"การชูนิ้วกลาง" ประวัติศาสตร์ฉบับย่อของความหยาบคายและความก้าวร้าว?
เรื่อง ที่กลายเป็นประเด็นที่ร้อนแรงไม่แพ้กันก็คือ การแสดงระหว่างช่วงพักครึ่ง ซึ่งถือเป็นเวลาทองที่ศิลปินต่างๆต่างหวังที่จะได้แสดงสักครั้งในชีวิต ขณะที่มีรายงานว่า มีผู้ชมเฉพาะในสหรัฐฯที่เฝ้าดูการแข่งขันนัดนี้กว่า 111.3 ล้านคน
มาดอนน่า ศิลปินสาวใหญ่ได้รับเกียรตินั้นไปครอง เธอออกมาแสดงในหลายเพลง ซึ่งรวมถึงเพลงใหม่ของเธอ "Give Me All Your Luvin" ที่มีศิลปินสองสาวร่วมแจมด้วย คือ นิกกี้ มินาจ และ M.I.A. ซึ่งรายหลังสร้างความอื้อฉาวด้วยการชูนิ้วกลางให้แก่ผู้ชม
กระทั่ง สถานีโทรทัศน์เอ็นบีซีซึ่งเป็นผู้ทำการถ่ายทอดสดครั้งนี้ต้องออกมาขอโทษขอ โพยต่อการกระทำของนักร้องสาวโดยระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะ สมโดยสิ้นเชิง
การชูนิ้วกลาง ทำไมจึงถูกมองว่าเป็นพฤติกรรมก้าวร้าว?
กลุ่ม ปัญญาชน มักแสดงความรู้สึกเหยียดหยามต่อนักการเมืองที่ไร้จริยธรรม โดยการชูนิ้วกลาง และประกาศกร้าวว่า นี่เป็นวิธีการเพื่อปลุกปั่นฝูงชนได้ดีที่สุด
ดิโอจิเนสแห่งซิโนพ
ตาม ข้อมูลของนักประวัติศาสตร์กรีกระบุว่าต้นเหตุของมันย้อนกลับไปในยุค กว่า400ปีก่อนคริสตกาล เมื่อดิโอจิเนสแห่งซิโนพ นักปรัชญากรีกโบราณ กล่าวแสดงความรู้สึกของเขาที่มีต่อ"เดมอสเธนีส" นักปราศรัยชื่อดัง ให้แก่ผู้มาเยี่ยมได้ฟัง พร้อมกับการชูนิ้วกลาง
การชูนิ้วกลาง โดยที่นิ้วที่เหลือถูกกดไว้โดยนิ้วหัวแม่โป้ง ถูกระบุไว้ชัดว่าคือการแสดงการดูหมิ่นเหยียดหยามและการดูถูกดูแคลนมานาน เกือบ 2,000 ปี ไม่ว่าจะเป็นนักปรัชญากรีกโบราณ กวีชาวลาตินที่หวังจะขายผลงานของตน หรือกระทั่งทหาร นักกีฬา นักร้องเพลงป็อป เด็กนักเรียน หรือตำรวจ กระทั่งผู้บริหารประเทศต่างทราบดีว่าสัญลักษณ์นิ้วกลางมีพลังต่อพวกเขามาก เพียงใด
นายเดสมอนด์ มอร์ริส นักมานุษยวิทยากล่าวว่า การชูนิ้วกลางเป็นกิริยาการแสดงการดูหมิ่นที่เก่าแก่ที่สุดอันหนึ่งใน ประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยนิ้วกลาง แสดงสัญลักษณ์ของอวัยวะเพศชาย ขณะที่นิ้วทั้งสี่ที่ห่ออยู่ด้วยกันด้านล่าง เป็นสัญลักษณ์ของอัณฑะ เมื่อใครก็ตามที่แสดงกิริยาดังกล่าว เท่ากับว่าคนคนนั้น กำลังยื่นข้อเสนอที่ชวนให้ขัดเคืองใจ โดยการแจกของสงวนให้แก่บุคคลที่เขาเกลียดชัง
นิ้ว กลางยังเป็นสัญลักษณ์ขององคชาตมานานแล้วในวัฒนธรรมของยุโรปเนื่องจากเป็น นิ้วที่มีขนาดยาวที่สุดอย่างไรก็ตามแม้จะเกี่ยวข้องกับเรื่องทางเพศ แต่คำด่านี้บ่งบอกถึงการก้าวร้าวมากกว่าจะหมายถึงเรื่องเพศโดยตรง
