ตำนานแม่มดของยุโรปยุคกลาง
แอ็กเนส ซิมป์สัน ไม่ได้เป็น เจ้าหญิง, เลดี้, ดัชเชส,เคาเตส, มาชันเนส, บารอนเนส หรือ ธิดา ลูกผู้ดีมีสกุล ฯลฯ
อย่างวิญญาณผีสาวในเรื่องต่างๆ ที่เคยเล่ามา เธอเป็นแค่หญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่บังเอิญมีฌาณวิเศษ ในการรักษาคน
นางทำอาชีพหมอตำแย และรักษาคนด้วยเวทมนตร์ เธอถือกำเนิดขึ้นมาราวกลางๆของ ค.ศ ที่ 15 ซึ่ง การล่าแม่มด
นั้นระบาดไปทั่วยุโรป ด้วยกระแสพวกผู้ดีที่ทะเลาะกันเรื่องศาสนา
ท้าวความเดิมจากเรื่อง ท่านเอิร์ล พ่อมด ที่โดนกล่าวหาว่ามีส่วนทำให้เรือพระที่นางของคู้หมั้นกษัตริย์ เจมส์ โดนปีศาจ
ตีเรือกลับไปเดนมาร์กคืน แต่ท่านเอิร์ล โชคดีที่เป็นผู้สูงศักดิ์จึงรอดพ้นข้อกล่าวหา แม้จะไปโดนติดคุกในคดีอื่นทีหลังก็ตาม
แต่แอ็คเนส ซิมป์สัน หญิงสาวชาวบ้านไม่ได้โชคดีเช่นเอิร์ล พ่อมด แม้จะโดนจับในคดีเดียวกันคือ เป็นแม่มด
และมีส่วนเกี่ยวข้องทำใหเรือพระที่นั่ง พระนาง แอนน์ แห่ง เดนมาร์ก โดนคลื่นซัดไม่สามารถมาถึงอังกฤษได้
อันเชื่อว่าพวกพ่อมดแม่มดนั้นร่ายมนตร์ให้ปีศาจกระทำการเช่นนั้น
พระเจ้าเจมส์เรียกผู้ต้องสงสัยข้อหาแม่มดมาสอบสวนด้วยตัวเอง แอ็กเนส ตลอดจนบรรดา คนอื่นๆอีกหลายคนที่โดน
กล่าวหาว่ามีพฤติกรรม เยี่ยงแม่มด ต่าง โดนจับมาสอบสวน แต่ก็ต้องจำใจสารภาพสิ่งที่ตนเองไม่ได้ทำ เพราะโดนทรมาน
อย่างนัก แอ็กเนส โดนผูกติดอยู่กับพนังห้องคุก และโดนสวมหน้ากากแม่มด หน้ากากชนิดนี้จะมีง้ามสี่ง้ามใส่เข้าไปในปาก
เพื่อง้างออกจนทะลุผ่านแก้ม
ที่นั้น เธอ และคนอื่นๆโดนจับเปลื้องผ้า และโกนหัว โดนจับนั่งบนเก้าอี้ ทรมาน ที่มีสายรัดคอ ก่อนที่ เธอจะโดนเผาทั้งเป็น
ในวันถัดไป เป็นเรื่องราวที่ทรมานมาก โดยเฉพาะอย่าง แม่มดไม่มีจริง และ แอ็คเนสไม่ได้เป็นแม่มดอย่างที่โดนกล่าวหา
หลังจากการตายอย่างทรมาน แอ็คเนสได้ปรากฏกายเป็นร่างของเธอลักษณะก่อนตาย คือ หัวโล่น และไม่สวมเสื้อผ้า
มีใบหน้าเละเทะ เธอ สร้างความสยองขวัญให้แก่ผู้คนที่ ปราสาท โฮรี่รูด ของกษัตริย์ เจมส์ เป็น อย่างยิ่ง ทุกวันนี้
วิญญาณของนางยังวนเวียนไปมาในสภาพสยองขวัญให้บรรดานักท่องเที่ยวได้เห็น
อิโซเบลว์ ดาวดี้ ราชินีแม่มดแห่ง สกอตแลนด์
ในโลกยุคโบราณทุกๆศาสนาต่างมองว่าสตรีเพศนั้นเป็นศูนย์รวมแห่งความชั่วร้าย ผู้ชายสามารถมีเมียน้อย หรือมีภรรยาหลายคน
