ชนเผ่าในเนปาลเสี่ยงอันตรายปีนหน้าผาสูงกว่า 400 ฟุต เพื่อแลกชีวิตกับ"รังผึ้ง"
ชนเผ่า Gurung ในประเทศเนปาล เป็นชนเผ่าในหุบเขาที่ได้รับฉายาว่า "พรานน้ำผึ้งแห่งหุบเขา" เพราะพวกเขาเป็นชนเผ่าที่ล่าผึ้งกัน
ซึ่งตามธรรมเนียมการล่ารังผึ้งของชนเผ่านั้น จะต้องขึ้นไปเก็บน้ำผึ้งและรังผึ้งบนหน้าผาสูง โดยไร้เครื่องป้องกันหรืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัยใดๆ มีเพียงแค่ตะกร้าและไม้ไผ่เท่านั้น
ซึ่งก่อนที่พวกเขาจะออกไปปีนหน้าผาเพื่อล่ารังผึ้งนั้น จะมีการทำพิธีบวงสรวงเทพเจ้า โดยการฆ่าแกะ และนำเนื้อแกะ ข้าว ผลไม้ ดอกไม้ ไปบูชาเทพเจ้าแห่งภูผาให้คุ้มครองให้ปลอดภัย
เริ่มแรกนั้นจะมีการสุมไฟให้เกิดควันบริเวณแถบหน้าผา เพื่อให้ผึ้งออกจากรัง
จากนั้นพรานน้ำผึ้งก็จะปีนขึ้นบันไดเชือก ไต่ไปตามหน้าผาเพื่อเก็บรังผึ้ง
เมื่อถึงเวลาที่ผึ้งออกจากรังกันหมดแล้ว พรานน้ำผึ้งก็จะตัดรวงผึ้งออกจากหน้าผา
โดยรังผึ้งที่อยู่บริเวณหน้าผานั้นจะอยู่สูงถึง 250 ฟุตขึ้นไป ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการเก็บรังผึ้งแต่ละครั้งนานกว่า 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว
พรานน้ำผึ้งจะมีอุปกรณ์แค่ตะกร้าที่ใช้ใส่รังผึ้ง กับไม้ไผ่ยาวเท่านั้นเพื่อใช้ในการแซะรังผึ้งออกจากหน้าผา
พรานน้ำผึ้งคนนี้ปีนขึ้นมาสูงกว่า 400 ฟุตแล้ว
การเป็นพรานน้ำผึ้งนั้นเป็นทักษะที่คนในชนเผ่าสืบทอดส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น และต้องใช้เวลาในการฝึกฝนเป็นเวลานานหลายปี
ภาพของพรานล่าน้ำผึ้งที่กำลังรอคอยเพื่ออยู่ข้างล่างหน้าผา
โดยรังผึ้งที่อยู่บริเวณหน้าผานั้นเป็นผึ้งสายพันธุ์ Apis laboriosa ที่จะอาศัยอยู่เฉพาะแถบเทือกเขาหิมาลัยเท่านั้น และเป็นผึ้งที่ตัวใหญ่ที่สุดในสายพันธุ์ผึ้งอีกด้วย
นี่คือรวงผึ้งสดๆ ที่เพิ่งถูกเก็บเกี่ยวมาได้
พรานน้ำผึ้งกำลังชื่นชมรวงผึ้งที่หามาได้
การถูกผึ้งต่อยจนเลือดตกยางออกนั้นกลายเป็นเรื่องธรรมดาของพวกเขา
เพื่อรักษารังผึ้งที่เป็นวิถีชีวิตของชนเผ่า พวกเขาพร้อมที่จะปกป้องอย่างเต็มกำลัง
เป็นวิถีชีวิตที่เรียบง่าย แต่กลับเสี่ยงอันตรายสุดๆ
รวงผึ้งและน้ำผึ้งที่ได้มานั้น ไม่ใช่แค่นำไปขายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเก็บไว้กินกันเองอีกด้วย