The Clouds โดย Aristophanes
นอกจากนั้นยังมีการอ้างถึง"การชูนิ้วกลาง"ไว้ที่บริเวณหว่างขาเป็นครั้งแรกในบทละครชวนขันของกรีกโบราณ เรื่อง "The Clouds" ของอริสโตฟาเนสเมื่อ 419 ปีก่อนคริสตศักราช ขณะที่ชาวโรมันยังตั้งชื่อพิเศษสำหรับนิ้วกลางไว้ด้วยโดยพวกเขาเรียกมันว่า "ดิจิตุส อินฟามิส" (digitus infamis) ที่แปลว่านิ้วทุเรศ หรือไร้ยางอาย หรือ"ดิจิตุส อิมพูดิคุส" (digitus impudicus) ซึ่งมีความหมายในทำนองว่า นิ้วสัปดน
การ แสดงอาการดังกล่าวยังคงแตกต่างกันในแต่ละประเทศเช่น ในอังกฤษ อาจจะชูนิ้วกลางขึ้นโดดๆ หรือชูพร้อมกับนิ้วชี้และหันอุ้งมือเข้าข้างใน และในการพิจารณาคดีหนึ่งเมื่อไม่นานมานี้ ศาลของญี่ปุ่นยังได้ตัดสินว่าการแสดงสัญลักษณ์โดยการชูด้านหลังของนิ้วกลาง ของมือข้างขวาแล้วหันลงถือว่าเป็นการกระทำหมิ่นประมาทหรือการยั่วยุแม้ว่า มันจะเป็นสัญลักษณ์ไม่สามัญเท่ากับในสหรัฐฯก็ตาม
ศาสตราจารย์เกียรติคุณโธมัสคอนลีย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและวรรณกรรม จากมหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ อ้างคำกล่าวของ"แทคซิตุส" นักประวัติศาสตร์ชาวโรมัน ที่กล่าวว่า ชนเผ่าเยอรมันโบราณ มอบ"นิ้วกลาง"ให้แก่นักรบโรมัน ขณะที่ก่อนหน้านี้ ชาวกรีกมักใช้นิ้วกลางเพื่อแสดงสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายอย่างตรงไปตรงมา
ที่ มาของกิริยาดังกล่าว ยังถูกเชื่อมโยงไปถึงกิริยาของลิงเพศผู้สายพันธุ์หนึ่งในทวีปอเมริกาใต้ ที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่ามักแสดงกิริยาพร้อมกับอวัยวะเพศที่กำลังแข็งตัว
นอก จากนั้น การชูนิ้วกลางซึ่งนายเดสมอนด์ มอร์ริสกล่าวถึง ยังอาจมาถึงสหรัฐฯพร้อมกับผู้อพยพชาวอิตาเลียน มีการบันทึกไว้ในเอกสารที่สืบไปได้ไกลถึงช่วงปี 1886 เป็นครั้งแรก เมื่อผู้เล่นตำแหน่งพิชเชอร์ของทีมเบสบอลบอสตัน บีนอีทเตอร์ส ชูนิ้วกลางระหว่างการถ่ายรูปร่วมกับทีมคู่แข่งอย่างนิว ยอร์ก ไจแอนท์ส
ในวัฒนธรรมแบบฝรั่งเศส มีการแสดงท่าทางที่สื่อถึงอวัยวะเพศชายเช่นกัน แต่มิใช่การชูนิ้ว แต่เป็นการยกแขนขึ้นคล้ายกับการเบ่งกล้ามที่เรียกว่า "bras d′honneur" หรือ "ท่อนแขนแห่งเกียรติยศ"
ขณะที่ในอังกฤษ อวัยวะเพศชายถูกนำเสนอผ่านการชู 2 นิ้ว มาใช้แทนความหมายของ"ชัยชนะ" ซึ่งมาจากท่าทางที่นายวินสตัน เชอร์ชิล นายกรัฐมนตรีอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่มักกล่าวคำปราศรัย พร้อมชู 2 นิ้ว เป็นรูปตัววี เพื่อประกาศชัยชนะในสงครามโลกอยู่บ่อยครั้ง
