มารยาทที่ควรมีในร้านกาแฟ??
หลังจากที่เกิดดราม่าเรื่องร้านกาแฟยอดนิยมในไทยอย่าง Starbucks ได้ตัดสินใจที่จะทำออกกฎไม่ให้ลูกค้าบางกลุ่มที่จะมาใช้สถานที่ที่จำกัดของร้านมาติวหนังสือ หรือเข้ามาใช้บริการเป็นกลุ่ม ๆ แต่กลับสั่งกาแฟแก้วเดียวแล้ว (freeload) ทำให้ นึกได้ถึง มารยาทในการใช้บริการคาเฟ่ขึ้น เลยขอเอาบทความนี้มาสรุปให้อ่านกัน แต่ต้องขอบอกตรงนี้เลยว่าปัญหานั่งแช่ หรือเอาพื้นที่ของร้านมาใช้ประโยชน์อย่างอื่น มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดเฉพาะเมืองไทยหรอก แต่บังเอิญที่เมืองไทยมันเป็นปัญหาระดับชาติเท่านั้น
สตาร์บักส์สิงคโปร์ ไม่มีคน แต่วางของจองที่ไว้เพียบ กากสัสหมาจริงๆ
(1) เราควรซื้อกาแฟมากน้อยแค่ไหน?
เมื่อ Mashable ถามคำถามนี้กับทุกคน ตั้งแต่เจ้าของร้าน บาริสต้า ไปจนถึงลูกค้า และผู้จัดการ ทุกคนเหมือนจะเห็นด้วยว่าลูกค้าควรจะซื้อเครื่องดื่มอย่างน้อย 1 แก้วทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง แต่จุดที่จะเริ่มทำให้เกิดความรู้สึกเคืองกันได้คือเมื่อลูกค้านั่งยาว 4 ชั่วโมงแล้วไม่ซื้ออะไรเพิ่ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าร้านเริ่มเต็ม
แต่เมื่อลูกค้าจะต้องซื้อเครื่องดื่มบ่อย ๆ ปัญหาที่เกิดตามมาคือลูกค้าจะต้องปวดฉี่ ต้องเข้าห้องน้ำ ทางออกที่ดีที่สุดคือการทิปพนักงานร้านดี ๆ หน่อย เพราะถึงแม้ว่านี่อาจจะไมได้เป็นการช่วยเจ้าของร้านกาแฟโดยตรงก็ตาม แต่เจ้าของร้านกาแฟก็จะได้พนักงานที่มีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น และเป็นการตอบแทนเจ้าของร้านทางอ้อม
(2) ลูกค้าควรจะนั่งในร้านกาแฟนานแค่ไหน?
บทความนี้บอกว่าจากที่ได้สัมภาษณ์พนักงานในร้านและเจ้าของร้าน พวกเขาชอบให้มีลูกค้านั่งอยู่ในร้าน มากกว่าการที่ร้านจะว่างและไม่มีลูกค้า เพราะฉะนั้นถ้าร้านยังมีพื้นที่ว่างพอสมควร ก็นั่งต่อไปเรื่อย ๆ ได้ แต่หนึ่งในบุคคลที่สัมภาษณ์ที่เป็นเจ้าของบริษัท IT และทำงานในร้านกาแฟเสียส่วนใหญ่แนะนำว่า ก่อนที่จะนั่งแช่ แม้ว่าร้านจะว่างก็ตาม ควรตั้งตนให้เป็น "ลูกค้าประจำ" เสียก่อนที่จะนั่งแช่
ผู้จัดการร้าน Starbucks ที่ทำงานให้กับ Starbucks มาสิบกว่าปีแล้วยังแนะนำว่าอย่าพยายามนั่งเกิน 8 ชั่วโมง โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าหากไม่ซื้ออะไรเพิ่มเลย และถ้าจำเป็นจะต้องนั่งยาวจริง ๆ ควรแจ้งให้พนักงานทราบก่อนด้วย
ร้านบางร้านก็ไม่กล้าปิดเมื่อลูกค้ายังใช้บริการไม่เสร็จ ถ้าร้านเริ่มจะปิดก็ไม่ควรอยู่เกินเวลาที่ร้านปิด
(3) คุยโทรศัพท์ในร้านกาแฟเหมาะสมไหม?
ถ้าต้องคุยโทรศัพท์, Skype หรืออะไรก็ตาม บุคคลที่ให้สัมภาษณ์หลายรายเห็นด้วยว่าควรไปคุยข้างนอกร้านมากกว่าภายในร้าน เพื่อไม่ให้รบกวนลูกค้ารายอื่น แต่สำหรับในสหรัฐฯ มันจะมีปัญหาขึ้นมาในหน้าหนาวที่ลูกค้าไม่สามารถยืนคุยนอกร้านได้เพราะหนาวเกิน แต่เจ้าของร้านกาแฟที่ให้สัมภาษณ์ยังยืนยันว่าต่อให้หนาวแค่ไหน ก็ควรออกไปคุยโทรศัพท์นอกร้าน
แต่ถ้าจำเป็นที่จะต้องคุยในร้านจริง ๆ (เมืองไทยผมไม่เคยเห็นใครคุยโทรศัพท์นอกร้านกาแฟมาก่อน เห็นทำกันได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะฉะนั้น...) จำไว้ว่า *อย่าตะโกน* เป็นอันขาด ร้านกาแฟบางร้านที่ยุ่ง อาจจะมีเสียงดังหน่อย และสุดท้ายเมื่อเสียงรอบข้างดัง คนที่คุยโทรศัพท์ก็จะเริ่มเปล่งเสียงแข่ง
ผู้จัดการ Starbucks ยืนยันว่าเขาโอเคกับการคุยโทรศัพท์ภายในร้าน ตราบใดที่มันไม่รบกวนลูกค้าคนอื่น (แต่ผมว่าสำหรับเมืองไทย ถึงแม้ว่ามันจะเริ่มรบกวนลูกค้าคนอื่น พนักงานคงไม่กล้าออกมาเตือน และลูกค้าคนอื่นก็ไม่กล้าเตือนอีกคนเช่นกัน)
เจ้าของร้านกาแฟที่ให้สัมภาษณ์ ยังบอกอีกว่าถ้าจะเล่น Skype ก็ไม่อยากจะให้ใช้วีดีโอแชท เพราะว่ามันใช้แบนด์วิธ Wi-Fi มากและทำให้คนอื่น ๆ ในร้านเล่นเน็ตได้ช้าลง
(4) เปิดเสียงบนคอมพิวเตอร์ได้ไหม?
ทุกคนที่ให้สัมภาษณ์กับ Mashable ตอบว่า *ไม่โดยเด็ดขาด* เว้นแต่ว่าจะเอาหูฟังมาเอง
และข้อยกเว้นอีกข้อ ก็คือเมื่อลูกค้ามาใช้ร้านกาแฟกันเป็นกลุ่ม และต้องการใช้เสียงจริง ๆ ซึ่งจริง ๆ ก็ทำได้ แต่มันควรจะเป็นคลิปเสียงที่สั้น และก็ไม่ดังมากจนเกินไป
(5) วางของหรือกระเป๋าบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่ได้ไหม?
ทุกคนที่ให้สัมภาษณ์บอกว่า ไม่ควรวางกระเป๋าไฮโซ หรืออะไรก็ตามบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่เป็นอันขาด แม้ว่าร้านจะเต็มหรือไม่ก็ตาม เพราะกระเป๋าไม่ใช่คน เจ้าของร้านกาแฟที่ให้สัมภาษณ์บอกว่าพฤติกรรมนี้ จะทำให้ร้านกาแฟต้องเพิ่มราคาค่ากาแฟโดยไม่จำเป็น
บางคนอาจจะบอกว่า "อ๋อ เดี๋ยวจะย้ายกระเป๋าเมื่อมีคนมานั่ง" แต่เจ้าของร้านบอกว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ เพราะว่าการวางกระเป๋ามันเปรียบเสมือนการจอง และไม่ใช่ลูกค้าทุกคนที่เดินเข้ามาจะเข้ามาถามว่าเก้าอี้นั้นว่างหรือเปล่า
วัฒนธรรมในการใช้ร้านกาแฟที่ดี คือการที่เราเอาข้าวของที่เราพกมากับตัว รวมไปถึงอาหารที่เราสั่ง อยู่ในพื้นที่ที่ใกล้ชิดกับตัวเราที่สุด เพื่อเหลือพื้นที่ให้กับคนอื่น
(6) เราสามารถขอให้คนนั่งข้าง ๆ ฝากดูของ ๆ เราได้ไหม?
คำตอบที่ได้รับคือนั่นเป็นสิ่งที่เราควรทำที่สุดเมื่อเราต้องไปทำอะไรที่อื่นซักแป๊บ จริง ๆ แล้วการเฝ้าของให้คนโต๊ะข้าง ๆ มันเป็นอีกหนึ่งกฎของการใช้ร้านกาแฟ ที่ไม่ค่อยมีใครพูด (ตราบใดที่ที่นั่นไม่ใช่ร้านกาแฟในสนามบิน)
ถ้าเกิดไม่มีลูกค้าอื่นอยู่ในร้านกาแฟ ก็ขอให้พนักงานดูของให้ได้ แต่เวลาจะขอให้คนอื่นดูของให้เรา เราก็ไม่ควรจะคาดหวังว่าคนที่เราขอจะคอยดูของ ๆ เราอยู่ตลอดเวลา เราก็ควรจะรีบไปทำธุระส่วนตัวอย่างเร็วที่สุด
(7) มีมีทติ้งเป็นกลุ่ม ๆ ได้ไหม?
จากการสัมภาษณ์ คำตอบขึ้นอยู่กับว่าจำนวนคนในกลุ่มที่จะมาใช้บริการมีกี่คนกันแน่ แต่จะให้ดีที่สุด กลุ่มหนึ่งไม่ควรมาเกิน 4 คน และถ้าจะมากกว่านี้ ก็ควรถามพนักงานก่อนล่วงหน้าเพื่อร้านจะได้เตรียมตัว และเผื่อจะสามารถจัดพื้นที่ให้ได้
สาเหตุที่ 4 คนเป็นตัวเลขที่ดีที่สุด ก็เพราะว่าการจัดโต๊ะให้กลุ่มมันยังเป็นไปได้ และเสียงก็ไม่ดังเกินไป ถ้ามามากกว่านี้ จะต้องมีการเลื่อนโต๊ะเลื่อนเก้าอี้ ทำให้เป็นการรบกวนลูกค้าคนอื่น และทำให้การให้บริการในร้านเปลี่ยนไปอีกด้วย และแน่นอน ทุกคนที่มาใช้บริการควรจะซื้ออะไรซักอย่างจากร้านด้วย และถ้าใช้บริการเสร็จแล้วย้ายเก้าอี้หรือโต๊ะกลับที่เดิมให้ จะเป็นที่รักของพนักงานไปในทันที
(8) ถ้าร้านให้เล่นเน็ตได้ เราทำอะไรได้บ้างบนเน็ต?
ไม่ใช่ทุกอย่าง ถ้าร้านให้บริการ Wi-Fi ฟรี ก็ควรจะใช้มันอย่างประหยัด เพาะการดูดเน็ตหรือทำโหลดอะไรมากเกินไป สุดท้ายแล้วมันก็จะเป็นการแย่งลูกค้าคนอื่นใช้บริการ สุดท้ายร้านก็ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อพยายามกำจัดปัญหานี้ ตั้งแต่การเริ่มคิดเงินค่า Wi-Fi ไปจนถึงการลิมิตการใช้งาน(แต่เราคนไทย ถ้าเราจ่ายค่ากาแฟแล้วแน่นอน หลาย ๆ คนสิ่งแรกที่จะต้องทำคือใช้มันให้คุ้ม นั่งให้มันนานที่สุด โหลดบิตให้เน็ตมันพังไปเลย … ใช่ไหม?)
(9) และสิ่งอื่น ๆ ที่เราควรจะรู้ไว้ล่ะ?
นอกจากที่บอกมาข้างบนนี้ จะต้องวางตัวอย่างไรไม่ให้เราเป็นคนที่เจ้าของร้าน พนักงาน และลูกค้าคนอื่นรู้สึกไม่ชอบหรือไม่สบายใจ? พอสรุปสั้น ๆ ได้ตามนี้ครับ
- อย่าเอาอาหารข้างนอกมากินในร้าน
- ถ้าเล่นคอม อย่าพยายามเล่นหรือดูอะไรที่มันไม่เหมาะสม เพราะมันก็ไม่ต่างจากการตะโกนในร้านเลย
- ถ้ามีปัญหาอะไร เข้าไปถามพนักงานได้เลย เช่น ร้านยุ่งช่วงไหน ช่วงไหนเหมาะสุดสำหรับการเอาเพื่อนกลุ่มใหญ่มาคุยกัน
- ถ้าร้านกาแฟมีระบบ self-service หรือกินเสร็จแล้วต้องเอาขยะ หรือจานชามไปเก็บที่เค้าท์เตอร์ มันหยาบคายมากที่จะปล่อยของวางเรี่ยราดไว้ (อันนี้เห็นเยอะในเมืองไทย แต่อาจจะเป็นเพราะหลายๆ ร้านพนักงานมาเก็บจานให้จนชิน)
- ถ้าร้านมีปลั๊กไฟ อย่าใช้มันคนเดียว แบ่งให้คนอื่นใช้ด้วย และถ้าอยากเป็นที่รักของคนรอบข้าง ให้เอาปลั๊กต่อพ่วงเล็ก ๆ พกติดตัวมาด้วย ดีไม่ดีอาจจะได้รู้จักคนใหม่ ๆ ได้ผัวได้เมีย ฯลฯ
- จำไว้ว่าพื้นที่ที่ใช้อยู่เป็นพื้นที่สาธารณะ เพราะฉะนั้นอย่า freeload เพราะมันเป็นผลเสียต่อทุกคน และสุดท้ายร้านก็ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อป้องกันปัญหา และมันอาจจะกระทบคนที่ไม่เกี่ยวด้วย (เช่นการออกกฎของ Starbucks ในเมืองไทย)
สรุปบทความทั้งหมดสั้น ๆ สำหรับคนขี้เกียจอ่าน (TL;DR)
- ควรซื้ออะไรซักอย่างทุก ๆ 2-3 ชั่วโมงที่นั่ง อย่านั่งเกิน 4 ชั่วโมงโดยไม่ซื้ออะไร
- จะนั่งในร้านนานแค่ไหนคงไม่มีใครว่า (ถ้าทำตามข้อ 1) แต่อย่าอยู่นานเกินเวลาร้านปิด
- ถ้าจำเป็นต้องรับโทรศัพท์ ควรไปรับข้างนอกร้าน แต่ถ้าจะรับในร้านก็ควรพูดคุยเบาๆ
- อย่าเปิดเสียงคอมฯ มือถือ iPad, iPod นอกจากจะเอาหูฟังมาเอง
- กระเป๋าหรู ๆ หรือของที่พกมาด้วยไม่ใช่คน อย่าวางบนเก้าอี้แม้ว่าที่จะว่าง วางบนพื้นซะ
- ขอให้พนักงานหรือลูกค้าคนอื่นดูของให้ตอนไปฉี่ - โอเคอยู่แล้ว
- ถ้าจะมาใช้ร้านกาแฟเป็นกลุ่ม ไม่ควรมาเกิน 4 คน (ยกเว้นร้านมีที่สำหรับกลุ่มใหญ่)
- พึงระวังเสมอตอนใช้เน็ต ว่าคนอื่นก็ต้องการเน็ต อย่าโหลดเยอะเกิน