“เมื่อผมจะรับปริญญา” ภารกิจลดน้ำหนักจาก 140 กิโลกรัม ให้เหลือ 75 กิโลกรัม ในระยะเวลา 8 เดือน จึงเริ่มขึ้น!!!
สวัสดีครับ พ่อ แม่ พี่ น้อง เพื่อน ชาวพันทิปทุกท่าน
ผมเขียนรีวิวครั้งนี้เพื่อ อยากแชร์ประสบการณ์มากมายเกี่ยวกับการลดน้ำหนักด้วยตนเอง จากคนที่เคยมีน้ำหนัก 140 กิโลกรัม จนปัจจุบันผมลดลงมาเหลือ 75 กิโลกรัม ในระยะเวลา 7-8 เดือน โดยไม่ใช้ยาลดความอ้วนแม้แต่เม็ดเดียว
ก่อนอื่น ขอแนะนำตัวสักหน่อย ผมชื่อ “อาร์ม” ครับ ผมเป็นคนอ้วนมาตั้งแต่เด็กครับ ด้วยความที่เป็นคนชอบกินจุกจิก ชอบกินของทอด ชอบกินขนมหวานเป็นชีวิตจิตใจ เข้าร้านสะดวกซื้อแทบทุกวัน ความรักในการกินทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ ครับ แค่ตอนป.6 น้ำหนักก็เกิน 100 กิโลกรัมเข้าไปแล้วครับ นึกสภาพเด็กป.6น้ำหนักร้อยโลดูนะครับ ว่าคนรอบข้างจะตื่นตะลึงขนาดไหนกับน้ำหนักตัวนี้ 555+ แต่ไม่หยุดแค่นั้นครับเพราะในที่สุดน้ำหนักผมก็พุ่งทะยานมาแตะที่ 140 กิโลกรัมในขณะเรียนมหาวิทยาลัยปีที่ 4 แต่ยังพอมีดีอยู่บ้างเล็กน้อยที่ผมเป็นคนที่ค่อนข้างสูงด้วยเช่นกัน ผมสูง 185 ซม. แม้จะไม่ได้อ้วนกลมแบบลูกบอล แต่ก็ยังถืออ้วนมากอยู่ดี ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากครับไปดูรูปตอนอ้วนกันเลยครับ...




ผมใช้ชีวิตแบบคนอ้วนมาตลอด 22 ปี ในที่สุดผมก็แบกร่างกายและก้อนไขมันเรียนจนจบปริญญาตรี พอเรียนจบ เพื่อนๆก็ชวนไปลองและเช่าชุดครุยกันครับ 
พอผมเห็นตัวเองในกระจกและเมื่อได้พิจารณารูปร่างอันอ้วนท้วนสมบูรณ์ของตัวเองในกระจก ผมก็เกิดจินตนาการและคำถามมากมายในหัว เช่น “ถ้าเราผอมลงมากในวันรับปริญญาเพื่อนๆในคณะจะเซอร์ไพรส์ขนาดไหน?” , “ถ้าเราผอมกว่านี้ เราจะมีหน้าตาเป็นยังไง?” จากวันที่ไปเช่าชุดครุยทำให้นึกสนุก อยากทำอะไรเซอร์ไพรส์ตัวเองและคนรอบข้างทั้งเพื่อนและคนในครอบครัว ส่วนหนึ่งก็อยากท้าทายตัวเองด้วยแหละครับ ว่าถ้าเราพยายามจริงๆ ย้ำว่า “พยายามจริงๆ” มันจะไปได้ไกลขนาดไหน โปรเจคลดความอ้วนด้วยตัวเองจึงเริ่มขึ้น......
หลังจากวันนั้นผมตั้งเป้าหมายในใจ โดยตั้งเป้าหมายเป็น 3 ระยะครับ
ระยะที่ 1 พยายามลดน้ำหนักลง 20 กิโลกรัม ให้เหลือ 127 กิโลกรัม
ระยะที่ 2 พยายามลดน้ำหนักลงให้เหลือ 100 กิโลกรัม
ระยะที่ 3 พยายามลดน้ำหนักลงให้เหลือ 75 กิโลกรัม
เป้าหมายทั้ง 3 ระยะ มีจุดเริ่มต้นคือวันที่ 16 มีนาคม 2558 และ “ต้อง” สำเร็จก่อนวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 ซึ่งคือวันรับปริญญานั่นเองครับ
จากการตั้งเป้าหมาย ผมก็ “เริ่มลงมือทำ” ครับ และก็มีพัฒนาการดังนี้ครับ...
ผ่านไป 1 เดือนแรก (มี.ค.-เม.ย.) น้ำหนักผมก็ลดลงมาเหลือ 135-130 กิโลกรัมครับ ตอนช่วงเดือนแรกนี้เป็นช่วงวัดใจครับ ทรมาณจิตใจที่สุด ร่างกายขาดน้ำตาล ขาดของหวาน อยากจะกินแต่ขนม เหมือนคนลงแดง ตกกลางคืนนอนขดอยู่บนเตียงเลยวัน ผมแก้โดยการเปิดดูรีวิวบุฟเฟ่ต์/ร้านอาหารในพันทิปแก้หิว แล้วก็ข่มตานอนหลับไปครับ 555+