ในขณะที่ผู้หญิงไม่อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้ และนั้นเป็นบ่อเกิดของความกลัวในอำนาจเงียบของสตรีเพศ การล่าแม่มดจนมา
เพือควบคุมพฤติกรรมของผู้หญิงไม่ให้เป็นใหญ่เกินผู้ชาย เป็นที่น่าแปลกว่าจำนวนสตรีโดนกล่าวหาว่าเป็นแม่มดนั้นมีมากกว่า
บุรุษหลายเท่า
อิโซเบลว์ ดาวดี้ มีชีวิตอยู่ในราวสมัย คศ 1662 เธอเป็น คนที่แปลกกว่าบรรดาผู้ต้องสงสัยข้อหาแม่มดคนอื่นๆที่โดนบังคับ
ด้วยการทรมานให้สารภาพ แต่อิโซเบลว์กลับเล่าทุกอย่างราวกับว่าเธอเป็นแม่มดจริงๆ หลายคนเชื่่อว่า อิโซเบลว์เป็นแม่มดจริงๆ
และสามารถหลบหนีการจับคุมได้ หลังการสอบสวนคดีแม่มด อิโซเบลว์หายสาบสูญไปเฉยๆ และไม่มีใครสามารถหานางเจอ
ก่อนการหายตัวไป เธอมักจะเล่าให้ใครต่อใครฟังอย่างไม่กลัวเกรงอายาว่า เธอทำสัญญากับซาตานอย่างไร
และใช้นิ้วของมันจิ่มไปที่หัวไหล่อันบอบบางของเธอทีหนึ่ง ไม่มีความเจ็บปวดใดๆ หากแต่มีรอยแผลเป็นเกิดขึ้นแทนสัญญาลักษณ์
เข้าร่วมลัทธิ หลังจากนั้นก็ดูดเลือดบางส่วนของเธอ ที่แผลที่หัวไหล่เล็กน้อย หลังจากนั้นมันก็กล่าวกับเธอว่า ต่อไปนี้ข้าจะตั้งชื่อ
เจ้าใหม่ว่า จาเน็ต สาวน้อยตกลงยอมรับศาสนาใหม่ โดยการบางมือข้างหนึ่งไว้บนหัวและอีกข้าแตะที่ใต้ฝ่าเท้าข้างหนึ่ง
การปฏิญาณตนเป็นแม่มดใช้เวลา สัปดาห์ เธอกล่าวว่าเธอสามารถบินได้ และไปงานรวมกลุ่มของพวกแม่มดที่กลางป่า แต่ละกลุ่ม
จะมีด้วยกันทั้งหมด คนซึ่งงานเลี้ยงดังกล่าวจะเรียกว่า ซัพบาธ ซาตานจะลงโทษคนไหนที่ออกนอกลู่นอกทางด้วยการโบย แต่คนที่
ทำตัวดีจะได้รับรางวัลตอบแทน เช่น ฌาณวิเศษ ความสามารถในการมองเห็นโลกของ นางไม้แฟรี่ในป่า อิโซเบลว์ กล่าวว่าเธอ
สามารถมองเห็นพวกแฟรี่ และพวกเอล์ฟ ในป่า ที่มีปีก และพวกนั้นก็ดีกับเธอด้วย พวกเขาอาศัยอยู่ใต้หุบเขาซึ่งคนธรรมดาจะมองไม่เห็น
เป็นเรื่องน่าแปลกอิโซเบลว์ เป็นเพียงคนเดียวที่สามารถหลบนี้คดี แม่มดได้ และไม่มีการบันทึกว่าเธอโดนลงโทษ เพราะเธอเป็น
คนโปรดของ ซาตาน
กระแสเรื่องราวของเธอ สร้างความหวาดกลัวให้มีมากขึ้นในสก็อตแลนด์ ทุกคนเชื่อว่าถ้าอิโซเบลว์ไม่ได้เป็นโรคประสาท
เห็นโลกของแม่มดและแฟรี่จริงเช่นนั้น นางคงต้องเป็นแม่มดตัวจริงเป็นแน่ ข่าวเรื่องราวความกลัวอิโซเบลว์ แพร่สะพัดไป
ทั่วสกอตแลนด์ จนกวีหลายคนแต่งเรื่องของเธอ และเขียนเพลงเกี่ยวกับเธอ จนทุกวันนี้
อาเจย์ เดอ ลา บาทเธ่ แม่มดคนแรกของยุโรปยุคกลาง
