สมาธิทั้งเก้าระดับ ที่สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้มีอะไรบ้างมาดูกัน!!
ฌาน ๑. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ ฯ
อธิบายก็คือ สมาธิระดับแรกสุด อาการก็คือ จิตของท่านทั้งหลายยังคงมีเรื่องราวให้คิดอยู่นะครับ แต่เรื่องที่คิดนั้นเป็นเรื่องกุศลทั้งหมดทั้งสิ้น ไม่ได้คิดอกุศลแล้ว ง่ายที่สุด ส่วนคำว่า วิตกและวิจารนั้นหมายถึง การหยิบเอาเรื่องอันเป็นกุศลมาขบคิดนะครับ คือ เสียงต่างๆที่มันดังเข้ามาในหัวของเรานั่นแหละครับ เรียกว่าวิตกวิจาร บางทีก็ชอบคิดอดีต คิดปัจจุบัน คิดอนาคต คิดกลุ้มใจ คิดเรื่องหนี้สิน พ่อแม่ พี่น้อง คนรัก คิดอาฆาต คิดไปต่างๆ นานาๆ นี่เรียกว่า วิตกวิจาร ซึ่งสมาธิระดับแรกนี้ วิตกวิจารจะต้องมีแต่เรื่องกุศลนะครับ เช่น หยิบยกสายปฎิจสมุปบาทมาคิดแทน มาพิจารณาอย่างละเอียด เป็นต้น
ฌาน ๒. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุทุติยฌาน มีความผ่องใสแห่ง
จิตใจในภายใน เป็นธรรมเอกผุดขึ้นเพราะวิตกวิจารสงบระงับไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและ
สุขเกิดแต่สมาธิอยู่ ฯ
อธิบายก็คือ วิตกและวิจารดับไปแล้วนะครับ พูดภาษาง่ายๆ ก็คือ เสียงในหัว เสียงในจิตไม่มีแล้วครับ ไม่มีเรื่องราวให้คิด เงียบสนิท สงบนิ่ง จิตจับอยู่กาย จับอยู่กับลมหายใจเท่านั้น แต่ปีติและสุขยังคงมีอยู่ ...ปีตีและสุขที่ว่านี้ก็คือ เมื่อเรื่องราวๆ ต่างมันไม่ให้ต้องฟุ้งซ่าน ความสงบนิ่งนั้น ทำให้ท่านรู้สึกปีติและสุขนั่นเอง
ฌาน ๓. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ มีอุเบกขามีสติ มีสัมปชัญญะ
เสวยสุขด้วยนามกาย เพราะปีติสิ้นไป บรรลุตติยฌานที่พระอริยะทั้งหลายสรรเสริญว่า ผู้ได้
ฌานนี้เป็นผู้มีอุเบกขามีสติอยู่เป็นสุขดังนี้ ฯ
อธิบายง่ายๆก็คือ ปีติจะดับไปตัวเดียวนะครับ แต่สุขยังอยู่
ฌาน ๔. ดูกรผู้มีอายุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้ บรรลุจตุตถฌานไม่มีทุกข์ไม่มีสุข
เพราะละสุขละทุกข์ และดับโสมนัสโทมนัสก่อนๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ ฯ
อธิบายก็คือ สุขจะดับไป และลมที่ไหลเข้าไหลออกจะดับไป จิตมันเริ่มละเอียดมากขึ้น ท่านจะเริ่มไม่รู้สึกถึงลมหายใจตัวเองแล้ว แต่ยังหายใจอยู่นะครับ แต่ไม่รู้สึกแล้ว บางท่านตกใจ กลัวตาย รีบดึงสติกลับมาแล้วสูดหายใจใหญ่เลย ก็ต้องมาเริ่มต้นกันใหม่