5 สัญญาณที่ชี้ชัดว่า มนุษย์ยังคงมี "วิวัฒนาการอันซับซ้อน" อย่างต่อเนื่อง
เมื่อนึกถึง “วิวัฒนาการ” ของมนุษย์ คนส่วนมากอาจนึกย้อนไปถึงเมื่อหลายพันปีก่อน และภาพการวิวัฒนาการจากมนุษย์คล้ายลิงขนดกสู่มนุษย์ที่ยืนตัวตรงด้วยสองขาหน้าตาคล้าย “คนปัจจุบัน” ก็จะลอยเข้ามาในหัว แต่รู้ไหมว่าจริงๆ แล้ววิวัฒนาการของเรานั้นยังไม่สิ้นสุดแม้จนกระทั่งวันนี้!
Dr. Virpi Lummaa จากภาควิชาวิทยาศาสตร์ด้านพืชและสัตว์จากมหาวิทยาลัยเชฟฟิลด์ (Sheffield) แห่งสหราชอาณาจักรอังกฤษ กล่าวว่า “คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดว่าวิวัฒนาการของมนุษย์เกิดขึ้นและสิ้นสุดไปเป็นเวลานานแล้ว และเพื่อเข้าใจร่างกายของเราเองเราต้องมองย้อนกลับไปในสมัยโบราณ”
ด้วยความก้าวหน้าทางการศึกษาและเทคโนโลยี จึงมีหลักฐานมากมายที่สามารถบอกได้ว่ามนุษย์เรากำลังวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องไม่เคยหยุด ยีนของเราเปลี่ยนแปลง การกลายพันธุ์ก็กำลังเกิดขึ้น และไม่ใช่เพียงเท่านั้น แต่เรากำลังวิวัฒนาการอย่างรวดเร็วกว่าเดิมอีกด้วย เราพัฒนาอย่างรวดเร็วถึง 100 เท่าเมื่อเทียบกับวิวัฒนาการเมื่อ 10,000 ปีก่อน!
และนี่คือหลักฐานสำคัญ 5 ประการที่แสดงให้เห็นวิวัฒนาการที่กำลังเปลี่ยนแปลงของมนุษย์
1. การดื่มนม
โดยทั่วไปแล้ว ความสามารถในการย่อยแลคโทสที่อยู่ในนมจะสิ้นสุดลงเมื่อทารกถึงวัยที่จะเลิกดื่มน้ำนมจากอกของมารดา นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบางคนถึงดื่มนมแล้วปวดท้องหรือท้องเสีย แต่เมื่อมนุษย์มีการนำสัตว์ที่ให้น้ำนมอย่างวัว แพะ หรือแกะมาเลี้ยง ความสามารถในการย่อยน้ำนมในมนุษย์บางคนกลับถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ผลการศึกษาพบว่าผู้ที่เกิดกระบวนการเปลี่ยนแปลงในยีนได้ดีกว่าคนอื่นก็คือกลุ่มคนที่เกิดวิวัฒนาการจนสามารถย่อยแลคโทสในนมได้นั่นเอง
การศึกษาในปี 2006 พบว่าความสามารถในการย่อยแลคโทสถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องมา 3,000 ปีในแอฟริกาตะวันออก และปัจจุบันยีนของการย่อยแลคโทสกว่า 95% นั้นอยู่ในร่างกายของประชากรในแถบยุโรปตอนเหนือ
2. การสูญเสียฟันกราม
บรรพบุรุษของเรานั้นมีกรามที่ใหญ่กว่ามนุษย์ในปัจจุบันมาก เพื่อช่วยในการเคี้ยวบดอาหารที่เหนียวและแข็งอย่างรากไม้ ถั่ว หรือพืชชนิดต่างๆ และพวกเขายังต้องใช้ฟันในการฉีกเนื้อสัตว์เพื่อรับประทานอีกด้วย