อาเจย์ เดอ ลา บาทเธ่ เป็นลููกสาวของขุนนางชางฝรั่งเศส ผู้เกิดในราว คศ 1230 คือเกือบๆ 800 ปี ทีแล้ว ซึ่งในสมัยนั้น
ข้อหาแม่มดยังเป็นอะไรที่ใหม่มาก และไม่มีคดีแบบนี้เลย ในยุโรปยุคกลางง เพราะศาสนาคริตส์เพิ่งจะแพร่เข้าไปในยุโรปไม่นาน
คนท้องถิ่นเดิมจึงไม่ได้เคร่งครัดในศาสนานัก เพราะยังอยู่ระหว่างปรับตัวเข้ากับศาสนาเดิมที่นับถือภูติผีเทวดา ตามป่าเขา
และแม่น้ำ ดังนั้นคดีแม่มดของ นางจึงจัดว่าเป็นคดีแรกที่เกิดขึ้นมา
อาเจย์ โดนข้อหา เสพสมกับ ปีศาจ จนให้กำเนิดลูกที่ออกมามีหัวเป็นหมาป่าและมีหางดุจสัตว์เลื้อนคลานที่กินทารกและเด็ก
เล็กๆเป็นอาหาร นอกจากนี้นางยังโดนข้อหา ลักพาตัว และฆ่าพวกเด็กๆหรือขุดศพเด็กขึ้นมาทำพิธีบูชายัญ เพราะในเวลานั้นมี
จำนวนเด็กและทารกหายตัวไปมากมายซึ่งคาดว่ามาจากฝีมือของมนุษย์หมาป่า นั้นเอง อาเจย์ โดนจับไปทรมานจนนางต้อง
ยอมรับทุกข้อกล่าวหาก่อนจะจบชีวิตด้วยการโดนเผาไฟ
เพโทรเนลล่า เดอ มีท แม่มดสาวผู้น่าสงสารที่สุดในยุคกลาง
เรายังคงอยู่ที่เรื่องแม่มด ที่ราวๆปลายยุคกลาง เพโทรเนลล่า เป็นสาวชาวไอริช ที่ทำงานเป็นเด็กรับใช้ที่บ้านของเศรษฐีนี
หญิงชาว แองโกล- นอร์มัน นางหนึ่งใน เมือง คิลเคนนี่ คุณนายของนาง มีนามว่า อลิซ คิลเทอเร่อ นางเป็นสาวใหญ่
หน้าตาสวยผู้แต่งงานมาแล้วหลายครั้ง จนเรื่องชื่อเรื่องกามารมย์ สามีของนางได้แก่ วิลเลี่ยม เอ้าลอวเวอร์, อดัม อิ บลุนท์,
ริชาร์ด เดอ วาลว์, คนมาหยุดอยู่ที่คนสุดท้าย เซอร์ จอห์น อิ ปัวร์
ซึ่งอยู่ๆหลังจากแต่งงานกับแม่ม้ายเนื้อหอมไม่นานก็เริ่มป่วยและเสียชีวิต บรรดาลูกๆติดเมียเก่าของเซอร์จอห์น คิดว่า
คุณนายอลิซแม่เลี้ยงของตนคงวางยาพ่อของพวกเขาด้วยสูตรยาแม่มด เพราะที่บ้านของนางเต็มไปด้วย ส่วนประสมยาเสเน่ห์
พวกลูกเลี้ยงได้นำความฟ้องแก่ ท่านบิชอป แห่ง ออสซอรี่ ให้ไตร่สวนคดีความของนาง หลังจากนั้นคุณนายอลิซ ก็ โดนข้อหา
แม่มดต่างๆมากมาย ตลอดจนการใช้ส่วนผสมต้องห้ามในการทำคุณไส เช่น กาวจากหัวกะโหลกมนุษย์ และน้ำมันพลายที่ทำจาก
หนอน เส้นผมคน เสื้อผ้าเด็กอ่อนที่ไม่ได้เข้าพิธีรับศิล ตลอดจน แก้มก้นของ ศพ รวมกันทำน้ำมันพลาย แต่คุณนายอลิซ
นั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลของย้านนั้น
นางมีพรรคพวกเยอะ จึงใช้อำนาจจับคุมท่านบิชอพ เข้าคุกแทน จนเป็นเหตุให้ผู้ตรวจราชการใหญ่จากในเมืองต้องเดินทาง
