เรื่องเหลือเชื่อ ตำนานนักโทษประหารหญิงผู้ไม่ยอมตาย
นักโทษประหารหญิงผู้ไม่ยอมตาย “นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน”
เรื่องราวต่อไปนี้ เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ ณ แดนประหารของเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร เมื่อประมาณเกือบๆ 40 ปีมาแล้ว เป็นเรื่องราวของนักโทษประหารหญิงคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ไทย ชื่อนาง “กิ่งแก้ว ลอสูงเนิน” ซึ่งโดนประหารด้วยกระสุนปืนไรเฟิลกว่า 15 นัด แต่ยังหายใจ และส่งเสียงพูดออกมาได้ คือเธอยังไม่ตายนั่นเอง
เรื่องราวอันชวนพิศวงนี้ เชื่อว่ามาจากคำบอกเล่าที่มาจากหนังสือของเจ้าหน้าที่เรือนจำคนหนึ่ง ซึ่งเป็นเพชฌฆาตคนสุดท้ายที่ทำหน้าที่ลั่นกระสุนปืนประหารชีวิตนักโทษหลายรายในสมัยนั้น ได้บอกเล่าเรื่องราวเอาไว้ ก่อนที่การประหารชีวิตของไทยจะเปลี่ยนเป็นฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือดแทน
เรื่องจริงมีอยู่ว่า มีหญิงชาวโคราชคนหนึ่งชื่อนางกิ่งแก้ว ลอสูงเนิน ได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพในสมัยนั้น และเธอเองก็ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวหนึ่ง ซึ่งได้จ้างเธอมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กชายวัย 6 ขวบ และในวันที่เกิดเหตุนั้น เธอได้ไปรับเด็กชายที่โรงเรียนตามปกติ ซึ่งตัวเธอและครูพี่เลี้ยงในโรงเรียน ต่างก็รู้จักและคุ้นเคยกันดี การรับส่งตัวเด็กจากโรงเรียนเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีข้อระแวงสงสัยแต่อย่างใด แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตร เรื่องราวกลายเป็นว่า นางกิ่งแก้วได้ร่วมมือกับชายสองคน ในฐานะโจร ก่อเหตุอันไม่คาดคิด ได้จับเด็กชายวัย 6 ขวบที่ตนเองเคยเป็นพี่เลี้ยง คนดังกล่าวไปเรียกเงินค่าไถ่เป็นเงินจากพ่อแม่เด็ก ซึ่งตามแผนการที่วางเอาไว้นั้น พ่อแม่ของเด็กจะต้องโยนเงินออกจากตัวรถไฟที่กำลังแล่น โดยให้ถุงใส่เงินอยู่ใกล้ธงตามจุดที่กำหนดในตอนกลางคืน แต่ปัญหามีอยู่ว่าเมื่อถึงเวลาส่งมอบกันจริงๆ พ่อแม่ของเด็กเองกลับมองไม่เห็นธงตรงจุดนัดพบ ซึ่งเป็นเวลาวิกาล และนั่นกลับทำให้สถานการณ์เลวร้ายขึ้น จนหลายคนคาดไม่ถึง การส่งเงินผิดพลาด ไม่ตรงจุดที่กำหนด ส่งผลทำให้การเลือกเปลี่ยนเงินที่เป็นค่าไถ่ตัวเด็กล้มเหลว พวกโจรที่จับตัวเด็กไป มีอาการโกรธแค้นอย่างรุนแรง และได้ฆาตกรรมด้วยการใช้มีดแทงเด็กตายเพื่อปิดปาก ตามบันทึกเรื่องราวที่บอกเอาไว้ว่า แม้ว่านางกิ่งแก้วจะพยายามห้ามปรามพวกโจรไม่ทำร้ายเด็กก็ตาม แต่สุดท้ายเธอก็ได้ตัดสินใจแทงเด็กตายและนำศพไปฝัง ก่อนที่จะแยกย้ายกันหลบหนี ซึ่งจากการชันสูตรศพต่อมาพบว่า มีเศษดินในปอดของเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กยังมีชีวิตอยู่ หลังศพถูกฝังแล้ว