10 บุคคนที่ประกาศว่าตัวเองนั้น นักเดินทางข้ามเวลา
1.หลวงพ่อเพลเลกรีโน
นักบวชโรมันคาทอลิคในประเทศอิตาลี ที่มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องการปราบผีและการไล่ปีศาจ ในช่วงปี 1960 หลวงพ่อได้อ้างว่าเขาและนักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกหลายคนสามารถสร้าง Chronovisor เป็นอุปกรณ์ที่ทำงานคล้ายกับโทรทัศน์ มีคันโยกและตัวควบคุมอื่นๆ สำหรับเลือกเวลาและสถานที่จะดู (ไม่ใช่ไทม์แมชชีน แต่ เป็นเครื่องที่เอาไว้ฉายภาพเหตุการณ์อดีตและอนาคต) ซึ่งหลวงพ่อและพยานหลายคนอ้างว่า ตนเองได้เห็นภาพอดีตที่เกิดขึ้น เช่น การตายของพระคริสต์บนไม้กางเขน!
2.บิลลี่ ไมเออร์
ชายผู้นี้อ้างว่า เขาได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวตั้งแต่ตนเองนั้นอายุเพียง 5 ขวบ ที่สก๊อตแลนด์ บิลลี่เล่าว่า “ผมได้พบกับมนุษย์ต่างดาวหลายตัวมากมาย และพวกเขายังพาผมย้อนเวลาไปดูเหตุการณ์ต่างๆของโลกเราอีกด้วยนะ และผมยืนยันได้เลยว่า สงครามโลกครั้งที่3 จะต้องเกิดขึ้นเร็วๆนี้แน่นอน
3.Dr.ฌาคส์ วาเล
นักวิทยาศาสตร์ชาวฝรั่งเศสที่เป็นนักสืบสวนยูเอฟโอและปรากฏการณ์แปลกประหลาดมากมายบนโลกที่หาคำอธิบายไม่ได้ อีกทั้งยังเป็นผู้ที่คิดทฤษฏีที่เชื่อว่ายูเอฟโอนั้นแท้ที่จริงแล้วมาจากต่างมิติ หรือก็คือผู้ที่มาจากอนาคตนี้เอง ด๊อกเตอร์ไม่ได้เป็นผู้ท่องเวลา แต่ด๊อกเตอร์ยืนยันว่าเขาเป็นพยานได้ว่ามนุษย์ต่างดาวสามารถท่องเวลาได้จริง (ด๊อกเตอร์ฌาคส์ วาเล เป็นผู้พัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ของยานสำรวจดาวอังคารของนาซ่า)
4.ชาร์ลอส แอนด์ โมเบอร์ลี และ เอเลเนอร์ จอร์แดน
ทั้งสองอ้างว่าได้เกิดปรากฏการณ์ สลิปเวลาขึ้นกับพวกเธอ(การเดินทางข้ามเวลาชั่วขณะหนึ่ง) ทำให้พวกเธอท่องไปในอดีตกว่า 100 ร้อยปีที่แล้ว ได้เห็นความเป็นมาในอดีตอย่างมากมาย ซึ่งเรื่องของเธอนั้น ถูกนำมาเขียนเป็นหนังสือชื่อเรื่องว่า “Elizabeth Morison and Frances Lamont”
5.บ๊อบ ไวต์ หรือ ทิม โจนส์
เรื่องนี้เป็นที่ฮือฮาอย่างมากในโลกอินเทอร์เน็ตเมื่อปี 2003 มีเมลประหลาดๆอยู่ฉบับหนึ่งของนาย Bob White หรืออีกชื่อหนึ่งคือ Tim Jones โดยบอกว่าต้องการหาคนที่สามารถจัดหา “Dimensional Warp Generator” (เครื่องย้ายมิติ) แลกกับเงิน 5,000 ดอลลาร์ ซึ่งเขาว่าเป็นนักท่องเวลาที่ติออยู่ในปี 2003 และต้องการหาชิ้นส่วนจากนักท่องเวลาคนอื่นๆ เพื่อประกอบเป็นเครื่องท่องเวลา ซึ่งอีเมล์ดังกล่าวทำให้มีผู้สนใจ อ้างว่ามีอุปกรณ์ท่องเวลา เช่น เครื่องกำหนดไฟฟ้ามิติแปรปรวน (the requested dimensional warp generator)ในที่สุดก็มีคนเสนอเขา และให้นัดแลกเปลี่ยนสินค้าอยู่ที่บอสตัน แทสซาซูเซต น. วันที่ 28 กรกฎาคม 2003 เวลา 3.00 ซึ่งมีผู้สนใจไปรอการปรากฏตัวของพวกเขา หากแต่ปรากฏว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