มาสอบเรื่องนี้ เพรโทรเลล่า สาวใช้ ของ อลิซดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย แต่ผลปรากฏว่าจากการสอบสวนไปมา
คุณนาย อลิซ คีทเทอเร่อเข้าข่ายผิดจริง ว่าใช้ยาจากเวทย์มนตร์สังหารสามี และต้องโทษให้เผาไฟ
แต่คุณนายนั้นเป็นผู้ทรงอิทธิพล นางและลูกชายกับ พรรคพวกคนมีเงิน ที่สนิทสนม ช่วยกัน เส้น เพื่อ ต่อเรือ หนีไป
เกาะอังกฤษได้ ทัน ทิ้งไว้แต่พวกคนรับใช้ชั้นล่างๆ รวมถึงเพรโทรเนลล่า ด้วย เพโทรเนลล่าจึงโดนจับมาลงฑัณฑ์
แทนพวกของคุณนายที่หนีไป ทั้งที่นางไม่ได้มีความผิดใดๆ
ลูกชาย ของคุณนายต่อลอง ท่านบิชอพ ด้วยการเสนอเงื้อนไข จะจ่ายเงินช่วย เหลือ คนจนและโบสถ์ 3 วัน ในทุกๆหนึ่งปี
ในขณะที่เพโทรเลล่าไม่มีอะไรจะแลก เธอ โดนจับมาทรมาณด้วยกายโบย และถูกเผาไฟ ในวันที่ 3 พฤศจิกา กล่าวกันว่า
วิญญาณที่ไม่ได้รับความยุติธรรมของนางนั้นยังคงสถิตอยู่ในคิลเคนนี่ให้คนมากมายได้เห็น
คดีแม่มดที่น่าขยะขะแหยงที่สุดในประวัติศาสตร์
ในบรรดาคดีแม่มดทั้งหมด แน่นอนละว่า เต็มไปด้วยเรื่องราวความเจ็บปวด ทรมานจิตใจอย่างแสนสาหัส แต่ก็ยังไม่มี
เรื่องไหนที่มีปมน่ารังเกียจขะยะขะแหยงได้เท่าเรื่องคดีของ เอลลิน อิ ฮอวส์นอส เพราะมีเรื่องเพศเข้ามาเป็นปมในการ
บังคับผู้หญิงให้ตกอยู่ในข้อหอคดีแม่มดเอลลินนั้นเป็นหญิงม่ายวัยสาวที่อาศัยอยู่ใน สมอร์ลานประเทศสวีเดน
ในราวปี คศ 15
เหตุเกิดขึ้นในตลาดของวันหนึ่ง มาแรตต้า ลาริสซ่า สามีที่หย่าไปของเธอเกิดมีปากเสียงกับเอลลินขึ้นกลางตลาด
ครั้นเมื่อไม่สามารหาเหตุผลใดมาว่าร้ายเอลลินได้ มาเรตต้าก็ด่าเอลลินด้วยถ้อยคำต้องห้ามในสมัยนั้น ซึ่งน่ากลัว
และเสี่ยงต่อการติดคุกมากคือคำว่า "แม่มด" เอลลินรับไม่ได้จึงตบหน้าของมาเร็ตต้าคืนไปหนึ่งที ท้ามกลาง ประจักษ์
พยานผู้เห็นมากมายในตลาด
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเหตุบังเอิญเกิดขึ้นทำให้ มาเรตต้าเสียชีวิต เอลลินจึงติดร่างแหสู่คดีแม่มดไปโดยปริยาย ที่สวีเดน
จะมีการทดสอบว่าเป็นแม่มดจริงหรือไม่ด้วยการถ่วงน้ำ ถ้าจมก็แสดงว่าไม่ใช่แม่มดอแต่ถ้าตะเกียกตะกายให้ลอยขึ้นมาได้
ก็แสดงว่าเป็นแม่มด เอลลินจึงต้องผ่านการทดสอบนั้นเช่นคนอื่นๆที่ต้องข้อหา
ก่อนการลงฑัณฑ์หนึ่งวัน เธอโดนจับขังคุก และที่นั้นเองที่เธอได้พบกับ ฮาเกิ่น ผู้ทรมานแม่มด ซึ่งมีชื่อเสียงเรื่องลือว่าเ
