ตั้งศูนย์ – ถ่วงล้อคืออะไร คุณรู้หรือยัง
เคยขับรถแล้วรู้สึกว่ารถมันเป๋หรือเบี้ยวเข้าข้างทาง เหมือนกับพวงมาลัยดึงไปข้างใดข้างนึง ทั้งๆที่ตั้งพวงมาลัยตรงหรือไม่ ถ้าใช่ แปลว่าศูนย์ล้อของรถคุณไม่ถูกต้องตามสเปกแล้วล่ะ โดยปกติขณะรถวิ่ง ระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวของรถจะมีชิ้นส่วนต่างๆ เคลื่อนไหวและเสียดสี ทำให้สึกหรอ เมื่อนานวันเข้า ศูนย์ล้อคุณก็จะเพี้ยนไปจากสเปก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนรถอื่นๆ เช่น ยางทั้ง 2 ข้างจะสึกไม่เท่ากัน และช่วงล่างก็จะมีอายุการใช้งานสั้นลงอีกต่างหาก ดังนั้นเราจึงต้องทำการปรับตั้งศูนย์ล้อ เพื่อให้ได้ค่าตามที่กำหนดทำให้รถวิ่งได้ตรง
เรื่องที่คุณอาจสนใจ: รถยนต์ยางแตก ทำยังไงดี?, ซื้อรถมือสอง อายุกี่ปีถึงดีที่สุด, สีรถโดนใจ บอกนิสัยความเป็นคุณ, 4 เคล็บลับซ่อมรถยนต์แบบมืออาชีพ
การตั้งศูนย์ล้อ คือการปรับส่วนประกอบต่างๆ ทั้งระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อและยาง ให้ทำงานสัมพันธ์กัน
ตั้ง ศูนย์ล้อ คืออะไร
การตั้งศูนย์ล้อ คือการปรับส่วนประกอบต่างๆ ทั้งระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อและยาง ให้ทำงานสัมพันธ์กัน เพื่อให้รถวิ่งได้ตรง ไม่เป๋ไปเป๋มา โดยมุมต่างๆ ของล้อต้องมีค่าใกล้เคียงกับศูนย์มากที่สุด จึงเป็นที่มาของคำว่าตั้งศูนย์ ส่วนมุมที่จะต้องตั้งมีอยู่ 3 มุมด้วยกัน คือ
1. มุมแคมเบอร์ (Camber Angle)
มุมแคมเบอร์ คือมุมที่สามารถมองจากด้านหน้ารถหรือหลังรถ เพื่อดูว่าล้อด้านบนที่ไม่ติดพื้นเอียงเข้าหรือเอียงออก ถ้าล้อเอียงเข้ามาหากันจะเรียกว่ามุมแคมเบอร์เป็นลบ ซึ่งจะใช้มากในรถแข่ง เพื่อให้ล้อเกาะถนน ทำให้เข้าโค้งได้ดี ส่วนรถทั่วไปจะตั้งค่าเป็น 0 หรืออย่างมากก็ไม่เกิน -2
2. มุมโทอิน (Toe-in) และ มุมโทเอาต์ (Toe-out)
ถ้ามองจากด้านบนแล้วล้อด้านหน้าสุดของทั้งสองข้างทำมุมเข้าหากันเราจะเรียกว่าโทอิน (Toe-in) แต่ถ้าด้านหน้าสุดของล้อกางออกจากกัน แล้วด้านหลังสุดของล้อเข้าหากันเราเรียกว่าโทเอาต์ (Toe-out) โดยมากรถใช้งานทั่วไปจะตั้งเป็นกลาง หรือเป็น 0 หรือบวกลบไม่เกิน 1-2
3. มุมแคสเตอร์ (Caster Angle)
มุมแคสเตอร์จะเป็นมุมของแกนหมุนเลี้ยว เอียงจากแนวดิ่งไปตามแนวยาวของรถ หรือเรียกอีกอย่างว่า มุมการวางตำแหน่งล้อ เมื่อมองจากด้านข้างตัวรถ เข้าไปหาตัวรถ เมื่อแกนหมุนเลี้ยวส่วนบน เอียงไปทางด้านหลังรถ มุมแคสเตอร์จะมีค่าเป็นบวก (Positive) ในทางตรงข้าม ถ้าแกนหมุนเลี้ยวส่วนบนเอียงไปทางด้านหน้ารถ มุมแคสเตอร์จะมีค่าเป็นลบ (Negative)
ถ่วงล้อ คืออะไร
การถ่วงล้อคือการเพิ่มน้ำหนักให้กับล้อแต่ละล้อเพื่อให้เกิดความสมดุลมากที่สุด โดยการถ่วงล้อจะช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักอย่างถูกต้องของยางและกระทะล้อ ถ้าล้อไม่มีความสมดุลจะส่งผลให้ยางทั้ง 4 เส้น สึกไม่สม่ำเสมอ ซึ่งจะลดอายุการใช้งานของยางและสมรรถนะในการเกาะถนน รวมทั้งมีผลเสียต่อระบบช่วงล่างของรถ เช่น ลูกปืนล้อและโช้กอัพ
คำแนะนำ:
- ควรถ่วงล้อเมื่อรู้สึกว่าพวงมาลัยสั่นเวลาวิ่งบนทางเรียบ
- ควรถ่วงทั้ง 4 ล้อ เพราะความไม่สมดุลในทุกๆ ล้อจะส่งผลต่ออายุการใช้งานของระบบช่วงล่าง
- ควรตรวจเช็กความสมดุลของล้อเวลาถอดเปลี่ยนยางแต่ละครั้ง
- ควรเช็กล้อและยางเมื่อผ่านการใช้งานไปประมาณ 40-50%
ทั้งนี้วิธีถ่วงล้อมี 2 ประเภท คือ การถอดกระทะล้อออกมาถ่วงสมดุลทั่วไป ซึ่งโดยปกติจะใช้ประเภทนี้เป็นหลัก หากอาการสั่นไม่หาย ถึงจะถ่วงแบบจี้ คือการถ่วงสมดุลกระทะล้อ ยาง จานดิสก์เบรก เพลาขับ ลูกปืนล้อ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องแบบไม่ต้องถอดล้อออกจากรถยนต์ ฉะนั้นต่อจากนี้ไปต้องสังเกตพวงมาลัยและการขับว่ามีการเบี้ยวไปมา หรือพวงมาลัยดึงไปข้างนึงบ้างรึเปล่า เพื่อจะได้ซ่อมให้ทันการ และประหยัดค่าเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากศูนย์ล้อที่ไม่ตรง