6.พลอากาศโท เซอร์ วิคเตอร์ กอดดาร์ด
เรื่องราวต่อไปนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงซึ่งต่อมาถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ “The Night My Number Came Up“ ซึ่งภาพยนตร์ได้นำการผจญภัยของพลอากาศโท เซอร์ วิคเตอร์ กอดดาร์ดในสมัยที่เขาอยู่ในกองทัพอากาศ
ในปี ค.ศ.1935 พลอากาศโท เซอร์ วิคเตอร์ กอดดาร์ด แห่งกองทัพอากาศของอังกฤษ ได้มีขับเครื่องบินปีกสองชั้นรุ่น Hawker Hart ของเขา จากเมืองเอดินเบิร์ก ประเทศสก็อตแลนด์ กลับไปยังฐานทัพของเขาที่เมืองเอ็นโดเวอร์ ประเทศอังกฤษ) ระหว่างทางเขาได้พบพายุประหลาด ที่ทำให้เครื่องบินของเขามีปัญหาเขาพยายามที่จะออกไปพายุและแล่นกลับไปสนามบินร้างที่เขาพึ่งออกมา
ก็ปรากฏว่า สนามบินร้างนั้นมันกลับมีสภาพแตกต่างไปจากที่เขาพึ่งออกมาโดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นโรงเก็บเครื่องบินเหล่านั้นยังดูใหม่ ซ้ำมีเครื่องบินในแบบที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ที่ไม้แขวนเสื้อพบเครื่องแบบพวกนั้นทั้งหมดก็ล้วนเป็นสีน้ำเงิน ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นสีน้ำตาล และเมื่อเขาบินออกจากสนามบินก็พบพายุประหลาดนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันได้ส่งเขากลับสู่เส้นทางปกติ สี่ปีต่อมาเขาก็พบว่ากองทัพได้เปลี่ยนชุดเป็นสีน้ำเงิน และเครื่องบินในแบบที่เขาเห็น เขารู้ทันที่ว่าเขาได้ท่องเวลามายังอนาคตในสี่ปีต่อมา และเขาได้เขียนประสบการณ์ของเขาลงไปและมันก็ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ในที่สุด
7.เจ.เบอร์นาร์ด ฮุตตั้น และ โจอาคิม แบรนด์
ในปี 1932 สองนักข่าว ได้ถูกจ้างให้ทำเรื่องเกี่ยวกับอู่ต่อเรือ ฮัมบวร์ก อัลโตน่า และขณะที่ผู้บริหารของอู่เรือกำลังพาทั้งสองเดินเที่ยวชมอยู่นั้น พวกเขาก็พบภาพหลอนเมื่อพวกเขาพบว่าอยู่ท่ามกลางการโจมตีทางอากาศอย่างหนัก เกิดเหตุระเบิดไปทั่วและมีเสียงยิงปืนต่อต้านอากาศยาน พวกเขาหวาดกลัวและขับออกมาจากอู่เรือดังกล่าว จนกระทั่งพบว่าอู่ต่อเรือกลับมาเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิบเอ็ดปีต่อมาพวกเขาก็พบว่าเหตุการณ์ที่พวกเขาเห็นนั้นมันคือเหตุการณ์ในอนาคตการที่อังกฤษทิ้งระเบิดโจมตีฮัมบูร์กในสงครามโลกครั้งที่สองนั้นเอง!
8.ด็อกเตอร์โรนัลด์
ศาสตราจารย์ฟิสิกส์ของมหาลัยคอนเนตทิคัต เป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่กี่คนที่ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ว่าการเดินข้ามกาลเวลาสามารถเกิดขึ้นได้ และเขาเองก็ลองพยายามสร้างไทม์แมชชีนด้วยเหมือนกัน โดยใช้ทฤษฎีสัมพัทธภาพ ของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ซึ่งเขาประกาศว่ามันการเดินทางข้ามกาลเวลาจะสามารถเกิดขึ้นจริงในศตวรรษที่ 21
9.นักท่องเวลาในยุค แชปลิน
มีภาพหนึ่งที่แพร่ระบาดไปในอินเทอร์เน็ต เมื่อมีคนอัฟเกรดวีดีโอคลิป “นักท่องเวลาในยุค แชปลิน” กล่าวคือมีรูปถ่ายหนึ่งในปี 1928 เป็นภาคที่ปรากฏในภาพยนตร์ชาลี มีจุดหนึ่งที่มีผู้หญิงกำลังเดินและที่มือของเธอถือวัตถุหนึ่งแนบบนหูของเธอ ซึ่งอุปกรณ์สีดำดังกล่าวผู้ชมเชื่อว่าเป็นโทรศัพท์ ทำให้หลายคนเชื่อว่าเธอเป็นนักท่องกาลเวลา หากแต่หลายฝ่าอกว่ามันคือเครื่องช่วยฟังหรือไม่ก็แตรหูมากกว่า
10.ชายผู้สวมแจ๊คเก๊ต
(ภาพนี้เพื่อนๆคงจะคุ้นตากันเยอะแล้ว แต่ความจริงเป็นแบบนี้นะครับ) ที่พิพิธภัณฑ์ Bralorne Pioneer Museum มีรูปถ่ายใบหนึ่งที่ถ่ายในปี 1941 เป็นวันเปิดให้ใช้บริการสะพานโกลด์ ในบริติชโคลัมเบีย แคนาดา ซึ่งเวลานั้นเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว โดยสังเกตว่ามีชายคนหนึ่งในฝูงชน แต่งกายแปลกๆ เขาใส่เสื้อแจ๊กเกตทับ สวมแว่นตา และทรงผมล้ำสมัย อันเป็นแฟชั้นที่ยุคนั้นยังไม่มี ที่สำคัญในภาพชายคนดังกล่าวยังสวมกล้องถ่ายรูปพกพาที่สมัยนั้นยังไม่มี อย่างไรก็ตามจากการวิเคราะห์แล้วพบว่าแฟชั่นดังกล่าวไม่ได้ล้ำสมัยมาจากโลกอนาคตอย่างที่คิด เช่นรูปแบบแว่นกันแดดนั้นคล้ายกับบภาพยนตร์เรื่อง Barbara Stanwyck ในอีกสามปีต่อมา ส่วนเสื้อผ้าหากมองใกล้ๆ จะเห็นว่าเป็นเสื้อผ้าที่พบเห็นทั่วไปในเวลานั้น ทำให้ภาพดังกล่าวเป็นเพียงความเข้าใจผิดที่เผยแพร่ระบาดในอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
แล้วเพื่อนๆหล่ะครับ มีความคิดเห็นอย่างไรบ้าง ในเรื่องไทม์แมชชีน และการเดินทางข้ามเวลา มันจะมีจริงมั้ย? มนุษย์เราจะสามารถสร้างเครื่องย้อนเวลาได้จริงรึเปล่า? แล้วถ้ามันมีจริงโลกเราจะวุ่นวายหรือไม่? ลองคิดเล่นๆกันดูนะครับ