เข้าเดือนที่ 2 (พ.ค.) น้ำหนักผมลงมาอยู่ที่ 130-120 กิโลกรัมครับ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เริ่มปรับตัวกับกิจวัตร(Routine) ของตัวเองได้แล้วครับ เป็นช่วงที่น้ำหนักลงไว คนก็เริ่มๆ ทักกันบ้าง แต่ก็ยังอ้วนอยู่ดี เป้าหมายระยะที่ 1 ก็สำเร็จในช่วงนี้ครับ

เข้าเดือนที่ 3 (มิ.ย.) น้ำหนักผมลงมาอยู่ที่ประมาณ 110-100 กิโลกรัม เป้าหมายระยะที่ 2 สำเร็จในช่วงนี้ครับ

เข้าเดือนที่ 4 (ก.ค.) น้ำหนักผมลงมาอีกอยู่ที่ 100-90 ช่วงนี้คนทักเยอะมากครับว่าผอมลง

ประมาณเดือนที่ 5 6 (ส.ค.-ก.ย.) เป็นช่วงที่น้ำหนักลงยากมากครับ ความท้อแท้เบื่อหน่ายก็เข้ามา แต่ต้องบอกกับตัวเองว่าต้องสู้ดิ!!! ต้องไหวดิ!!! สรุปช่วงนั้นน้ำหนักลดลงมาอยู่ที่ 90-85 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เพื่อนชวนถ่ายนอกรอบพอดี เลยมีภาพที่สวยกว่าปกติสักหน่อย แหะๆ

ในที่สุด!!!!! วันที่ผมรอคอยก็มาถึง เมื่อขึ้นชั่งน้ำหนักแล้วพบว่า น้ำหนักตัวเอง อยู่ที่ 75.00 กิโลกรัม ในวันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม 2558 ถือเป็นการปิดโปรเจคการลดความอ้วนของผม อย่างสมบูรณ์ แถมยังสำเร็จก่อนเวลาด้วย 555+ ผมพร้อมแล้วครับ สำหรับร่างใหม่วันรับปริญญาในวันที่ 7 และ 17 พฤศจิกายน 2558
และนี่คือร่างใหม่ของผม ในน้ำหนัก 75-72 กิโลกรัม ครับผม เชิญทัศนาครับ....



เปรียบเทียบจากอดีตถึงปัจจุบันครับ...

