ตามรอยต้นน้ำคงคา สู่เชิงผาหิมพานต์ หุบเขาแห่งดอกไม้ เมืองนิวเดลี
ตามรอยต้นน้ำคงคา สู่เชิงผาหิมพานต์ หุบเขาแห่งดอกไม้ เมืองนิวเดลี
**เมืองนิวเดลี New Delhi** จุดหมายแรกของทริป
เมืองเดลีเป็นเมืองหลวงเก่าแก่ของอินเดีย ประมาณการณ์ว่าก่อสร้างเมื่อ 5000 ปีก่อนคริสตกาล ส่วนสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดที่ค้นพบในปัจจุบันมีอายุประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล มีเมืองโบราณหลายแห่งถูกขุดพบในเขตการปกครองเดลีในปัจจุบัน พื้นที่เขตเดลีเป็นศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรอินเดียโบราณถึง 7 อาณาจักร
**กรุงนิวเดลี New Delhi**
หลังจากสหราชอาณาจักรได้ยึดครองอินเดียเมื่อ ค.ศ. 1857 ได้ย้ายเมืองหลวงไปยังกัลกัตตา แต่เดลีก็ได้กลับมาเป็นเมืองหลวงอีกครั้งใน ค.ศ. 1911 โดยมีการสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา และใช้ชื่อว่านิวเดลี New Delhi นิวเดลีเป็นที่ตั้งของรัฐบาลอินเดียหลังได้รับอิสรภาพเมื่อ ค.ศ. 1947
**วัดอัครชาดาม Akshadham Temple**
เป็นวัดฮินดูที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สร้างขึ้นโดยองค์กร BAPS โดย ประมุข สวามี มหาราช Pramukh Swami Maharajวัดนี้สร้างเพื่ออุทิศแด่ ท่านสวามีนารายัน Lord Swaminarayan ผู้นำนิกาย สวามีนารายัน Swaminarayan ของศาสนาฮินดู ในวาระครบรอบ 200 ปี (ค.ศ. 1781-1981)
ท่านสวามีนารายัน Lord Swaminarayan
วัดนี้เป็นศูนย์รวมเกี่ยวกับอารยธรรมอินเดีย และมีการแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวัฒนธรรมและศิลปะต่างๆ อาทิเช่น รูปปั้นการกวนเกษียรสมุทรของยักษ์ และเทวดา รวมถึงรูปปั้นหรือแกะสลักอันสวยงามวิจิตรอีกมากมาย
รูปแกะสลักอันอ่อนช้อยงดงามที่มีอยู่ทั่วบริเวณซึ่งไม่น่าแปลกใจเลยที่วัดแห่งนี้ใช้สถาปนิกจำนวนกว่า 7,000 คน และใช้เวลาสร้างกว่า 5 ปี
**ป้อมแดง Red Fort (Lal Qila) แห่งกรุงนิวเดลี**
หรือที่คนอินเดียทั่วไปเรียกว่า ลาล ขีลา (ลาล-แดง ขีลา-ป้อมปราการ) สร้างขึ้นจากหินทรายแดง เป็นพระราชวังของชาห์ เจฮัน พระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งของราชวงศ์โมกุล (องค์เดียวกับที่ทรงสร้างทัช มาฮาล)
ป้อมแดงขนาดใหญ่ในอินเดีย มีอยู่ 2 แห่ง คือที่เดลี และอัคราซึ่งอยู่ห่างจากเดลี ประมาณ 200 กิโลเมตร ป้อมแดงที่เดลีเป็นป้อมปราการมีขนาดใหญ่มาก วัดรอบกำแพงทุกด้านเป็นความยาวถึง 1 ไมล์ครึ่ง กำแพงด้าน แม่น้ำยมุนาสูง 60 ฟุต ด้านอื่นสูงบ้างต่ำบ้างไม่เท่ากัน กำแพงบางแห่งสูง 75 ฟุต บางแห่งสูงถึง 110 ฟุต กำแพงด้าฝั่งแม่น้ำยมุนา มีคลองส่งน้ำเข้ามายังคูรอบๆกำแพงป้อม