ขาทำงานดีมาก และเคยผ่านคดีพิสูจน์ และทรมานแม่มดมานักต่อนัก
ฮาเกิ่น ผู้ทรมานแม่มด พบว่าเอลลิน นั้นยังสาวอยู่มากและก็หน้าตาดีอีกด้วย เขาจึงยื้นข้อเสนอว่าหากเธอไม่อยากโดน
ถ่วงน้ำพรุ่งนี้ เธอจะต้องยอมมีเพศสัมพันธ์กับเขา ซึ่งแน่นอนละว่ามันทำให้เอลลินขมขืนเป็นอย่างยิ่ง แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่น
เพราะทุกคนล้วนกลัวตาย เธอจึงยอมจำใจเป้นเมียของนักล่าแม่มดหนึ่งคืน และก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา ว่าเธอผ่านการ
ทดสอบว่าไม่ได้เป็นแม่มด
เป็นเวลา ให้หลัง 10ปี เอลลินได้แต่งงานกับโอลูฟ และมีลูกชายหนึ่งคนอายุราว8 ขวบ เป็นอีกครั้งที่เธอโดนข้อกล่าวหา
แม่มดรอบที่สอง อาทิ เช่น ทำให้สามีคนแรกเสียชีวิต ทำสเน่ห์ใส่คู่หมั้นของน้องสาว เพราะอยู่ๆเขาขอถอนหมั้นนาง
กับอีกหลายคดีเช่น ทะเลาะกับพ่อสามีเก่า เป็นเหตุให้สัตว์เลี้ยง และพืชผลเสียหายด้วยอำนาจแม่มด อีกครั้งที่ นักล่าแม่มด
ฮาเกิ่นถูกเชิญตัวเข้ามาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเอลลิน
ผู้พิพากษาศาลได้เรียกฮาเกิ่นมาพูดเป็นการส่วนตัวว่า หากเขาพบว่าเอลลินไม่มีความผิด เขาก็ควรจะปล่อยให้เธอผิด
เพราะไม่มีะโยชน์ใดจะช่วยเธอ เพราะเขาก็ได้เงินค่าตอบแทนอยู่แล้ว ด้วยเอลลินในวัยนี้ไม่ได้สาวสวยเหมือนแต่ก่อน
ฮาเกิ่นไม่ได้ปรากฏตัวให้เธอรู้ว่าเขาถูกส่งมาทดสอบเธอ แต่เขาสามารถบอกลายละเอียดต่างๆเกี่ยวกับร่างกายในร่มผ้า
ของเธอได้ ว่ามีแผลเป็นตรงไหนบ้าง และใช้ข้อนี้อ้างในการบอกว่าเธอมีตำหนิสัญลักษณ์ของแม่มด
ผู้ตรวจแม่มดซึ่งเป็นหญิงมาตรวจร่างกายของเอลลิน ก็พบ สัญลักษณ์ ที่คาดว่าเป็นตำหนิ แม่มดดังที่ฮาเกิ่นกล่าวไว้
โดยที่ไม่นึกเอ่ใจว่าฮาเกิ่นรู้ได้อย่างไร นอกเสียจากว่าเขาเคยเห็นเอลลินในยามเปรื้องผ้ามาก่อน ในคราวนี้โชคร้าย
จึงเป็นของเอลลิน
ศาลตัดสินว่าเธอเป็นแม่มดจริงและ ถูกสั่งให้โกนหัว ตามแบบฉบับนักโทษคดีศาสนาของเยอรมัน ก่อนจะโดนประหาร
ด้วยการตัดคอช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้านักที่ผู้ชายสาระเลวคนนึงกลับทำเรื่อต่ำช้าได้ลงคอ โดยไม่รู้สึกสำนึกในบุญคุณ
ที่นางเคยเป็นเมียเขา แต่กลับเอาโอกาสที่เคยเห็นไฝในที่ลับมาเปิดเผยหาว่าเป็น ตำหนิ แม่มด
(ตำนาน เอิร์ล พ่อมด >> http://www.cmxseed.com/cmxseedforumn/index.php?topic=78912.0)