และด้วยการกระทำของเธอในการฆาตกรรมเด็กชาย นางกิ่งแก้ว ลอสูงเนินได้ถูกจับกุม และถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ซึ่งการประหารด้วยการยิงเป้าของไทยในสมัยนั้น นักโทษจะถูกปิดตาด้วยผ้า และผูกติดกับเสาหลักรูปไม้กางเขน หันหน้าเข้ากับกำแพง ไม่ว่าจะเป็นเอว หน้าอก ข้อศอกทั้งสองข้าง ต้องติดกับไม้กางเขนทั้งสองด้าน และที่ข้อมือมีลักษณะพนมมือโอบรอบเสา ซึ่งต้องมัดให้แน่นจนนักโทษขยับตัวไม่ได้ และต่อจากนั้นปืนไรเฟิลอัตแบบอัตโนมัติ ก็จะถูกตั้งไว้และชี้ไปยังหัวใจบริเวณแผ่นหลังของนักโทษประหาร ซึ่งได้ทำเครื่องหมาย ณ บริเวณหัวใจเอาไว้แล้ว และเมื่อถึงเวลาประหารเพชฌฆาตที่อยู่ด้านหลังนักโทษจะทำการยิงกระสุนจำนวนสิบห้านัด เล็งตรงบริเวณที่ทำเครื่องหมายเอาไว้ ก็คือหัวใจนั่นเอง เพื่อให้นักโทษประหารตายทันที ไม่ให้ทรมานมากเกินไป ซึ่งนาง กิ่งแก้ว ลอสูงเนินได้ถูกประหารชีวิตเมื่อวันที่ 13 มกราคม ปี 1976 และในเวลานั้นสภาพจิตใจของนางกิ่งแก้วย่ำแย่มาก ซึ่ง ในระหว่างรอประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า เธอก็ยังคงยืนยันความบริสุทธิ์ของเธอในคดีฆาตกรรมเด็กชาย ว่า “ฉันไม่ได้ทำ ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าเด็ก” เธอขอร้อง “ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน ฉันไม่ได้ฆ่าเขา” เธอพูดซ้ำซากแบบนี้ตลอดเวลา แต่ความหวังที่จะพ้นผิดก็ดับสลายลงไป เพราะเธอได้ถูกตัดสินและถูกส่งไปยังเวทีประหารเรียบร้อยแล้ว เมื่อปืนและเพชฌฆาตได้เตรียมพร้อมบนแท่นประหาร เพียงเวลาไม่กี่วินาที กระสุนกว่าสิบนัด ก็พุ่งตรงเข้าไปตัดจุดที่เชื่อว่าเป็นขั้วหัวใจของนางกิ่งแก้วในทันที ทำให้เลือดสาดกระจายอย่างน่าสยดสยอง และหลังจากเสียงปืนสงบได้ไม่นาน ทางแพทย์ก็ได้เข้ามาทำการตรวจหาชีพจร ซึ่งก็ได้ข้อสรุปในตอนนั้นว่า เธอได้เสียชีวิตแล้ว และขั้นตอนต่อไปทางเจ้าหน้าที่ได้จัดการแก้มัดร่างของเธอและวางคว่ำหน้าของเธอลงบนพื้น ซึ่งตอนนั้นเธอก็ชักและกระตุกเล็กน้อย ด้วยแรงของกระสุนทำให้หน้าอกของเธอปริออกเป็นแผลเหวอะหวะ ร่างของเธอถูกย้ายไปที่ห้องเก็บศพและวางอยู่บนเตียง และในขณะที่เจ้าหน้าที่คนอื่นเตรียมประหารนักโทษคนต่อไป
เหตุการณ์ที่หลายคนคาดไม่ถึงก็ได้บังเกิดขึ้น ร่างของนางกิ่งแก้วที่นอนอยู่บนเตียงเริ่มส่งเสียงร้อง “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด” และพยายามลุกขึ้นนั่ง ณ สถานการณ์ในตอนนั้น ทำให้เจ้าหน้าเรือนจำหลายคน ต่างตกใจและงุนงง และรีบวิ่งเข้าไปห้องเก็บศพในทันที และพวกเขาพยายามกลิ้งเธอหลายครั้งและกดบนหลังของเธอให้เลือดออกมากขึ้น นัยน์ว่า..ให้เธอตายสงบนั่นเอง แต่เธอก็ยังอ้าปากหายใจ ไม่เสียชีวิตในทันที แม้นเลือดจะไหลออกมากปานใด และไม่ว่าจะทำด้วยวิธีใดก็ตาม เธอก็หายใจและยังมีชิวิตอยู่ และในช่วงเวลานั้นนั่นเอง ทางพัสดีและหมอประจำเรือนจำ ก็ได้เข้าไปตรวจสอบที่่ร่างของเธออีกครั้ง และผลปรากฏว่านางกิ่งแก้วมีหัวใจที่ผิดปกติจากคนทั่วไป คือหัวใจของนางกิ่งแก้วจะอยู่ทางด้านขวา และสุดท้ายร่างของเธอก็ถูกยกกลับไปเวทีประหาร ทำการชี้เป้าหัวใจ และประหารชีวิตใหม่ ด้วยการยิงกระสุนปืนไรเฟิล 15 นัดอีกครั้ง และในที่สุดเธอก็ได้เสียชีวิตลง