1. ปรับหัวใจ : ผมคิดว่า “หัวใจ” เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการลดความอ้วนครับ หัวใจในที่นี้ไม่ได้หมายถึงอวัยวะที่สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายนะครับ แต่หมายถึง จิตใจ ความคิด ความเชื่อ ทัศนะคติ ทั้งหมดทั้งมวลเกี่ยวกับการลดความอ้วน เช่น...
1.1 ความคิด : อย่าคิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ อย่าประเมินความสามารถของตัวเองต่ำขนาดนั้น คิดไว้ว่า “เราไม่ใช่คนกระจอก”
1.2 ความอาย : อย่าอายที่จะออกไปออกกำลังกาย อย่าอายคนอื่นในการที่เป็นคนอ้วนและจะเดินเข้าฟิตเนส หากตกเป็นเป้าสายตาให้เดินมั่นๆ แล้วคิดในใจว่า “รอกรูก่อน พวกเมิงรอดูกรูร่างใหม่ได้เลย” 555+ และอย่าเขินหรืออายที่จะใช้อุปกรณ์ฟิตเนส อุปกรณ์ออกกำลังเขาสร้างมาให้เราใช้ครับ เพราะฉะนั้น “จงใช้มันซะ” ถ้าใช้ไม่เป็น ก็ขอให้คนแถวนั้นช่วยแนะนำก็ได้ครับ คนไทยใจดีครับ
1.3 ข้ออ้าง : อย่าโทษนู้นโทษนี้ อ้างนู้นอ้างนี้ว่าเป็นอุปสรรคที่ขัดขวางการลดความอ้วน ถ้าเราอ้วนด้วยตัวเอง เราต้องลงมือลดความอ้วนด้วยตัวเองครับ คนอ้วนส่วนใหญ่รวมทั้งผมในอดีตมักจะอ้างว่าไม่มีเวลา เราควรหยุดอ้างแบบนั้นซะ เพราะถ้าเรามีเวลาเล่น facebook, pantip, ig เราก็มีเวลาออกกำลังกายครับ หรือไม่ก็พยายามตื่นเช้ากว่าเดิมสักครึ่งชั่วโมง-หนึ่งชั่วโมง มาออกกำลังเถอะครับ
1.4 เริ่มลงมือให้เร็วที่สุด : เราต้องลงมือทำเลยครับ อย่าเวิ่นเว้อ หลายคนที่พยายามจะลดความอ้วน ชอบเวิ่นเว้อครับ หยุดสักทีครับกับประโยคที่ว่า “พรุ่งนี้ฉันจะลดความอ้วน” “วันนี้ขอกินก่อน พรุ่งนี้จะลดแล้ว” ลงมือทำเลยครับ ทำสักที หยุดพูด หยุดกิน แล้วไปออกกำลังกายเถอะครับ
2. อาหารการกิน : ผมปฏิวัติพฤติกรรมการกินของผมใหม่ยกชุดเลยครับสามารถแบ่งได้ดังนี้ครับ
2.1 กินแบบนับแคลอรี่ : ผมคำนวณค่า BMI, TDEE ทั้งหลายแหล่ แล้วจึงจำกัดการกินของผมให้อยู่ในช่วง 1,500-1,700 แคลอรี่ (แบบหยาบๆ ผู้หญิงอาจอยู่ในช่วง 1,200-1,500 แคลอรี่)
เรื่องแคลอรี่
ในเรื่องการนับแคลอรี่ ผมใช้ แอปพลิเคชั่น “แคลอรี่ ไดอารี่” เพื่อช่วยให้สามารถบริหารกินและการออกกำลังกายได้ดีขึ้น หากใครสนใจลองไปโหลดมาเล่นก็ได้ครับ
แอปหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ...


2.2 อาหาร : ช่วงแรกๆ ผมก็กินตามปกตินี่แหละครับ แต่มันไม่ค่อยเห็นผลเท่าไหร่ เลยพยายามปรับมากินคลีน โดยพยายามงดของทอด งดอาหารผัดน้ำมัน งดของมัน งดของหวาน ลดอาหารเค็ม งดบุฟเฟ่ต์
ข้อสำคัญคือต้องกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ตามที่คุณครูสอนมาตั้งแต่ชั้นประถม
โปรตีน : เน้นกินไข่ขาว อกไก่ ปลากะพง ปลาทับทิม ปลาดอลลี่ ปลาทะเล อาหารทะล ลดการกินเนื้อแดง(หมู+เนื้อวัว)
คาร์โบไฮเดรต : เน้นกินข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต ขนมปังโฮลวีต ฟักทอง มันญี่ปุ่น กล้วยน้ำว้าสุก/ต้ม กราโนล่า
วิตามิน+เกลือแร่ : กินผักเยอะๆผักกินได้แทบทุกชนิดครับ ส่วนผลไม้ก็พยายามเลือกกินที่น้ำตาลน้อย เช่น แก้วมังกร มะละกอ แอปเปิ้ล ฝรั่ง แคนตาลูป เมล่อน สตอเบอร์รี่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เป็นต้น
ไขมัน : พยายามงดอาหารมอดและอาหารผัด เพราะอาหารปกติมักมีไขมันแทรกอยู่แล้ว หากจะกินก็ขอให้เป็นไขมันดีเช่น อัลมอนด์ ปลาแซลมอน เป็นต้น
ผมถ่ายรูปอาหารที่ผมกินในแต่ละวันไว้ด้วยครับ บางทีก็ทำเอง บางทีก็ซื้อ สลับกันไป แต่ส่วนใหญ่จะซื้อเอาครับ ตามนี้ครับ...



2.3 น้ำและเครื่องดื่ม : ผมดื่มน้ำเปล่าวันละ 8-12 แก้ว หรือประมาณ 2-3 ลิตร โดยแบ่งเป็น หลังตื่นนอน 2 แก้ว หลังอาหารเช้า 1 แก้ว หลังอาหารกลางวัน 1 แก้ว หลังอาหารเย็น 1 แก้ว ก่อนนอน 1 แก้ว ที่เหลือก็ดื่มระหว่างวันครับ
ส่วนเครื่องดื่มอื่นๆ ผมงดเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทุกชนิดครับ น้ำชากาแฟพยายามเลี่ยง แต่วันไหนร่างกายเพลียจริงๆ ผมก็กินนะครับ แบบไม่ใส่น้ำตาล(อเมริกาโน่) ตอนไหนอยากกินน้ำอัดลม ผมก็จะกิน เป๊ปซี่แมกซ์หรือไม่ก็โค้กซีโร่แทน ถ้าอยากกินน้ำผลไม้ ก็กิน มาลี Stevia ที่ใช้สารสกัดจากหญ้าหวานแทนน้ำตาล (แต่กำลังเป็นที่ถกเถียงอยู่ว่าปลอดภัยหรือไม่ มีประโยชน์หรือโทษมากกว่ากัน)
3. การออกกำลังกาย : ช่วงแรกของการออกกำลัง ผมเน้นการออกกำลังแบบ คาร์ดิโอ(cardio) เป็นหลัก การออกกำลังกายที่ผมชอบก็คือ การเดินเร็ว เนื่องจากที่บ้านมีลู่วิ่ง ผมก็เลย เดินช้า เดินเร็ว วิ่งบ้างเล็กน้อย สลับกันไป ตอนแรกก็ 30 นาที พอนานๆ ไปก็เพิ่มเป็น 45, 60 นาทีตามลำดับ และตามความฟิตของร่างกาย โดยพิจารณาอัตราการเต้นของหัวใจควบคู่ไปด้วย สำหรับผม ผมคุมอัตราการเต้นของหัวใจให้อยู่ประมาณ 125-145 ครั้งต่อนาที หลังจากน้ำหนักเริ่มลดลงมาได้สักพักประกอบกับต้องย้ายมาอยู่หอพัก และมีฟิตเนสอยู่ใกล้หอพอดี ผมก็เลยเริ่มเล่นเวทควบคู่กันไปด้วยครับ เพื่อที่หนังจะได้ไม่ย้วยมาก ผมทำแบบนี้เป็นประจำ วันละ 45-60 นาที 4-5 วันต่อสัปดาห์
อันนี้รูปลู่วิ่งที่บ้านครับ อยากให้สังเกตที่กระดาษครับ มันเป็นการเตือนสติอย่างหนึ่งครับ ส่วนเรื่องเอาส้นเท้าลงอันนี้อาจจะไม่ถูกต้องนักครับ รบกวนผู้รู้ขอความเห็นเพิ่มเติมด้วยครับ...
ส่วนอันนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง อายุ, ประสิทธิผลในการออกำลัง, และอัตราการเต้นของหัวใจครับ...
4. การพักผ่อน : เรื่องการนอนผมจะพยายามนอนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมงครับ เพราะนอนน้อยจะไม่มีแรงออกกำลัง ร่างกายทรุดโทรม และอาจไม่สบายได้
นอกจากนี้การพักผ่อนของผมยังรวมไปถึง cheat meal คือมื้อปล่อยผีครับ ที่ผมจะไปหาอะไรอร่อยๆกิน อาหารญี่ปุ่น ไอศกรีม ขนมหวาน ของทอด ของมันๆ 1 มื้อต่อสัปดาห์ แต่กินแค่พออิ่ม ส่วนใหญ่ผมจะปล่อยผีในมื้อกลางวัน วันอาทิตย์ครับ
ต่อไปจะเป็นการตอบคำถามที่ผมเจอบ่อยๆ
ถาม: ได้ใช้ยาหรืออาหารเสริมตัวไหนร่วมหรือเปล่า? (คำถามนี้ถูกถามบ่อยมากกกกกกก ก.ไก่ ล้านตัว)
