8 ที่เที่ยวเล็กๆ แต่สุดขิลล์ที่สุดในโลก
8 ที่เที่ยวเล็กๆ แต่สุดขิลล์ที่สุดในโลก
ชีวิตในเมืองใหญ่มักจะวุ่นวาย มีแต่ความเร่งรีบ ต้องวิ่งแย่งแข่งขันกัน เพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งคำว่าเงิน ใช้ชีวิตโดยให้เงินเป็นผู้กำหนดชีวิต ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดขึ้นกับทั้ง 12 สถานที่เล็ก ๆ ในโลกใบนี้ ตามที่ planetbluetravel ได้รวบรวม 12 หมู่บ้านซึ่งใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างเงียบสงบ ชีวิตพวกเขาจะมีความสุขแค่ไหน ไปดูกันเลย
หมู่บ้าน Huacachina ประเทศเปรู
ใครจะไปเชื่อว่ากลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ที่ดูแห้งแล้งไร้ซึ่งชีวิตของทุกสรรพสิ่ง มันจะซ่อนแหล่งน้ำเล็ก ๆ ซึ่งก่อเกิดให้เกิดหมู่บ้านอันเงียบสงบกลางทะเลทรายอย่าง Huacachina ขึ้นมาได้ ซึ่งจากเมือง Ica ใช้เวลาเพียง 10 นาทีเท่านั้นในการเดินทางมายังที่แห่งนี้ ภายในหมู่บ้าน Huacachina มีประชากรอยู่เพียงแค่ 115 คนเท่านั้น ซึ่งล้อมรอบไปด้วยต้นปาล์มและเนินทราย โดยมีทะเลสาบอยู่ที่ใจกลางของหมู่บ้าน มี ร้านอาหารที่พักอยู่โดยรอบทะเลสาบ นักท่องเที่ยวสามารถพักได้ทั้งใน Huacachina และในตัวเมือง Ica ซึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมอย่างมากก็คือ การเล่นกระดานบนเนินทราย เพราะพื้นที่โดยรอบเป็นเนินทรายสูง จึงเหมาะที่จะทำกิจกรรมดังกล่าวมากที่สุด
เมือง Monemvasia ประเทศกรีซ
เมือง Monemvasia ตั้งอยู่ในเขตของ Laconia ห่างจากชายฝั่งประมาณ 400 เมตร ซึ่งถูกแยกออกโดยเหตุการณ์แผ่นดินไหวในปี ค.ศ. 375 จึงทำให้มันกลายเป็นพื้นที่ที่เงียบสงบ เหมาะแก่การปลีกวิเวกที่สุด คำว่า Monemvasia เกิดจากการรวมกันของคำว่า mone และ emvassi มีความหมายว่า ทางเข้าด้านเดียว ภายใน Monemvasia ประกอบไปด้วยบ้านเรือนกว่า 800 หลัง มีลักษณะสถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ตาม สไตล์กรีซ ใช้หินในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน ถูกโอบล้อมด้านชายฝั่งด้วยกำแพงในยุคกลาง เป็นอีกหนึ่งเมืองที่จะทำให้คุณหลงลืมแสงสีจากเมืองใหญ่ไปได้อย่างง่ายดาย
เมืองซาปา ประเทศเวียดนาม
เมืองเล็ก ๆ ที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขาและนาข้าวขั้นบันได อยู่ในจังหวัดหล่าวกาย (Lao Cai) ทางด้านเหนือของประเทศเวียดนาม ติดกับสาธารณะรัฐประชาชนจีน ห่างจากเมืองฮานอยเพียงแค่ 350 กิโลเมตรเท่านั้น อากาศที่เย็นสบายไปถึงขั้นหนาวเย็นไปช่วงฤดูหนาว ทำให้ซาปาเป็นเมืองตากอากาศที่ดีที่สุดอีกเมืองหนึ่งของประเทศเวียดนาม ในฤดูหนาวบางปีอุณหภูมิจะลดลงไปถึงขั้นติดลบ และบางครั้งก็มีหิมะตกลงมา โปรยปรายให้ได้ชื่นชมกันอีกด้วย คนท้องถิ่นส่วนใหญ่ยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนาข้าว ปลูกข้าวโพด ธัญพืช มีการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมไว้อย่างดี นั่นจึงทำให้นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัส กับวิถีชีวิตที่แท้จริงของคนท้องถิ่นที่ปราศจากการปรุงแต่งใด ๆ สามารถเติมพลังกาย พลังใจได้อย่างเต็มที่
เกาะ Uros floating เมืองปูโน ประเทศเปรู
ใครที่เบื่อกับการอยู่ในเมืองใหญ่หรูหรา มีแต่แสงสีและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ต้องลองมาเยี่ยมชมวิถีชีวิตของชาวอินคาในกลางทะเลสาบ Titicaca แห่งเมืองปูโน ประเทศเปรู ชาวบ้านที่นี่ไม่ได้มีบ้าน เรือนที่ก่อสร้างมาจากอิฐ หิน ปูน หรือโครงสร้างเหล็กที่มั่นคง เขาใช้เพียงแค่ต้นไม้ที่ขึ้นในทะเลสาบ นั่นก็คือ ต้นกก (totora reeds) นำมาร้อยเรียงผูกมัดเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นเกาะกลางทะเลสาบ พร้อมกับ บ้านเรือนที่สร้างมาจากต้นกก เรียกได้ว่าแทบจะทุกสิ่งบนเกาะแห่งนี้ถูกสร้างมาจากรต้นกกทั้งสิ้น รวมไปถึงเรือที่ชาวบ้านใช้ในการสัญจรไปมาก็ทำมาจากต้นกกด้วยเช่นเดียวกัน ภายในเกาะไม่มีน้ำปะปา ไม่มี ไฟฟ้าใช้ มีเพียงแค่พลังงานที่มาจากแสงอาทิตย์เท่านั้น ชาว Uros ยังคงมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิม ยังคงนุ่งห่มเสื้อผ้าและทำมาหากินแบบโบราณ เป็นสถานที่ที่จะทำให้คนเมืองใหญ่ได้มาเรียนรู้ถึงคุณค่าของชีวิตได้ อย่างดีเลยทีเดียว
หมู่บ้าน Vallone di Furore ประเทศอิตาลี
หมู่บ้านชาวประมงเล็ก ๆ ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เหนือทะเลสีฟ้าครามอันกว้างใหญ่ หมู่บ้านแห่งนี้ตั้งเรียงรายลดหลั่นจากยอดเขาสู่ริมทะเล โครงสร้างยังคงเป็นหินแกร่ง รูปแบบโบราณ มีสะพานหินพื่อเชื่อมต่อ ระหว่าง Praiano และ Amalfi มีชายหาดเล็กๆ ไว้สำหรับการนอนอาบแอดดและลงเล่นน้ำ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของทั้งชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
หมู่บ้าน Bandiagara สาธารณรัฐมาลี
หมู่บ้านรูปทรงมหัศจรรย์ที่สร้างอยู่บนหน้าผาและที่ราบ ใช้เพียงหินทรายในการก่อสร้างบ้านที่พักอาศัย มีทั้งหมดมากกว่า 289 หลังคาเรือน บ้านเรือนของพวกเขาจะตั้งอยู่ทั้งที่ริมหน้าผา ที่ราบสูง และใต้หน้าผา บ้านบางหลังมี 2 ชั้น ด้านหน้าจะเป็นระเบียง มีการตกแต่งประตูและหน้าต่างให้มีลวดลายแบบพื้นเมือง ชาวบ้านที่นี่จะเรียกว่า Dogons พวกเขาจะใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ ได้รับการบันทึก ให้เป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1989
หมู่บ้าน Undredal ประเทศนอร์เวย์
ถ้าต้องการความสงบจากธรรมชาติโดยแท้จริง ก็ต้องไปพลาดกับหมู่บ้านแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ใน Fjord ซึ่งเป็นอ่าวที่อยู่ระหว่างภูเขาสูง เงียบสงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีสถานที่ที่น่าสนใจก็คือ คริสต จักรทรงสูงที่มีขนาดเล็กที่สุดในแถบยุโรป หมู่บ้านแห่งนี้มีประชากรเพียงแค่ประมาณ 100 คนเท่านั้น มีอาชีพเกษตรกรรมและทำฟาร์มแพะ ซึ่งชีสนมแพะของที่นี่มีชื่อเสียงมาก นักท่องเที่ยวนิยมที่จะล่องเรือเข้ามา เพื่อการสูดอากาศบริสุทธิ์และพักผ่อน ซึ่งมันคือวิธีเดียวที่จะเข้าถึงหมู่บ้านที่งดงามแห่งหนึ่งของโลกนี้ได้
เกาะ Mykines หมู่เกาะ Faroe Archipelago ประเทศเดนมาร์ก
เขาว่ากันว่าหากต้องการที่จะหาความสงบจริง ๆ ต้องไปติดเกาะ ดังนั้นเกาะ Mykines จึงเป็นตัวเลือกอันดับต้น ๆ ของนักเดินทางที่เรียกร้องหาความสงบสุขให้กับชีวิตจริงๆ ความมหัศจรรย์ของมันคือการตั้งอยู่อย่าง สง่างามกลางมหาสมุทร ภายในเกาะอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพรรณนานาชนิดและนกทะเลมากมาย ซึ่งมันจะดูเขียวขจีไปตลอดช่วงหน้าร้อน ในหมู่บ้านกำลังจะมีโรงแรมที่พัก แกลอรี่เล็กๆ การเดินทางไปยังเกาะ แห่งนี้สามารถเดินทางด้วยเรือในช่วงฤดูหนาวต้องใช้เฮลิคอปเตอร์เท่านั้น ซึ่งจะบินทุกๆ วันพุธ วันศุกร์ และวันอาทิตย์
ฃ