มีเรื่องเล่าหนึ่งจากปากพัสดีที่คุมเรือนจำหลายคนว่า “นางกิ่งแก้วรักเด็กคนนี้มาก และรักเหมือนลูกของตน และเมื่อวันที่เด็กถูกสังหาร เป็นวันที่นางกิ่งแก้วไม่อยู่ ทางฝ่ายสามีจึงลงมือสังหารเด็กเสียเอง ฝ่ายนางกิ่งแก้วกลับมาและไม่พบเด็ก ก็ฉุกคิดได้ทันทีว่า มีอันตรายเกิดขึ้นกับเด็กอย่างแน่นอน นางจึงออกตามหาเด็กคนนั้น และได้มาพบรอยถมดินที่เหมือนพึ่งฝังเสร็จใหม่ เธอจึงลงมือขุดจนพบร่างเด็ก แต่ทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว เธอพร่ำเพ้อ ร้องให้กอดร่างอันไร้วิญญาณของเด็กน้อยที่เธอเคยเป็นพี่เลี้ยงและเคยดูแลในครั้งก่อน ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจนำกำลังบุกเข้าจับกุมคนร้ายพอดี นางกิ่งแก้วจึงตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตาย” นี่คือคำสารภาพที่นางกิ่งแก้ว ที่ได้เคยพูดไว้กับพัสดีภายในเรือนจำนั่นเอง
ยังมีเรื่องเล่าหลังจากจากนางกิ่งแก้วเสียชีวิตไปแล้วว่า มีนักโทษและชาวบ้านแถวนั้นหลายคน ได้เคยพบเจอวิญญาณนางกิ่งแก้วออกมาปรากฏตัวอยู่บ่อยครั้ง บ้างก็เห็นนางกิ่งแก้วเดินร้องไห้และพูดว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด” และหายเข้าไปในกำแพงเรือนจำ บ้างก็เห็นว่า เธอยืนลอยอยู่เหนือกำแพงเรือนจำ ส่งเสียงร้องไห้โหยหวน คร่ำครวญว่า “ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด ฉันไม่ผิด”...และจนกระทั่งปัจจุบันนี้ ก็ยังมีคนพบเจอวิญญาณของนางกิ่งแก้ววนเวียนอยู่แถวกำแพงเรือนจำเป็นระยะ แม้วันเวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม
** เรื่องราวอันเหลือเชื่อนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นมานานแล้ว และข้อมูลนี้ก็ถูกอ้างอิงมาจากหลายที่ อาจผิดเพี้ยนไปบ้าง หากผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ **
แหล่งที่มา:https://www.youtube.com/c/SivakornPookanha
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ไวรัลอีกครั้ง! “I Promise I Will Comeback” รีรันคืนจอ
ตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้าน
ตร.เผย เวย์ ไทเทเนี่ยม ใช้ชื่อนักธุรกิจดังหลอกลงทุนเทรดหุ้น สูญเงิน 50 ล้าน
2026 ปีแห่งการสั่นสะเทือน! แกะรอยคำทำนาย บาบาวานก้า ที่โลกต้องจับตา การเปลี่ยนขั้วอำนาจสู่ยุคดิจิทัลและการตื่นรู้ทางจิตวิญญาณ
บ้านผีสิง (2550): เงาของอดีต ความรักอำมหิต และบาดแผลที่ตามหลอกหลอน
ดูดวงทั้ง 12 นักษัตร เดือนธันวาคม 2568
เปิดดวง 3 ราศี ดวงพุ่งแรง มีเกณฑ์ ถูกเลข รับทรัพย์ก้อนโต 💰