แม้ว่าจะมีการบอกเล่ากันต่อๆมาว่า การชูนิ้วกลางมีที่มาจาก"ยุทธการอาแฌงคูร์" (Battle of Agincourt) ในปี 1415 ที่เมืองอาแฌงคูร์ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส เป็นการต่อสู้ระหว่างกองทัพของฝ่ายอังกฤษที่นำโดยสมเด็จพระเจ้าเฮนรีที่ 5 แห่งอังกฤษ และฝ่ายฝรั่งเศสที่นำโดยชาร์ลส์ ดาลเบรต์ ผลของยุทธการครั้งนี้ ฝ่ายอังกฤษได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดต่อกองกำลังที่เหนือกว่ามากของฝรั่งเศส
มี เรื่องเล่ากันว่า ทหารฝ่ายอังกฤษได้ชูนิ้วของตนโบกไปมาให้ทหารฝรั่งเศส เพื่อยั่วยุฝรั่งเศสที่ขู่ตัดสองนิ้วที่ใช้สำหรับรั้งสายธนูของทหารอังกฤษ ทิ้งเสีย เนื่องจากเหตุการณ์ที่ทหารฝรั่งเศส จับพลแม่นธนูอังกฤษได้ ก็เลยสำเร็จโทษด้วยการตัดนิ้วชี้กับนิ้วกลางที่ใช้ยิงธนูทิ้ง กระทั่งปัจจุบันก็ยังมีชาวอังกฤษบางส่วนที่แสดงกิริยาเช่นนั้นอยู่เพื่อเย้ย หยันชาวฝรั่งเศส
ขณะ ที่ปัจจุบันความหมายของการชูนิ้วกลางยังข้ามพรมแดนนอกเหนือจากการดูหมิ่นไป เป็นสัญลักษณ์ของการแสดงออกทางวัฒนธรรม ภาษา ที่พบเห็นได้ทั่วไปผ่านการประท้วง การแข่งขันกีฬา และคอนเสิร์ตเพลงร็อคที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ในปี 2004 นักการเมืองจากแคนาดารายหนึ่ง ถูกกล่าวหาว่าชูนิ้วกลางใส่นักการเมือฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากถูกขัดคอระหว่างการปราศรัยในสภาผู้แทนราษฎร เขาให้เหตุผลในภายหลังว่า เขาเพียงต้องการแสดงความไม่พอใจเท่านั้น และสองปีต่อมา บริทนีย์ สเปียร์ส นักร้องสาวชาวอเมริกัน ชูนิ้วกลางใส่กลุ่มช่างภาพปาปาราซซี ที่คอยติดตามเธอไปทุกที่ ขณะที่แฟนเพลงของเธอบางส่วนเข้าใจว่า นักร้องสาวชูนิ้วกลางให้พวกเขา ก่อนที่สเปียร์สจะออกมาขอโทษในภายหลัง
อิรา ร็อบบินส์ ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยอเมริกัน ยูนิเวอร์ซิตี้ แสดงความเห็นว่า จากข้อมูลตามประวัติศาสตร์ที่กล่าวกันมาเนิ่นนานว่า ความหมายของการการชูนิ้วกลาง คือการแสดงถึงสัญลักษณ์ของเพศชาย ในยุคปัจจุบันมันได้สูญเสียความหมายที่แท้จริงไปแล้ว ขณะที่การใช้ในบางโอกาสแทบไม่ได้สื่อถึงเนื้อหาที่มีความสัปดน หรือพฤติกรรมที่ส่อถึงความมักมากในกามอีกต่อไป แต่แตกแขนงเป็นพฤติกรรมที่เกิดทั่วไปในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก และความหมายถึงอวัยวะเพศชายจริงๆก็ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา