ทรงผมผู้ชายที่ Intrend ในปี 2015 มีอะไรบ้าง
ทรงอันเดอร์คัทหรือทรงเปิดข้างนั้นเป็นที่นิยมอย่างมากในยุค 80-90 (ดาราที่โดดเด่นในการไว้ทรงนี้คือ Tom Cruise และ Keanu Reaves) และเริ่มกลับมาฮิตใหม่ในช่วง 2010-2015 โดยไม่ว่าคุณจะเป็นคนผมตรงหรือหยักศก ก็สามารถตัดทรงนี้ได้ทั้งนั้น อีกทั้งยังเหมาะกับรูปทรงหน้าของคนเอเซียอีกด้วย (ที่จริงมันก็คล้ายๆกับทรงผมชายไทยโบราณ)
2. Man bun
ทรงนี้เหมาะสำหรับคนที่อยากจะติสๆดูเซอร์ ๆ โดยวิธีการจัดแต่งทรงผมนั้นง่ายมากแค่รวบผมด้านหน้าไปมัดไว้ตรงกลางด้านหลัง แล้วปล่อยส่วนที่เหลือไว้ตามธรรมชาติ อย่างไรก็ดี เราแนะนำว่าให้ดูกาละเทศะในการไว้ผมทรงนี้ในสถานการณ์ต่างๆด้วย
3. Top knot
ทรงนี้เหมาะกับผู้ชายที่อยากดูโดดเด่น โดยคุณจะต้องรวบผมด้านบนเก็บไว้ตรงกลางและมัดจุก จากนั้นให้ไถผมที่เหลือออกให้หมด โดยคุณสามารถไว้หนวดเคราเพิ่มเติมด้วยเพื่อความเข้มขึ้น
4. Fade
ทรงนี้อาจจะคล้ายทรงอันเดอร์คัทอยู่ แต่ต่างกันที่ทรงนี้จะมีการไล่ระยะความยาวจากบนลงล่าง(Fade)
5. Side Part
เหมาะสำหรับคนที่ต้องการภาพลักษณ์ที่ดูเนี้ยบและสุภาพแบบ Business Professional และยังเป็นทรงผมสไตล์คลาสสิกที่ยังคงได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย แน่นอนว่าคุณพ่อหรือคุณปู่ของเราเคยไว้ทรงนี้มาทั้งนั้น
6. Pompadour
มีลักษณะคล้ายๆทรง Fade หรือเหมือนกับรองทรงสูงแบบที่ไว้ผมด้านบนยาวมากๆ เหมาะสำหรับคนหน้าสั้นที่ต้องการทำให้หน้าตัวเองดูยาวขึ้น โดยผมทรงนี้จะต้องใช้เวลาในการเซตพอสมควร ตั้งแต่การไดร์ผมและปาดผมไปด้านหลังโดยจัดแต่งให้ทรงผมดูมีวอลลุ่ม ด้านข้างคุณอาจใช้หวีปาดเรียบไปด้านข้างในมุมต่างๆได้ตามใจชอบ
7. Short Back and Sides
มีลักษณะคล้ายกับรองทรงสูงหรือทรง Pompadour แต่ความยาวจะสั้นกว่า โดยสามารถหวีปาดไปด้านหลังได้เพื่อเพิ่มความโดดเด่นและดุดันแบบแมนๆได้อีกด้วย
7. อุปกรณ์แต่งผม
ไม่ว่าจะตัดทรงไหน สิ่งที่สำคัญไม่น้อยกว่าคือการแต่งผมไม่ว่าจะเป็นการใช้เจล แว็กซ์ หรืออุปกรณ์ช่วยอย่างอื่น เพื่อให้ทรงผมของเฟี้ยวได้เหมือนนายแบบต้นฉบับมากที่สุด บางคนอาจงงว่าทำไมตอนตัดออกมาจากร้านแล้วดูดี แต่ทำไมตื่นเช้ามาอีกทีไม่เหมือนเดิม นั่นเป็นเพราะว่าเราแต่งผมไม่เป็นนั่นเอง