ตอบ: คำเดียวเลยครับ “ไม่ได้ใช้” และไม่คิดจะใช้ด้วยครับ การลดน้ำหนักเป็นเหมือนการเดินทางระยะยาวตลอดชีวิต ไม่มีทางลัดครับ ยิ่งถ้าเราใจร้อน โอกาสล้มเหลวจะสูง สูตรลดความอ้วนถาวรแบบระยะสั้น 3 วัน 7 วัน 15 วัน 30 วัน ที่แชร์ตามfacebookมันทำได้จริงนะครับ แต่มันไม่ยั่งยืน เพราะฉะนั้นต้องใจเย็น ต้องลองปรับ ลองเปลี่ยน ลองผิด ลองถูกดูครับ แล้วจะเจอหนทางสว่างที่เหมาะสมกับตัวเองครับ
ถาม: ลดเยอะขนาดนี้ ย้วยมั๊ย?
ตอบ: ย้วยบ้างครับ แต่ไม่ได้ย้วยมากขนาดนั้น สมัยก่อนผมเป็นคนอ้วน ที่น้ำหนักจะไปกองอยู่แถวๆลำตัวครับ (หน้าอก, นม, หลัง) เพราะฉะนั้นพอน้ำหนักลดลง ผิวหนังแถวๆลำตัว 3 ส่วนนี้จะย้วยมากกว่าส่วนอื่นนิดนึง แต่ผมทำใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วครับ ผมเคยคิดว่า ระหว่าง “ผอมช้า แต่ไม่ย้วย” กับ “ผอมไว แต่ย้วยบ้าง” ผมจะเลือกอันไหน ผมตอบตัวเองว่าเลือกแบบหลังครับ เพราะคิดว่า ถ้าน้ำหนักตั้ง 140 กิโล ยังไงมันก็ต้องมีย้วยบ้างแหละเนาะ
ถาม: ลดไวขนาดนี้ มีผลข้างเคียงอะไรหรือเปล่า?
ตอบ: มีบ้างครับ เช่น เรื่องระบบขับถ่าย เมื่อก่อนถ่ายทุกวัน พอลดความอ้วนก็มีท้องผูกบ้างครับ ระยะของการขับถ่ายก็นานขึ้น 2-3 วันถ่ายที เรื่องอารมณ์ เมื่อก่อนจะเป็นคนอารมณ์ดี ไม่โกรธใครง่าย แต่รู้สึกว่าพอลดน้ำหนักช่วงแรกๆ มันจะหงุดหงิดง่ายครับ แบบกลายเป็นคนจุดเดือดต่ำ เดาเอาว่าน่าจะเป็นผลจากการขาดน้ำตาลจากระดับในอดีต แต่ตอนนี้ก็ปรับตัวได้แล้วครับ ไม่ค่อยฉุนเฉียวแล้วครับ
ถาม: มีอุปสรรค ขณะลดความอ้วนบ้างรึเปล่า?
ตอบ: มีครับ มีบ่อยด้วย แต่ก็อย่างว่า อุปสรรคที่มันเข้ามา มันเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้และต้องปรับตัว สำหรับผม ผมเคยกินน้อย ออกกำลังกายหนัก ผลคือเป็นลม เลยต้องปรับการกินและออกกำลังกายใหม่ บางทีการใช้ชีวิตกับคนรอบข้างจะยากขึ้นนิดนึง เพราะคนรอบข้างบางคนเขาไม่เข้าใจว่าทำไมเราไม่กินของทอด ของมัน นู้นก็กินไม่ได้ นี่ก็กินไม่ได้ เราก็ต้องดีล ต้องคุยกันให้เคลียครับ
จบแล้วครับสำหรับการรีวิว ขอบคุณที่อ่านจนจบ หากมีข้อมูลไหนผิดพลาดสามารถแนะนำ/โต้แย้ง/ร่วมแชร์ประสบการณ์กันได้ครับ ขอบคุณครับ
***ปล. รูปในรีวิวนี้ไม่อนุญาตให้นำไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการค้าในทุกกรณี หากพบจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด***
http://pantip.com/topic/34470274
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
เปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหม
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอม






