนต์ และกลายเป็นที่พักอาศัยในทศวรรษ 60 คนที่พักอาศัยหลายคนรายงานตรงกันว่าพวกเขามักจะพบเจอกับ “อาคันตุกะ” ปริศนาในยามวิกาลเสมอ สาเหตุก็มาจากไฟไหม้ที่คร่าชีวิตคนไปจำนวนนับไม่ถ้วนนั่นเอง


6. Croke Patterson Mansion
Thomas B. Croke สร้างบ้านหลังนี้ในปี 1892 เขาขายบ้านในสองปีต่อมาเพราะรู้สึกว่าโครงสร้างบ้านดูน่ากลัว บ้านถูกเปลี่ยนมือไปเรื่อยๆ จนถูกแปลงเป็นสำนักงานในปี 1970 พนักงานคนหนึ่งเล่าว่าเขา อาคารหลังนี้มีสุนัขโดเบอร์แมนสองตัวเฝ้าไว้ ซึ่งวันรุ่งขึ้นสุนัขสองตัวนี่ตายอย่างปริศนา ต่อมาก็มีข้าวของถูกโยนลงมาจากหน้าต่างชั้นสาม พนักงานอีกคนยังเล่าว่าเขาได้ยินเสียงคำราม เสียงเครื่องพิมพ์ดีดที่ทำงานเองในยามค่ำคืน สาเหตุว่ากันว่าเป็นเพราะวิญญาณของเด็กสาวคนหนึ่งซึ่งถูกฝังไว้ในห้องใต้ดินของบ้านอย่างปริศนา และบ้านหลังนี้มีทางลับและกลไกมากมายที่ถูกพบในภายหลัง


7. Joshua Ward house
Joshua Ward ผู้สร้างบ้านเป็นกัปตันเรือขนส่งผู้ร่ำรวย แต่ผู้ที่ทำให้บ้านหลังนี้เป็นตำนานไม่ใช่เขา แต่เป็นเจ้าของบ้านรายล่าสุดที่ครอบครองบ้านและที่ดินของโจชัว คือนายอำเภอ George Corwin ผู้พิพากษาประหาร Giles Corey ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเป็นหัวหน้าของลัทธิแม่มด แม้ Corey จะปฏิเสธแต่เขาก็ถูกประหารโดยการขว้างหินเข้าใส่จนตาย นายอำเภอตายหลังจากนั้นห้าปี ศพของเขาถูกฝังอยู่ในบ้านนั่นเอง แต่ต่อมาก็ได้ย้ายไปที่สุสาน ว่ากันว่าวิญญาณของนายอำเภอและ Corey ยังอาศัยวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้


8. Berkeley Castle/Samuel Taylor Suit Cottage
ปราสาทขนาด 20 ห้องนอนที่สามารถมองเห็นเมืองได้ทั้งเมืองนี้ ถูกสร้างขึ้นในปี 1885 โดยเจ้าสัว บริษัทสร้างทางรถไฟ Samuel Taylor Suit เพื่อมอบให้เจ้าสาวของเขา โรซ่า ต่อมาเจ้าสัวผู้นี้ก็ตายลงในปี 1888 และโรซ่าก็ได้ใช้มันไปในทางรื่นเริงบันเทิงใจ(ปาร์ตี้เป็นว่าเล่น) ว่ากันว่าวิญญาณของโรซ่ายังอาศัยอยู่ในปราสาทแห่งนี้ จวบจนมันถูกขายในปี 1913 (ปราสาทแห่งนี้ถอดแบบมาจาก ปราสาทชื่อเดียวกันในอังกฤษ ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมมันดูคล้ายกัน)


9. Summerwind / lamont mansion
สร้างขึ้นเมื่อ ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เพื่อเป็นกระท่อมพักผ่อนสำหรับตกปลา บ้านหลังนี้ถูกกล่าวขานว่ามีปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในปี 1930 เมื่อ Robert Lamont ผู้อาศัยขณะนั้นเล่าว่าเขายิง ผีตนหนึ่งด้วยปืนพก ต่อมาในปี 1970 สองสามีภรรยาและลูกๆ 4 คนได้ย้ายเข้ามาอยู่ สามีได้ทำการปรับปรุงบ้านด้วยตัวเอง หลังจากช่างที่จ้างมาขอยกเลิกงานด้วยเหตุผลบางอย่าง หกเดือนต่อมาสามีมีอาการป่วยทางจิต และภรรยาได้พยายามฆ่าตัวอย่างไม่มีเหตุผล ในปี 1988 บ้านที่ถูกทิ้งร้างมานานหลังนี้ถูกฟ้าผ่า และไฟไหม้จนเกือบหมด


10. Walkers House
โรงแรมที่ใหญ่โตโอฬารแห่งนี้ สร้างขึ้นเมื่อปี 1836 สถานที่แห่งนี้ได้รับการรายงานว่าเกิดปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติในปี 1960 เช่น เสียงกระซิบปริศนา ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นเสียงของ William Caf? ชายที่ถูกตัดสินประหารด้วยการแขวนคอ ในข้อหาฆาตกรรม เขาถูกแขวนคอที่หน้าโรงแรมแห่งนี้ และนี่เป็นที่มาของตำนานความหลอนนั่นเอง


11. Barclay House/McLoughlin House
บ้านหลังนี้สร้างโดย Dr. John McLoughlin ชายชาวต่างถิ่นที่มาตั้งรกรากใน โอเรกอน หลังจากที่หลุมศพของเขาและภรรยาถูกย้ายออกไปในปี 1970 ก็มีผู้เริ่มพบเห็นผีรูปร่างสูงปรากฏตัวในบ้านหลังนี้ (ดร.จอห์นสูง 6ฟุต 5 นิ้ว) ต่อมาบ้านหลังนี้ถูกดัดแปลงเป็นโรงแรมและสถานเริงรมย์(ซ่อง) สำหรับชาวจีนอพยพ ก่อนจะกลายเป็นบ้านร้างในที่สุด ผีที่พบบ่อยที่สุดคือ ผีในห้องทีมีโสเภณีคนหนึ่งเสียชีวิตอย่างเป็นปริศนา


12. Morris-Jumel Mansion
บ้านหลังนี้เคยเป็นศูนย์บัญชาการของ จอร์จ วอชิงตัน บ้านเก่าแก่หลังนี้ตั้งอยู่ในแมนฮันตัน ต่อมาตกเป็นบ้านของ Stephen และ Eliza Jumel ในปี 1800 หลังจากสตีเฟ่นตาย เอลิซ่าแต่งงานใหม่กับ อดีตรองประธานาธิบดี Aaron Burr ต่อมาได้มีการเข้าทรง ผีสตีเฟ่นบอกว่าเขาโกรธมากและต่อมาก็ฆ่าเอลิซ่ากับสามีตาย ปัจจุบันก็ยังมีผู้พบเห็นวิญญาณของผีสามตนนี้วนเวียนอยู่ภายในบ้าน


13. Dakota Co-op
อพาร์ทเม้นต์ที่จอห์น เลนนอน อาศัยและถูกฆ่าตาย ไม่มีข้อมูลว่าหลอนยังไง บางทีอาจเป็นรูปทรงที่ดูน่ากลัวของมันก็ได้


14. Redd Fox ‘s House
ปี 1989 IRS (กรมสรรพากรของ สหรัฐ) เข้ายึดบ้านของดาวตลกผิวหมึกชื่อดัง Redd Foxx ในการเสียภาษีย้อนหลังซึ่งฟอกซ์ไม่สามารถอภัยให้พวกเขาได้ ฟอกซ์เสียชีวิตในอีกสองปีต่อมาด้วยโรคหัวใจ แต่ผู้คนในละแวกนั้นก็เริ่มได้รับความเดือนร้อนจากสิ่งที่ไม่สามารถอธิบายได้ เช่นประตูกระจกที่เลื่อนเปิด-ปิดเอง ราวกับว่ามีใครกำลังใช้งานมันอยู่ คนทรงถูกจ้างมาจัดการกับปรากฏการณ์นี้ และ ฟอกซ์ ได้หยุดการเล่นสนุกในยามค่ำคืนของเขาไปในที่สุด


15. Bliss Mansion
ในปี 1870 เศรษฐีพ่อค้าไม้ Duane Bliss ได้มีโครงการจะสร้างบ้านในฝันของเขา ต่อมาเขาซื้อที่ดินและเริ่มสร้างมัน ปรากฏว่าที่ดินตรงนั้นเป็นป่าช้าเก่า เขาได้สั่งให้ย้ายสุสานและศพทั้งหมดออกไป เป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่ bliss ไม่ได้รับการรบกวนจากวิญญาณผีพวกนั้นเลย บ้านหลังนี้เป็นมรดกตกทอดกันมาเรื่อย ในตระกูลของเขา จนกระทั่งเมื่อขึ้นศตวรรษใหม่ บ้านก็กลายเป็นโรงแรม เข้าใจว่าเพราะตำนานตอนสร้างบ้านนั่นเองที่เป็นที่มาของความหลอน


16. Lemp Mansion
บ้านหลังนี้สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 โดยครอบครัว Lemp พวกเขาใช้มันเป็นโรงเบียร์ซึ่งทำรายได้ดีทีเดียว บ้านหลังนี้ในระยะเวลา 50 ปี มีคนฆ่าตัวตายไปแล้วหลายคน ลูกหลาน lemp คนสุดท้ายตายเมื่ออายุ 90 ปี ว่ากันว่าเขาเป็นผู้เดียวที่รอดตายจากการถูกฆ่าโดยการวางเผลิงจากผู้ดูแลมรดก มีคนพบเห็นสมาชิกหลายคนของครอบครัว lemp ปรากฏกายวนเวียนอยู่ในบ้าน


17. Lalaurie Mansion
ตึกสี่เหลี่ยมทรงฝรั่งเศส ของ Dr. Louise Lalaurie และภรรยา ที่เป็นบุคคลมีหน้ามีตา ในเมือง นิวส์ ออร์ลีน แต่เบื้องหลังสองผัวเมียเป็นคนที่โหดเหี้ยมและชอบทรมาณทาส ในปี 1834 บ้านหลังนี้เกิดไฟไหม้ใหญ่ ห้องทรมาณก็ถูกค้นพบ มันเป็นห้องเพดานที่มีโหลดองศพมากมาย ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นการทดลองมนุษย์ ฝูงชนขับไล่สองผัวเมียออกไป ภรรยาได้ตายลงในปี 1842 และกลายเป็นผีมาปรากฏตัวที่บ้านหลังนี้พร้อมเหยื่อของเธอ ให้ผู้คนได้พบเห็นอยู่เสมอ


18. Hannah House
สร้างในปี 1858 โดย Alexander Hannah หัวหน้าสภาเทศบาลเมืองอินเดียนาโพลิส บ้านหลังนี้เป็นทางลับไปสู่ทางรถไฟใต้ดิน (หมายถึงเส้นทางการหลบหนีของทางทาสผิวดำก่อนการเลิกทาส) โศกนาฏกรรมอันเป็นที่มาของความหลอน คืออุบัติเหตุไฟไหม้คลอกกลุ่มทาสที่กำลังซ่อนตัวในชั้นใต้ดินของบ้าน ทุกวันนี้ผู้เยี่ยมเยือนมักจะพบเห็นการปรากฏตัวของทาสผู้โชคร้ายเหล่านั้นอยู่เสมอ


19. Barton Mansion
สร้างขึ้นในปี 1800 บนป่าช้าเก่าของพวกอินเดียนแดง (อีกแล้ว)และถูกใช้เป็นโรงพยาบาลบ้า ต่อมาได้รับการปรับปรุงให้เป็นสำนักงานให้เช่า ซึ่งผู้อยู่อาศัยต่างพูดตรงกันว่าเคยเห็น สัตว์ประหลาดในผ้าพันแผลทั่วตัว ถือตะเกียงเดินไปมารอบบ้าน


20. Thornewood castle
ปราสาทหลังนี้สร้างแล้วเสร็จในปี 1911 หลังจากใช้เวลาก่อสร้างนานถึงสี่ปี ปราสาทริมทะเลสาบในฝันหลังนี้เป็นของ Chester Thorne นายธนาคารผู้ก่อตั้ง Port of Tacoma (ท่าเรือขนส่ง) หลานคนหนึ่งของเขาถูกพบเป็นศพในทะเลสาบ มีผู้พบเห็นผีตนนี้ยืนอยู่ในทะเลสาบ ตัว chester เองก็บอกว่าเขาพบเห็นดวงไฟปริศนาลอยไปมารอบๆ ทะเลสาบอยู่เสมอ (เกี่ยวไรกับบ้านวะ?)


21. Crenshaw House, Hickory Hill,บ้านเก่าของเหล่าทาส
บ้านของ John Crenshaw ที่ซึ่งเจ้าของบ้านใช้เป็นที่ลักพาตัวทาสที่หลบหนี มาใช้แรงงานในเหมือง ห้องใต้หลังคาถูกดัดแปลงเป็นห้องเล็กๆ สำหรับเป็นที่อยู่ของทาสผิวดำ โดยทำเป็นห้องลับเอาไว้ ทุกวันนี้ยังมีคนได้ยินเสียงของทาสเหล่านั้นสวดมนต์ และร้องเพลงดังออกมาจากบ้านหลังนี้อยู่บ่อยๆ


22. Stranahan House
บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในพื้นที่ของชาวอินเดียนแดง ถูกสร้างขึ้นในปี 1902 และถูกใช้เป็นจุดสำหรับการซื้อขายสินค้า ต่อมาในปี 1927 Frank Stranahan เจ้าของบ้านฆ่าตัวตาย โดยการมัดชิ้นส่วนของประตูเหล็กกับข้อเท้า และกระโดดลงไปในทะเล ไอวี่ ภรรยาของเขายังอาศัยในบ้านหลังนี้ต่อมาจนกระทั่งเธอตายในปี 1971 ว่ากันว่าสองสามีภรรยายังคงวนเวียนอยู่ในบ้านหลังนี้จวบจนปัจจุบัน


23. Old Stone House
ว่ากันว่ามีวิญญาณไม่น้อยกว่า 11 ดวงสิงสถิตอยู่ในบ้านหลังนี้ บ้านเก่าแก่หลังนี้ตั้งอยู่ในเมือง Washington D.C. มาตั้งแต่ปี 1795 ต่อมาถูกใช้เป็นซ่องในปี 1930 ผีที่มีชื่อเสียงที่สุดของบ้านหลังนี้เรียกตัวเองว่าจอร์จ ซึ่งมักจะปรากฏกายออกมาลูบคลำผู้หญิงทุกคนที่เขาพบ บ้างก็ว่าโดนผลัก (ผีบ้ากามแน่ๆ)


24. Whaley "The Gallows" House
สร้างขึ้นในปี 1857 ออกแบบและก่อสร้างโดย U.S Chamber of commerce ถูกใช้เป็นที่แขวนคอนักโทษก่อนที่ Thomas Whaley จะย้ายเข้ามาเพื่อสร้างครอบครัวที่อบอุ่น (ที่อื่นมีเยอะแยะโธ่เอ๊ย) จากนั้นเขาก็พบกับปรากฏการณ์ทางวิญญาณมากมาย โดยเฉพาะวิญญาณของนักโทษที่ชื่อ James "Yankee Jim" Robinson ต่อมาสมาชิกของตระกูล Whaley 4 คนก็เสียชีวิตในบ้านแห่งนี้ ทุกคนต่างพูดตรงกันว่ามันเป็นบ้านผีสิงอย่างแท้จริง


25. Atherton House
George Atherton ชายหนุ่มหัวอ่อนอาศัยในบ้านหลังนี้กับแม่และเมียผู้กดขี่ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ต่อมาเขาตัดสินใจเดินทางไปชิลิ เพื่อหนีแม่มด(หมายถึงแม่และเมีย) ในชีวิตเขา ต่อมาจอร์จป่วยและตายลง ก่อนตายเขาบอกว่าจะกลายเป็นผีไปสิงในบ้านเก่าเขา ซึ่งก็มีคนพบเห็นเขาจริงๆ!


26. Magnolia mansion
สร้างขึ้นเมื่อปี 1858 โดย Alexander Harris และใช้เป็นที่อยู่อาศัยมาจนถึงปี 1869 Alex และน้องชายตายในระยะเวลาไล่เลี่ยกันจากไข้เหลือง บ้านก็ถูกเปลี่ยนมือมาเรื่อยๆ จนกระทั่งตกเป็นของ Hollie Diann Vest ในปี 2001 ซึ่งรายงานว่าได้พบเรื่องลึกลับมากมายในบ้านหลังนี้ เช่น ประตูหนักกว่า 300 ปอนด์ เปิดปิดเองได้ หรือตัวหนังสือลึกลับที่ปรากฏบนกำแพง ซึ่งผู้อาศัยต่อๆมาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันเป็นความจริง


27. Riddle House
ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่จัดงานศพ บ้านหลังนี้สร้างขึ้นตรงข้ามกับป่าช้าเมือง Woodland ว่ากันว่าบ้านหลังนี้เป็นสถานีลับของพวกโจรขุดสุสาน หลังจากบ้านหลังนี้ตกเป็นของ Karl Riddle ก็ได้มีการฆ่าตัวตายของคนในบ้านคนหนึ่งซึ่งโกรธแค้นเจ้าของบ้าน และเขามักจะเข้ามาเยี่ยมเยือนบ้านหลังนี้เสมอด้วยสีหน้าอันแค้นเคือง


28. Whispers Estate
ปี 1899 Dr. John และ Jessie Gibbons ซื้อบ้านหลังนี้มาเพื่อเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อมาราเชลวัย 10 ขวบ เล่นไฟจนมันไหม้ห้องนั่งเล่น ราเชลตายในกองเพลิง ต่อมาในปี 1934 ทารกวัย 10 เดือนซึ่งเป็นลูกสาวบุญธรรมของครอบครัว gibbons ตายอย่างเป็นปริศนาในห้องนอน สร้างความเสียใจให้กับคุณนาย กิบบอน อย่างมาก เธอตรอมใจจนล้มเจ็บและเสียชีวิตลงในที่สุด ต่อมา ดร จอห์นก็ตายไปในปี 1944 ผู้เยี่ยมชมบ้านต่างเล่าตรงกันว่ามักจะได้ยินเสียงกระซิบกระซาบ เสียงฝีเท้า รวมไปถึงเสียงเด็กร้อง ต่อมาปี 2006 มีการค้นพบซากศพมากมายในหลุมศพหลังบ้าน ซึ่งยังเป็นปริศนาจนทุกวันนี้


