วิธีเรียกแท็กซี่ให้ได้ผล
การโบกแท็กซี่เป็นฝันร้ายสำหรับคนเดินทางในกรุงเทพฯอยู่ทุกวัน ที่จริงแล้ว หากไม่การเป็นการบ่นเอามันส์ของชาวกรุงแล้ว แท็กซี่เองก็มีเหตุผลในการปฏิเสธผู้โดยสารซึ่งเหตุผลหลักของเขาก็คือค่าเสียโอกาสของรายได้ ดังนั้น Ohlor เลยรวบรวมวิธีและเหตุผลที่จะทำให้วิธีเรียกแท็กซี่ของคุณประสบความสำเร็จมากที่สุด
1เป็นฝ่ายบุก: โดยไม่ต้องยืนคุยกันนอกรถ แต่ให้เข้าไปนั่งคุยเรื่องจุดหมายปลายทางที่เบาะหลังกับเขาเลย เพราะในเชิงจิตวิทยาแล้วการที่คุณพูดอยู่ข้างหลังจะสามารถโน้มน้าวได้ดีกว่า (ถ้าคุณสังเกตุเวลาดูหนังสืบสวน ตำรวจจะมักเดินไปที่ข้างหลังของผู้ร้าย) อีกทั้งแท็กซี่เองก็อาจจะขี้เกียจไล่ผู้โดยสารออกไปครั้นเมื่อผู้โดยสารปิดประตูอยู่ในรถแล้วโดยเฉพาะเมื่อคันหลังบีบแตรเวลาจอดนานกว่าปกติ ในขณะที่ถ้าคุณยืนคุยนอกรถนั่นคือแท็กซี่เป็นผู้คุมเกม เขาอยากจะซิ่งหนีเมื่อไหร่ก็ได้เลย ดังนั้นต้องคุมเกมซะ
2แสร้งเป็นคนต่างชาติ: หากคุณกำลังโบกในย่านท่องเที่ยว คุณอาจแสร้งเป็นพูดภาษาอังกฤษให้ดูเหมือนเป็นคนต่างชาติเพื่อเพิ่มความดึงดูดขึ้น โดยคุณอาจทำเป็นพูดภาษาไทยบ้างเล็กน้อย เพื่อให้แท็กซี่เขาระวังว่าเราก็รู้ภาษาไทยและพอคุยรู้เรื่อง เขาจะได้ไม่หลอกเราเหมือนเป็นคนต่างชาติที่ไม่รู้เรื่องคนไทย
ที่แท็กซี่ชอบรับคนต่างชาติ อาจไม่ใช่เพราะการคลั่งฝรั่งอย่างเดียว แต่อาจเป็นเพราะคนไทยด้วยกันเคยทำร้ายกันเองมามากกว่า
3ให้เพื่อนหญิงคุณเป็นคนโบก: โดยทั่วไปแล้วแท็กซี่มักปฏิเสธผู้โดยสารผู้หญิงน้อยกว่าผู้ชาย หากตัดประเด็นเรื่องความดึงดูดทางเพศออกไปแล้ว ที่จริงแท็กซี่ไม่รับผู้ชายก็เป็นเพราะเขาก็กลัวผู้ชายในบางครั้งเหมือนกัน เพราะบางครั้งก็มีข่าวในทางตรงกันข้ามที่ผู้โดยสารทำร้ายหรือปล้นแท็กซี่ให้เห็นกันเรื่อยๆ
4อย่าแสดงขอพะรุงพะรังให้เห็น: โดยทั่วไปแล้วแท็กซี่จะไม่ค่อยให้ผู้โดยสารที่มีของเยอะๆขึ้นรถ เพราะของสิ่งนั้นอาจไปขีดข่วนรถของเขาเป็นรอยหรือมีกลิ่นเหม็น (คิดเสมือนว่าถ้าเป็นรถของคุณ คุณอยากให้เอาของเยอะๆอัดไว้ที่เบาะหลังบ่อยๆไหม) ดังนั้นหากคุณเดินทางไปเป็นกลุ่ม ให้เพื่อนคนหนึ่งเดินตัวปลิวๆไปโบกรถ แล้วค่อยเรียกคนที่เหลือขนของมา
5ให้ทางเลือก: หากแท็กซี่ทำท่าจะปฏิเสธเนื่องจากขับไกลหรือรถติด คุณอาจบอกว่า “นั่งทางด่วนไป รถไม่ติด ไม่เกินเท่านี้นาทีหรอก ไม่ต้องกลัวจะเสียเวลานาน” หรือ “ทางที่ไป ไม่น้ำท่วม ไม่ต้องกลัวรถเสีย” เพราะแท็กซี่จะต้องทำรอบให้มากๆเพื่อค่าโดยสารและถนอมรถถ้ารถที่ขับเป็นของเขา ดังนั้นหากเสียเวลากับรอบหนึ่งหลายๆชั่วโมงหรือรถสะบักสะบอมมากในการขับแต่ละครั้งแล้วนั่นหมายถึงค่าเสียโอกาสที่มหาศาลสำหรับเขาเลยทีเดียว
ตระหนักไว้เสมอว่าทุกอาชีพมีคนดีและคนไม่ดี เราอาจจะไม่รู้ว่าวันหนึ่งแท็กซี่ที่เคยปฏิเสธเรา อาจจะเป็นอาสาสมัครมาซ่อมรถคุณเวลาที่คุณรถเสียบนถนนก็ได้
6ให้เหตุผลและความเห็นใจ: คุณอาจให้เหตุผลว่าคุณกำลังรีบเร่งจริงๆอยู่ อาจมีแท็กซี่ที่เห็นใจคุณบ้าง จนเขายอมขับให้แม้ว่าจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตาม แท็กซี่หลายคนอาจมีความเห็นแก่เงินและปฏิเสธคุณเมื่อเส้นทางที่ขับทำให้เขามีรายได้น้อยไม่ต่างอะไรจากนิสัยของพ่อค้าหรือคนธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าหากคุณมีเหตุจำเป็นเช่นต้องรีบไปโรงพยาบาลหรืออื่นๆ ก็พบว่ามีพวกเขาบางคนก็ยินดีช่วยเหลือคุณเหมือนกัน
7ให้ข้อเสนอ: หากทุกวิธีไม่ได้ผลนี่อาจเป็นทางเลือกสุดท้ายที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นทางเลือกที่ควรพิจารณาหากคุณมีความจำเป็นจริงๆ โดยเสนอให้ทิปเพิ่มกับแท็กซี่ เพื่อชดเชยค่าเสียโอกาสให้กับเขาจากเหตุผลต่างๆ ไม่ต่างอะไรจาก Uber ที่มีการชาร์จมากกว่าปกติในกรณีที่คุณเรียกในช่วงเร่งดวน (Rush Hour) เพราะมันก็คือหลักอุปสงค์อุปทานอย่างง่ายๆ
8อื่นๆ: เมื่อเรียกแท็กซี่ได้แล้ว สิ่งที่คุณควรทำก็คือจดเบอร์ทะเบียนไว้แล้วส่งข้อความหรือ Line ให้กับคนที่รู้จักเพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น
รูปประกอบจาก: flickr.com/photos/robonline/, flickr.com/photos/jackol/, flickr.com/photos/tola/, flickr.com/photos/melomelo/