ในปัจจุบันเรามีกระบวนการในการประกอบอาหารและอุปกรณ์การตัดแบ่งเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระของฟัน อาหารของเรานั้นนุ่มและเคี้ยวง่าย ฟันกรามซี่ใหญ่จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป จึงส่งผลให้ปากของเราไม่มีพื้นที่สำหรับ “ฟันคุด” เมื่อมันงอกออกมาหลายคนจึงเกิดการอักเสบจนต้องถอนทิ้ง แสดงให้เห็นว่าร่างกายของเรามีการเปลี่ยนแปลงและวิวัฒนาการเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสภาพความเป็นอยู่อยู่เสมอ และบางงานวิจัยก็เชื่อว่าในไม่ช้าฟันกรามของประชากร 35% ที่กำลังจะเกิดนั้นจะหายไปอย่างถาวร
3. การต่อต้านโรค
ในปี 2007 นักวิจัยได้ทำการค้นหาหลักฐานเพื่อมายืนยันถึงการวิวัฒนาการของมนุษย์ และได้มีการค้นพบยีนใหม่ที่สามารถต่อต้านโรคหลายชนิด เช่นยีนที่สามารถต่อต้านโรคมาลาเรียได้ ซึ่งยีนเหล่านี้พบได้มากในหมู่ชาวแอฟริกัน
นอกจากนี้ยังพบว่าการอาศัยอยู่ “ในเมือง” ทำให้เราเกิดวิวัฒนาการในการต่อต้านวัณโรคและโรคเรื้อนอีกด้วย ซึ่ง Dr. Ian Barnes ผู้ศึกษาด้านชีววิทยาจาก Royal Holloway แห่งมหาวิทยาลัยลอนดอนยืนยันว่า “มันคือตัวอย่างที่ชัดเจนที่สามารถยืนยันวิวัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์”
4. สมองที่เล็กลง
แม้หลายคนอาจจะเชื่อว่าขนาดของสมองที่ใหญ่โตคือหลักฐานของความเฉลียวฉลาดที่เหนือกว่าบรรดาสัตว์ทั้งหลาย แต่ในความเป็นจริงสมองของเรามีขนาดเล็กลงมาตลอด 30,000 ปี ขนาดโดยเฉลี่ยของสมองมนุษย์นั้นลดลงไปถึง 1,500 ลูกบาศก์เซนติเมตร ถึง 1,350 ลูกบาศก์เซนติเมตร หรือประมาณลูกเทนนิส
มีข้อสรุปหลายแนวทางสำหรับความจริงข้อนี้ นักวิจัยกลุ่มหนึ่งเชื่อว่าที่สมองมีขนาดเล็กลงเพราะเรากำลังฉลาดน้อยลงจริงๆ ตามประวัติศาสตร์แล้วขนาดของสมองมนุษย์ลดลงตามความเจริญและความซับซ้อนที่มากขึ้นของสังคม แสดงให้เห็นว่าความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้เราไม่ต้องใช้สมองเพื่อการใช้ชีวิตและการเอาตัวรอด
แต่ในทางกลับกันนักวิจัยบางกลุ่มก็เชื่อว่าสมองเราไม่ได้มีขนาดลดลงเพราะเราฉลาดน้อยลง แต่ขนาดที่เล็กนั้นกลับมีประสิทธิภาพมากกว่า เนื่องจากเมื่อมันเล็กลงแล้วมันจะสามารถทำงานได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่ว่าที่สมองเล็กลงก็เพื่อประโยชน์ของการวิวัฒนการและการปรับตัว สมองที่เล็กลงนั้นได้ลดความรุนแรงและป่าเถื่อนของเราลงไปเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในสังคม
5. ดวงตาสีฟ้า