29. Hull House
Charles Hull สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นในปี 1850 ถูกกล่าวว่ามีปรากฏการณ์ทางวิญญาณโดยเมียคนสุดท้ายของ Charles Hull นั่นเอง ความหลอนที่ว่ามาจากเด็กที่มีเขา หูแหลม และมีหางคนหนึ่งซึ่งครอบครัว Hull ซื้อตัวมา(เพื่ออะไรไม่รู้ แต่นัยว่าเพื่อทำการรักษาทางจิตวิญญาณ เพราะเชื่อว่าเด็กคนนี้เป็นบุตรของซาตาน) หลังจากทำพิธีรับศีลจุ่มล้างบาปไม่สำเร็จ พวกเขาจึงขังเด็กไว้ที่ห้องใต้หลังคาจนตาย เด็กคนนั้นกลายเป็นผีที่ตามหลอกหลอนคนในบ้านมาจนถึงทุกวันนี้


30. Winchester House
ปี 1884 ซาร่า วินเชสเตอร์ ม่ายสาวของ วิลเลี่ยม วินเชสเตอร์ เจ้าของบริษัทผลิตปืนที่ร่ำรวยมหาศาลเป็นอัครมหาเศรษฐี (ประมาณโทนี่ สตาร์คอ่ะ ) เริ่มสร้างบ้านหลังนี้จากคำแนะนำของคนทรง ภายหลังการตายของสามี ชีวิตของซาร่านั้นอาภัพ แม้มีสมบัติมหาศาลแต่ สิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเธอคือลูกสาว ที่มีอายุอยู่ได้แค่ 6 เดือน คนทรงบอกว่าเพราะสามีเธอผลิตอาวุธสังหารชีวิตคน จึงมีวิญญาณที่คั่งแค้นมากมายจ้องจะเอาชีวิตเธอ ดังนั้นจึงให้ซาร่าสร้างบ้านเพื่อเป็นที่พักของวิญญาณ บ้านหลังนี้ไม่เคยสร้างเสร็จ เพราะมีการสร้างต่อๆไปเรื่อยๆ นานถึง 38 ปีแต่งโน่นเติมนี่ ซาร่าใช้เงินมรดกหมดไปกับบ้านหลังนี้ หลังจากเธอตาย ในปี 1922 ญาติพี่น้องเชื่อว่าเธอซ่อนทรัพย์สมบัติมหาศาลไว้ ตู้เซฟถูกค้นพบ สิ่งที่อยู่ในนั้นคือสมบัติที่มีค่าที่สุดของซาร่า ไม่ใช่เพชร พลอย ทอง หรือเงิน แต่เป็นปอยผมกระจุกหนึ่งของลูกสาวคนเดียวของเธอที่มีอายุได้แค่ 6 เดือน บ้านหลังนี้โคตรหลอน เพราะมีห้องร้างๆมากมายมหาศาล และเครื่องตกแต่งที่แปลกประหลาดพิลึกพิลั่น วันดีคืนดีซาร่าก็จะปรากฏกายให้ผู้เยี่ยมเยือนได้เห็น


31. บ้านผีสิงในดิสนีย์แลนด์
ดิสนีย์แลนด์ แคลิฟอร์เนีย มีการกล่าวขวัญถึงผู้ชายถือไม้เท้า ที่มักจะปราฏให้เห็นบ่อยๆ ในบ้านผีสิงของดิสนีย์แลนด์แห่งนี้ , ผีนักบินที่ขับเครื่องบินตกลงในทะเลสาบ ในปี 1940 และ ชายในชุดทักสิโด้ (ที่มาของ สเลนเดอร์แมน)


32. Vortex Oregon
พบ กับสถานที่ที่ไม่ลึกลับแต่มันเป็นภาพลวงตาที่หาคำตอบไม่ได้ แนวแม่เหล็กที่ไขว้กันอยู่ใต้พื้นดิน สนามพลังผิดปกติ เมื่อคุณเข้าไปยืนในนั้นจะรู้สึก เหมือนเป็นตัวประหลาด จุดที่แม่เหล็กไขว้ทับกัน คุณรู้สึกได้ถึงความกดดัน มันผลักกันและกัน และหมุนรอบๆจนคุณทนไม่ไหว การยืด หรือหดตัวอย่างน่าใจหาย ไม่นับสถานที่แห่งนี้ยังมี โรงนาปริศนา ที่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมด ตัวของคุณจะเอียงลูกกอล์ฟกลิ้งขึ้นเนินเองได้ ไม้กวาดตั้งได้เอง บ้านหลังนี้อาจไม่มีผี แต่ด้วยความแปลกประหลาดของมันก็สร้างความหลอนให้กับผู้มาเยือนได้พอสมควร


33. Connecticut House/Hallahan Funeral Home
สร้างเมื่อปี 1916 ในย่านชานเมือง ถูกใช้เป็นที่ทำพิธีศพมาตั้งแต่ปี 1930 จนกระทั่งบ้านถูกซื้อโดยครอบครัว Snedeler ซึ่งย้ายมาจากนิวยอร์คในปี 1986 ซึ่งตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ พวกเขาพบเจอกับปรากฏการณ์ทางวิญญาณ และสิ่งของมากมายเกี่ยวกับประวัติของบ้านหลังนี้ เช่น โลงศพ หลุมระบายน้ำที่เขรอะไปด้วยคราบเลือด รวมไปถึงเหตุการณ์ที่ไม่สามารถอธิบายได้หลายอย่าง สองปีต่อมาพวกเขาย้ายออกไป เพราะลูกชายคนหนึ่งหนีออกจากบ้าน และได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นบ้า
เรื่องราวที่เกิดขึ้นถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ เรื่อง คฤหาสน์ช็อก


34. Poltergeist House
ก่อนที่มันจะได้รับชื่อ โพลเตอร์ไกส์ อย่างเป็นทางการจากภาพยนตร์ บริเวณ Simi Valley ก็ได้รับการกล่าวขานว่าถูกสาปอยู่ก่อนแล้ว ไหนจะกัมมันรังสีที่รั่วไหลออกมาจากห้องทดลองแห่งหนึ่งใน Santa Sasuna ซึ่งถือว่าเป็นอุบัติเหตุทางนิวเคลียร์ที่ร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ,แผ่นดินไหว , ไฟป่า และในระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์ ทีมงานก็พบเจอเหตุการณ์ที่อธิบายไม่ได้นับไม่ถ้วน นอกจากนั้นยังมี นักแสดงไม่น้อยกว่า 4 คน ตายไประหว่างการ แคสติ้ง รวมถึงดาราเด็ก Heather O'Rourke.


35. Villisca Axe Murder House
มิถุนายน 1912 สมาชิกครอบครัวตระกูลมัวร์ 6 คนและ เพื่อนของลูกสาวตระกูลมัวร์ 2 คนถูกพบเป็นศพเละๆ ในบ้าน ซึ่งตำรวจจับฆาตกรได้ แต่ก็ยังไม่ได้รับการไขปริศนา แม้ว่าผู้ต้องสงสัยซึ่งประกอบไปด้วย วุฒิสมาชิก , บาทหลวงเร่ร่อน ต่างให้การตรงกันว่า คนที่ฆ่าเป็นอสุรกายร่างใหญ่ ถือขวานเดินไปมารอบบ้าน พร้อมกับทิ้งรอยเท้าไว้เต็มเลย ทุกวันนี้ถ้าใครได้ไปเยือนบ้านหลังนี้ มักจะบอกว่าได้ยินเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากในบ้าน


36. Franklin Castle/Hannes Tiedemann House
Hannes Tiedemann เศรษฐีผู้อพยพมาจากเยอรมันสร้างปราสาทหลังนี้ขึ้นในไป 1865 และในระยะเวลาเพียงแค่ 4 ปี ตั้งแต่ปี 1881-1885 ลูกของเขา 4 คน และแม่ของเขา ตายในบ้านหลังนี้ Hannes ตัดสินใจปรับปรุงตัวบ้านตามคำแนะนำของภรรยา เขาเพิ่มสิ่งแปลกๆ มากมายลงในตัวบ้านทั้ง ทางลับ ,อุโมงค์ลับ ,ห้องลับ , ประตูลวง , การ์กอยล์หิน , ป้อมยาม ท้ายที่สุดภรรยาของเขาและหลานสาวก็ตายในปราสาทหลังนี้ Hannes ซึ่งมีข่าวลือหนาหูเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศที่แปลกประหลาด ตัดสินใจขายปราสาทหลังนี้ไป ผู้อยู่อาศัยคนต่อมารายงานว่าพวกเขาพบเห็นวิญญาณมากมายปรากฏตัว บ้านหลังนี้ร้างลงในช่วงกลางทศวรรษที่ 70


37. Lizzie Borden House
Andrew และ Abby Borden ถูกพบเป็นศพถูกขวานจามในปี 1892 ผู้ต้องสงสัยคือ Lizzie ลูกสาวของ แอนดรูว์ (ลูกติดภรรยาเก่า) แม้ว่าจะถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมสองศพ แต่ในที่สุด ลิซซี่ก็พ้นโทษมาได้อย่างเหลือเชื่อ ลิซซี่ได้รับมรดกทั้งหมดของพ่อ สาเหตุของการฆาตกรรมตำรวจบอกว่า ลิซซี่มีอาการ Absent Seizureซึ่งเป็นโรคชักชนิดหนึ่ง


38. Harlow House
ในปี 1932 Paul Bern โปรดิวเซอร์ชื่อดังวัย 42 ปี แต่งงานกับ Jean Harlow ดาราหน้าใหม่ของฮอลลีวูดวัย 21 ปี สองเดือนต่อมา Paul ยิงตัวตายอย่างเป็นปริศนาในบ้านของทั้งคู่ หลังจากนั้น 1 วัน ภรรยาม่ายของเขาพยายามฆ่าตัวตายตามไปด้วย (แต่ไม่ตาย) ห้าปีหลังจากนั้นเธอตายด้วยภาวะไตวาย ต่อมาบ้านหลังนี้ตกเป็นของ Sharon Tate เธอเล่าว่าเห็นผีของ Paul มาปรากฏตัวบ่อยๆ (ต่อมาเธอถูกฆ่าตายโดยสมาชิกแก๊งโรคจิต ของชาร์ลส์ แมนสัน)


39 . Sprague Mansion
คฤหาสน์หลังนี้เคยเป็นของครอบครัวอภิมหาเศรษฐีครอบครัวหนึ่งของ อเมริกา แต่ความร่ำรวยก็ไม่ได้ช่วยให้ Charles ที่ 2 หัวหน้าครอบครัวรอดพ้นจากความตายได้ เขาตายในระหว่างรับประทานอาหารเช้า ต่อมาในปี 1843 Amasa Sprague ถูกฆ่าตายในบ้าน โดยผู้ต้องสงสัยคือ john gordon (เกี่ยวกับเรื่องธุรกิจ) กอร์ดอนถูกตัดสินประหารโดยการแขวนคอ แต่ต่อมาก็พบว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ และฆาตกรตัวจริงเป็นใครก็ยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ ปรากฏการณ์หลอนๆ ในบ้านก็เกิดจากนาย Amasa นี่เอง คือผู้อยู่อาศัยพบว่ามีเสียงฝีเท้าปริศนาดังขึ้นในยามค่ำคืนเสมอๆ ปี 1968 ผู้ดูแลคนหนึ่งพบเห็นตัวอักษรปรากฏอยู่บนโต๊ะกาแฟ เป็นคำว่า “บ้านของฉัน!” และ “จงบอกเรื่องของฉัน” ปัจจุบันบ้านหลังนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่น่ากลัวอันดับต้นๆ และยังคงมีพวกล่าท้าผีไปลองดีอยู่เสมอๆ


40. Smurl House
Jack และ Janet smurl อาศัยอยู่ในบ้านแฝดซึ่งสร้างเมื่อปี 1896 บนเหมืองถ่านหินเก่า เรื่องน่ากลัวเกิดขึ้นในปี 1974 กับสองสามีภรรยาและลูกสาวทั้ง 4 คน ทั้งคู่เล่าว่าครอบครัวของพวกเขาถูกรบกวนโดยวิญญาณ 15 วันต่อมามันเริ่มคุกคามพวกเขามากขึ้น โทรทัศน์ระเบิด ข้าวของลอยไปมากลางอากาศ หมาของพวกเขาถูกพลังงานลึกลับโยนเข้าใส่กำแพง ลูกสาวของพวกเขาถูกมือที่มองไม่เห็นผลักตกบันได และที่แย่ยิ่งกว่านั้นคือ แจ๊คมีอาการแปลกๆ คล้ายถูกสิง ต่อมาพวกเขาทนไม่ไหวและย้ายออก คนที่ไปอยู่ต่อมาก็ตายในบ้านนี้อีกเพราะเสพยาเกินขนาด
เอ็ดและ ลอเรน วอเรน สองสามีภรรยานักศึกษาปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติชื่อดังเคยมาที่บ้านหลังนี้ พวกเขากล่าวว่า อะไรก็ตามที่มันอาศัยอยู่ที่นี่ “มันทรงพลังจริงๆ”
บ้านหลังนี้เคยถูกสร้างเป็นภาพยนตร์ทางโทรทัศน์เรื่อง The haunted


41. Amityville Horror House (aka High Hopes)
ตำนานแรกที่ทำให้บ้านหลังนี้โด่งดังไปทั่ว คือ "คดีโรนัล เดโฟร์" เมื่อปี 1974 ในตอนกลางดึกของเดือนพฤษจิกายน โรนัล เดโฟร์ บุตรชายคนโตของตระกูลเดโฟร์ ได้ใช้ปืนสังหารสมาชิกในครอบครัวตัวเองโดยไม่ทราบสาเ หตุ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 6 ศพ หลังก่อเหตุโรนัลได้โทรไปแจ้งตำรวจพร้อมสารภาพว่าตัว เขาเป็นคนลงมือเอง โดยเขาให้การว่าเหมือนกับมีเสียงลึกลับบางอย่างสั่งใ ห้เขาทำอย่างนั้น
เหตุการณ์ต่อจากนั้นหลอนกว่า
หลังคดีโรนัล เดโฟร์ บ้านหลังนี้ก็ถูกประกาศขายแต่ขายไม่ออก จึงถูกปล่อยทิ้งร้างนานถึง 1 ปี จนกระทั่งคู่สามีภรรยา จอร์ชและเคที่ ลุทซ์ ได้ซื้อต่อบ้านหลังนี้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ในราคาถูก(80,000 ดอลล่าร์)
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเผ่นหนีออกจากบ้านหลังนี้อย่างเสียขวัญทั้งๆที่เข้าไปอยู่ได้ไม่ถึงเดือนโดยไม่ทัน ได้เอาอะไรติดตัวไปเลย
อะไรคือสาเหตุให้พวกเขาต้องทำเช่นนั้น ผมจะเล่าเป็นลำดับแล้วกันนะครับ
-วันแรกที่เข้าไปอยู่ จอร์ชได้เชิญบาทหลวงมาทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ซึ่งบาทหลวงก็ทำพิธีไปเรื่อยๆโดยไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอขึ้นไปทำพิธีที่ห้องใต้หลังคาเท่านั้นแหละ บาทหลวงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกจากบ้านไปทั้งๆที่ยังทำพิธีไม่เสร็จเลย
-คืนแรกที่เข้าไปอยู่ เคที่ได้ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องครัว จนสะอาด แต่คืนวันต่อมาห้องน้ำและห้องครัวกลับมาสกปรกเหมือนเ ดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ
-เย็นวันหนึ่งคณะที่เคที่ล้างจานอยู่ในครัว เธอก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาจับหลังเธอ แต่พอหันไปดูกลับไม่พบใคร
-มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่จอร์ชและเคที่กำลังนั่งผิงไฟอยู่ที่เตาผิง พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นควันไฟก่อตัวเป็นรูปคน สักพังมันก็กลายเป็นคนขึ้นมาจริงๆ และทำท่าว่าจะกระโจนเข้าทำร้ายพวกเขา พวกเขาจึงได้วิ่งหนีขึ้นไปบนบ้าน พอลงมาดูอีกทีปรากฎว่าปีศาจตนนั้นได้หายไปแล้ว แต่บริเวณเตาผิงได้มีรอยไหม้ที่มีรูปร่างเหมือนคนอยู่
-มีอยู่คืนหนึ่ง จอร์ชได้ออกมากวาดหิมะที่นอกชาน แล้วเขาก็พบว่ามีหมูป่าตัวใหญ่ นัยตาสีแดงอยู่บนห้องนอนของลูกชายที่ใต้หลังคา เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปช่วยลูกชายทันที แต่พอขึ้นไปก็พบว่าลูกชายทำยังกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นน แล้วหมูตัวนั้นก็ออกไปลอยอยู่นอกหน้าต่างแล้ว พอรุ่งเช้าจอร์ชก็พบว่ามีรอยกีบเท้าสัตว์ขนาดใหญ่อยู่บนพื้นหิมะหน้าบ้าน
-มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่จอร์ชและเคที่กำลังหลับสนิท จอร์ชก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วพบว่าร่างของเคที่ลอยขึ้นเหนือเตียงเกือบเมตร สักพักร่างของเธอก็หล่นตุบลงมานอนตะแคงข้างๆตัวเขา พอเขาผลิกตัวเธอขึ้นมาดูก็ปรากฎว่าหน้าของเธอกลายเป็นใบหน้าเละๆของปีศาจไปเสียแล้ว เขาเลยร้องจ๊ากรีบกระโจนไปหลบอยู่ข้างเตียง พอตั้งสติได้ก็ขึ้นไปพลิกตัวภรรยาขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรากฎว่าเธอกลับมาเป็นเคที่คนเดิมแล้ว
-และครั้งสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาต้องเผ่นหนีออกจากบ้าน หลังนั้น ก็คือมีอยู่วันหนึ่งที่พวกเขากับลูกอีก 3 คนนั่งรับประทานอาหารเย็นกันในห้องรับแขก แล้วอยู่ดีก็มีเลือดไหลออกจากพนังบ้านจนย้อมบ้านทั้ง หลังจนแดงฉาน เจอแบบนี้แล้วใครจะอยู่ได้ล่ะ พวกเขารีบเผ่นหนีออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่ทันได้หยิบ ข้าวของอะไรติดมือออกมาเลย


42. Edgar Allan Poe House
บ้านของนักเขียนชื่อก้องคนนี้ ถูกกล่าวขานว่าเป็นบ้านผีสิง เพราะว่าเขาตายในบ้านหลังนี้ เมื่อปี 1849 บ้านถูกทิ้งร้างมาจนถึงปี 1930 มีการปรับปรุงบ้านเพื่อเป็นพิพิธภัณฑ์ คนงานพบกระดูกสัตว์เกลื่อนกลาดภายในบ้าน แต่ก็นั่นแหละ บ้านร้างๆ ที่ไหนบ้างไม่มีขยะ!


43. The white house
ทำเนียบขาวถือเป็นบ้านที่ขึ้นชื่อเรื่องผีดุที่สุดแห่งหนึ่ง ผีที่เฮี้ยนที่สุดที่นี่ ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น ปธน. ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งของสหรัฐ อับราฮัม ลินคอร์น
ว่ากันว่า ลินคอล์นเคยเป็นคนทรงซึ่งติดต่อกับวิญญาณคนตายได้ วิญญาณนั้นเองที่บอกให้เขาให้ปลดปล่อยทาสในภาคใต้ เขาปฏิบัติตามคำแนะนำนั้นจนเป็นจุดเริ่มต้นสงครามกลางเมือง และเมื่อเขาตายลงวิญญาณเขายังไม่ไปสู่สุขคติเพราะใจเขายังยึดติดอยู่ วิญญาณเลยวนเวียนอยู่บนโลกนี้
แมรี่ ลินคอล์นเคยไปพบช่างถ่ายภาพรูปวิญญาณชื่อมัมเลอร์ เธอขอให้เขาถ่ายรูปเธอกลับรูปวิญญาณของสามีที่ตายไปแล้ว เมื่อถ่ายภาพของเธอปรากฏว่ามีภาพผีอับราฮัมยืนอยู่ข้างหลังของเธอ แต่ทว่าภายหลังมัมเลอร์ถูกกล่าวหาว่าเป็นหลวกหลวงต้มตุ๋น และภาพบางภาพปรากฏว่าเป็นของปลอม และภายหลังต่อมา นางลินคอล์นกลับเป็นคนวิกลจริตอย่างรุนแรง เพราะความสูญเสียสามี
นอกจากนี้ยังมีการรายงานการปรากฏตัวของวิญญาณลินคอล์นในทำเนียบขาวเป็นระยะ เช่น
- สมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าแห่งเนเธอร์แลนด์เคยประทับทำเนียบขาว เคยได้ยินเสียเคาะประตูห้องบรรทม เมื่อเปิดดูเธอถึงกลับล้มทั้งยืนเมื่อทอดพระเนตรเห็นร่างประธานาธิบดีลินคอล์นยืนอยู่ที่นั้น
- ประธานาธิบดีรูลเวลท์แม้ไม่เคยพบวิญญาณของประธานธิบดี แต่ท่านเล่าว่าในขณะที่เขาอยู่ลำพังเพียงคนเดียวในห้องสีฟ้า ท่านมักรู้สึกว่ามีวิญญาณของลินคอล์นวนเวียนอยู่ที่นั้น
- สาวใช้เคยเล่าให้ภรรยาประธานาธิบดีรูสเวลท์ฟังว่าเคยเห็นวิญญาณลินคอล์นให้ห้องของเขาโดยเห็นท่านนั่งขอบเตียงกำลังถอดรองเท้าบูธออก
- ประธานาธิบดีแฮรี่ เอช ทรูแมนเล่าหลายครั้งว่าท่านมักตกใจตื่นเพราะเสียงเคาะประตูห้องนอนในทำเนียบขาว แต่ทรูแมนไม่เคยเห็นกับตาเหมือนสมเด็จพระราชินีเฮล์มมิน่าเท่านั้นเอง


44. Dudley House
Gideon Dudley สร้างบ้านหลังนี้ในปี 1747 มันตั้งอยู่บนพื้นที่ของอินเดียนแดงเผ่าโมฮอว์ก ป่ารอบๆ บ้านถูกเรียกว่า Dark Entry (บ้างก็เรียก Dark forest) คนท้องถิ่นเล่าว่ามีคนหลายคนหายตัวไปอย่างลึกลับในป่าแห่งนี้ , หลายคนที่อาศัยในบ้านแห่งนี้มีอาการวิกลจริต (อยู่บ้านนี้แล้วบ้าทุกรายว่างั้นเหอะ) ผู้เยี่ยมเยือนเล่าว่าพวกเขามักจะถูกผลักโดยมือที่มองไม่เห็น, หรือไม่ก็โดนข่วน,ตบหน้า หลายคนเห็นดวงไฟลึกลับปรากฏขึ้นในป่า ปัจจุบันบ้านหลังนี้เป็นทรัพย์สินของ สมาคม Dark Entry Forest ที่คอยเตือนใครก็ตามที่จะเข้ามาที่นี่ เพราะป่าอาถรรพณ์แห่งนี้กลืนมาหลายศพแล้ว


45. Novarro House
นักแสดงในยุคหนังเงียบ Ramon Navarro ถูกพบเป็นศพในบ้านหลังนี้ ในคืนวันก่อนฮาโลวีนปี 1968 โดยฆาตกรเป็น “นายตัว” สองพี่น้องที่ ramon จ้างมาหลับนอนด้วย ฆาตกรเชื่อว่า ramon ซ่อนเงินมากมายไว้ภายในบ้านหลังนี้ ทั้งคู่ค้นทั่วบ้านก็ยังไม่เจอเงินที่ว่า จึงหยิบเอาไปแค่เงิน 20 ดอลลาร์จากกระเป๋าเสื้อคลุมของ ramon นั่นแหละ เจ้าของบ้านคนปัจจุบันพยายามขายบ้านให้ได้เร็วที่สุด คงจะรู้นะว่าเพราะอะไร หึหึหึ


46. Cameron House
ถูกใช้เป็นที่หลบซ่อนของผู้หญิงจีนที่ลักลอบเข้าเมืองในช่วงปี 1880 โดยเจ้าของคือ Missionary Donaldina Cameron บ้านหลังนี้มีห้องลับ ทางลับมากมาย เพื่อซ่อนผู้หญิงเหล่านี้จากการตรวจจับของตำรวจ ซึ่งก็สามารถทำได้อยู่หลายปี กระทั่งโชคร้ายเกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่ในปี 1906 คร่าชีวิตคนเหล่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในชั้นใต้ดินของตึก (และไม่สามารถออกมาได้) ไปมากมาย ซึ่งจนบัดนี้ก็ยังไม่รู้ว่ามีคนตายในครั้งนั้นไปกี่คน, หลังจากบูรณะตึกขึ้นมาใหม่ มันถูกใช้เป็นที่ ทารุณกรรมทางเพศเด็กชายชาวจีนอีกครั้ง


47. 10050 Cielo Drive
บ้านหลังนี้เป็นสถานที่ที่ ชารอน เทต (อดีตภรรยาของ ผู้กำกับชื่อดัง โรมัน โปลันสกี้) ผู้ซึ่งกำลังตั้งท้อง 8 เดือน ถูกฆาตกรโรคจิตชื่อดังและพวกของมัน ชาร์ลส์ แมนสัน สังหารอย่างเลือดเย็น โดยการแทงเข้าที่หัวใจถึง16 ครั้ง พร้อมกับเพื่อนของเธออีก 4 คน, David Oman โปรดิวเซอร์คนหนึ่งซึ่งเป็นผู้อาศัยต่อมาพบเหตุการณ์สุดหลอนมากมายในบ้านหลังนี้ เช่น คนงานต่อเติมบ้านของเขารายงานว่า มักจะได้ยินเสียงฝีเท้าคนซึ่งหาที่มาไม่ได้อยู่บ่อยๆ, แขก ของ Oman ก็เล่าให้ฟังว่าได้ยินเสียงกระซิบกระซาบกันอยู่ในตัวบ้าน ทั้งๆ ที่มีแค่เขาเท่านั้น ตัว oman เองก็เคยเห็นผู้ชายแปลกหน้ายืนอยู่ในห้องนอนของเขา ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็น Jay Sibling หนึ่งในเหยื่อฆาตกรรมนั่นเอง


48. House of Death
บ้านถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 1856 , มาร์ค ทเวน นักเขียนชื่อดังเคยอาศัยที่บ้านหลังนี้ในปี 1900 บ้านที่ก่อด้วยอิฐหลังนี้ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่าไหร่หากมองเผินๆ แต่มันกลืนชีวิตคนไปแล้วถึง 22 คน ,แม่ลูกคู่หนึ่ง ที่เข้ามาอาศัยในปี 1930 เล่าว่าพวกเธอ เคยพบเห็นชายชราแปลกหน้าคนหนึ่งบนชั้นสอง ผมของเขาหงอกขาว เขาพูดเสียงแผ่วๆว่า “ผมติดอยู่ที่นี่ ผมต้องได้รับการชำระล้าง(หมายถึงชำระบาป)” ก่อนร่างของเขาจะหายแวบไปต่อหน้าต่อตา , ปี 1974 อดีตนักแสดงซึ่งต่อมามีอาการทางจิต ได้เล่าให้หนังสือพิมพ์ในเมืองนิวยอร์คฟังว่า ขณะที่เธออาศัยในบ้านหลังนี้ เธอถูกหลอกหลอนด้วยวิญญาณภายในบ้าน ,นอกจากนั้นอิฐแดงๆ น่าขนลุกเหล่านี้ยังมีประวัติว่า Joel Steinberg ตีลูกสาววัยหกขวบตายในบ้านหลังนี้ เลือดของเธอย้อมตึกจนกลายเป็นสีแดง!(อันนี้ค่อนข้างโม้นะผมว่า)


49. Perron House
ครอบครัวเพอรอน ย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านไร่ที่ดูเงียบสงบหลังหนึ่งในปี 1971 ครอบครัวที่มีลูกสาวถึงห้าคน ย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนี้อย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเพราะหัวหน้าครอบครัวรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง (แต่จำเป็น) คืนแรกผ่านไป แซดดี้ หมาของพวกเขาถูกพบเป็นศพอย่างปริศนา วันต่อๆ มาพวกเขาก็เจอกับปรากฏการณ์ทางวิญญาณหลายอย่าง
Spoil
บ้านหลังนี้และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถูกนำไปถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เรื่อง คนเรียกผี นั่นเอง ใครยังไม่ดูลองหามาดูนะครับ


50. Phelps Mansion
Dr. Eliakim Phelps พระนักเทศน์และครอบครัวย้ายเข้ามาพำนักในบ้านหลังนี้ในนามของ Presbyterian Church (โบสต์คริสต์นิกายหนึ่ง) จนกระทั่งย้ายออกในปี 1947 ต่อมามันถูกดัดแปลงเป็นโรงพยาบาล ในปี 1968 และร้างลงในที่สุด มันกลายเป็นที่พักของพวกคนเร่ร่อน คนติดยา และพวกฮิปปี้ขยะสังคม , ดร เฟลป์ เล่าว่าขณะที่เขาอยู่อาศัยในบ้านหลังนี้ได้พบปรากฏการณ์ทางวิญญาณหลายอย่าง เช่น ขณะที่ ดร. กลับจากทำงานในตอนเย็น เขามองเห็นวิญญาณลอยผ่านหน้าไปอย่างช้าๆ ซึ่งมารู้ทีหลังว่าเป็นนักโทษที่ถูกแขวนคอที่หน้าบ้านหลังนี้ ในปี 1661 (ในข้อหาเป็นแม่มด) , การพบเห็นคนแปลกหน้าเดินไปเดินมาภายในบ้าน , ข้าวของภายในบ้านถูกรื้อค้นกระจุยกระจาย , ตุ๊กตาของเล่นเด็ก ขยับเองได้ , เสียงเคาะประตูในยามค่ำคืน เมื่อเปิดออกไปไม่เจอใคร , ลูกชายและลูกสาวของ ดร. ถูกมือลึกลับผลัก , ที่ร้ายแรงที่สุดคือ ข้าวของในบ้านถูกพลังงานลึกลับโยนไปมาจนแตกเสียหายต่อหน้าต่อตา, ในปี 1971 หลังจากกลายเป็นบ้านร้าง ตำรวจคนหนึ่งเล่าว่าเขาเคยเห็นเด็กหญิงคนหนึ่ง ยืนอยู่บนห้องนอนชั้นสองของบ้านจากทางหน้าต่าง จึงคิดว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้น เลยเข้าไปตรวจสอบ ซึ่งเขาเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นหันมายิ้มให้แล้วหายไปต่อหน้าต่อตา บ้านหลังนี้ขนลุกสุดๆ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ผีเจ้า's profile


โพสท์โดย: ผีเจ้า
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
8 VOTES (4/5 จาก 2 คน)
VOTED: cutiebarbie, aRnoNAe
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สุดฮือฮา! มหกรรมทุเรียนเจ๊ดาผลไม้ซิ่ง จัดโปรโมชั่นพิเศษ หมอนทองลูกละเพียง 1 บาทเท่านั้น!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
มาทำความรู้จักกับ มะม่วงหิมพานต์ กันเถอะชาวบ้านลือ “โซนิคบูม” ดังสนั่นสุราษฎร์ฯ วอนหน่วยงานรัฐชี้แจง หวั่นเกิดภัยพิบัติความรัก ตั้งแต่วันที่ 23 - 30 ก.ย. 2567 พยากรณ์โดย อ.ปอมมี่ คเณศศาสตร์
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
5 วิธี ช่วยให้หยุดความโกรธใน 5 นาทีโวหารภาพพจน์ฉันนี่แหละ 3 ราศี ทรงเสน่ห์'บังทอง' กุนซือผู้หยิ่งทรนงในสติปัญญา
ตั้งกระทู้ใหม่