ป้อมปราการแห่งนี้สร้างขึ้นในยุคศตวรรษที่ 17 โดยกษัตริย์แห่งราชปุต คือ พระเจ้า Prithviraj Chauhan ภายในกำแพงเมืองของเดลฮี และหลังจากเมืองราชปุต ถูกพิชิตลงอย่างราบคาบแล้ว ที่นี่ก็ได้กลายเป็นที่ประทับของมหาราชาแห่งราชวงศ์โมกุล โดยพระเจ้าชาห์ เจฮัน ทรงโปรดให้บูรณะป้อมแดงในปี พ.ศ. 2181 (ค.ศ. 1638) ใช้เวลาสร้าง 10 ปีเสร็จในปี พ.ศ. 2191 หลังจากนั้นก็มีการก่อสร้างเพิ่มเติมมาเรื่อยๆอีกหลายครั้งหลังจากรัชสมัยของพระเจ้า ชาร์ เจฮาล และการก่อสร้างเพิ่มครั้งใหญ่เกิดขึ้นในสมัยพระเจ้า Aurangzeb และอีกหลายครั้งภายใต้การปกครองของราชวงศ์โมกุล นับถึงปัจจุปันมีอายุกว่า 350 ปี
ป้อมแห่งนี้เป็นเมืองหลวงแห่งใหม่ และเป็นสิ่งก่อสร้างของกลุ่มสถาปัตยกรรมที่เรียกว่า Shahjahanabad ที่มีขนาดมโหฬารแห่งที่ 7 ในเดลฮี ... พระเจ้าชาร์เจฮาลได้ย้ายเมืองหลวงจากเมืองอัครามาที่นี่ เพื่อเป็นเกียรติยศแห่งราชวงศ์ของพระองค์ อีกทั้งเป็นการสนองพระประสงค์ที่สูงส่งในการสร้างสิ่งก่อสร้างที่อลังการที่พระองค์ชื่นชอบ ป้อมแดงนี้ทำหน้าที่เป็นเมืองหลวงของราชวงศ์โมกุลมายาวนาน จนถึงปี 1857 เมื่อจักรพรรดิแห่งโมกุลในขณะนั้น คือ พระเจ้า Bahadur Shah Zafar ถูกขับไล่ให้ออกไปโดยรัฐบาลผสมของอินเดียและอังกฤษ
**ท้องพระโรง หรือ ดิวันอิอัม Diwan-I-Am**
เป็นที่ออกขุนนางชั้นนอก มีราชบัลลังก์ หินอ่อนอยู่ด้านใน เป็นที่พระเจ้าแผ่นดินประทับเวลาออกขุนนาง ผนังห้องราชบัลลังก์ฝังหินสีต่าง ๆ ซึ่งเป็นลวดลายนก ดอกไม้คล้ายของจริงมากที่สุด และยังคงสวยงามไม่ลบเลือน
ราชบัลลังก์ หินอ่อน ในดิวันอิอัม
ลวดลายที่ยังคงงดงามอยู่
**ตำหนักส่วนพระองค์ รังคมาฮาล Rang Mahal**
เป็นที่ทรงพระสำราญหลังการออกขุนนาง และฝ่ายในจะคอยเฝ้าที่นี่
ภายในตำหนักส่วนพระองค์ รังคมาฮาล Rang Mahal
**พระที่นั่งเฝ้าชั้นใน ดิวันอิขาส Diwan-I-Khas**
สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว ฝีมือก่อสร้างประณีตกว่าพระที่นั่งชั้นนอก เพดานเป็นไม้แกะสลักสวยงาม
ภายในพระที่นั่ง ดิวันอิขาส Diwan-I-Khas มีพระแท่น ราชบัลลังก์ซึ่งเคยประดิษฐานราชบัลลังก์นกยูง ที่เรียกว่า Peacock Throne ทำด้วยทองคำแท้ ฝังเพชรนิลจินดาล้ำค่า (บัลลังก์นี้ถูก Nadir Shah กษัตริย์เปอร์เซียที่เข้ามาโจมตีอินเดียนำไปไว้ที่กรุงเตหะราน ประเทศอิหร่าน ในปี ค.ศ. 1739)
ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่