ย้อนกลับไปยังต้นกำเนิดของมนุษย์ เราทุกคนล้วนมีดวงตาสีน้ำตาล แต่เมื่อ 10,000 ปีที่ผ่านมา ประชากรที่อาศัยอยู่ในแถบทะเลดำ (ยุโรป, เอเชียไมเนอร์ และดินแดนคอเคซัส) ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงในยีนที่ทำให้สีของดวงตากลายเป็นสีฟ้า แต่เหตุผลของการเปลี่ยนแปลงนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด มีทฤษฎีหนึ่งเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการทดสอบความเป็น “พ่อ” เนื่องจาก “เพศชายมีแรงกดดันในการวิวัฒนาการเพื่อไม่ให้สับสนกับลูกของชายคนอื่น” พวกเขาจึงดูแลเหล่าทารกตาสีฟ้าด้วยกันเท่านั้น เพราะเมื่อบรรพบุรุษตาสีฟ้าทั้งหมดเด็กก็จะไม่มีโอกาสมีดวงตาสีน้ำตาล และยังเป็นเหตุผลที่สามารถสนับสนุนการทดลองที่พบว่า “ชายตาสีฟ้าจะรู้สึกว่าหญิงตาสีฟ้ามีเสน่ห์และแรงดึงดูดมากกว่าหญิงตาสีน้ำตาล ในขณะที่ชายและหญิงตาสีน้ำตาลไม่รู้สึกเช่นนั้น”
ที่มา: mentalfloss, ภาพ: inspirationfeed,pinterest
พ่อแม่ต้องใจแข็ง! 2 เรื่องที่ลูก ‘ขอแล้วห้ามให้’ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจเช็ดหัวเข่าตอนบั้นปลายชีวิต
บทสรุปสุดท้ายคดี นัทปง หลักฐานชัด วงจรปิดในห้องเห็นทุกอย่าง
ซงเฮเคียว 20 ปีก่อนถูกขุดอีกครั้ง—งดงามจนโลกโซเชียลสะเทือน นี่คนจริงหรือเทพอวตาร
เขมรเดือด! ร้องสถานทูตฝรั่งเศส สอบนักข่าว France 24
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ วันที่การเมืองไทยนั้นแสนวุ่นวาย แต่ก็ชวนให้แอบขบขันอยู่นิดๆ จังหวะโบ๊ะบ๊ะเหลือเกินเด้อครับเด้อ
เขมรใช้โดรน สงครามยูเครน ในการรบ เผยหลักฐานโดรนพลีชีพ
Wall Friction: เทรนด์ผนังที่วัยรุ่นกำลังอินสุด ๆ
สวยเกินเบอร์! เปิดตัว ‘เจ้าหญิงซัมซุง’ โตเป็นสาวเต็มตัว—เรียบหรู ดูแพง เก่งครบสูตร สมฐานะทายาทอาณาจักรระดับโลก
ดับฝันคนรอ "คนละครึ่งเฟส 2" ปิดจ๊อบพร้อมการยุบสภา
ผบ.ทหารปากีเผย "เราจะตอบโต้ผู้ที่ก่อสงครามกับเรา ด้วยวิธีการเดียวกับที่เราใช้เดือนพ.ค.!!"
ผักดอง ผักกระป๋อง ของรักสายเฮลตี้ ที่ทำไตพังแบบเงียบๆ
ชื่นใจทั้งบ้าน! น้ำหวาน กรรณาภรณ์ ใส่ ‘ชุดเจ้าสาวแม่วัยสาว’ ที่เก็บไว้ 43 ปี—ภาพการ์ดงานแต่ง ทำพ่อแม่ยิ้มไม่หุบ
ดับฝันคนรอ "คนละครึ่งเฟส 2" ปิดจ๊อบพร้อมการยุบสภา
Wall Friction: เทรนด์ผนังที่วัยรุ่นกำลังอินสุด ๆ
เพชรน้ำตาล วีวินยิมส์ นักชกดาวรุ่งที่เพิ่งชนะในรายการ ONE เสียชีวิตอย่างกะทันหัน สาเหตุยังไม่ชัดเจน
ซงเฮเคียว 20 ปีก่อนถูกขุดอีกครั้ง—งดงามจนโลกโซเชียลสะเทือน นี่คนจริงหรือเทพอวตาร
เขมรใช้แผน "นารีพิฆาต" ปลอมเป็นสาวสวย..หวังล้วงพิกัดฐานทัพฝั่งไทย







