เทคนิคการล้าง 2 ล้อคู่ใจให้เหมือนใหม่
หลายคนคงสงสัยว่า การล้างรถจักรยานยนต์นั้นมีขั้นตอนด้วยหรอ ฟังดูแล้วอาจจะแปลกๆ แต่ที่จริงแล้วการล้างรถที่ถูกต้องนั้นต้องเป็นไปตามลำดับ เพื่อให้ผลที่ออกมาดูสะอาดสะอ้านที่สุด และวันนี้ BoxzaRacingจะนำเกร็ดความรู้ดีๆสำหรับชาวสองล้อทั้งหลาย ที่ไม่ว่าจะเป็น Bigbike (บิ๊กไบค์) หรือรถมอเตอร์ไซค์ธรรมดา ก็สามารถนำไปใช้ได้ และรับรองว่าผลจะต้องออกมาเป็นที่น่าพอใจอย่างแน่นอน
ส่วนขั้นตอนนั้นไม่ยากเลย แค่เตรียมอุปกรณ์พื้นฐานดังนี้
- ผ้า 2 ผืน
- หัวฉีดน้ำ
- น้ำยาล้างรถ
- แรงกาย
ส่วนขั้นตอนการล้างมีดังนี้
1. เริ่มที่ฉีดน้ำอัดรถด้วยความแรงพอประมาณ ไม่แรงไป หรือเบาไป โดยเอามือลูบๆคราบดิน โคลนต่างๆ ให้หลุดออกจากรถหรือเหลือน้อยที่สุด
2. นำน้ำยาล้างรถที่เตรียมไว้มาล้างตามปกติ (ถ้าเป็นยี่ห้อที่สามารถกำจัดคราบหนักๆได้ จะดียิ่งขึ้น)
3. ล้างมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อคู่ใจของเรา จากส่วนบนลงมาล่าง โดยการใช้ผ้านุ่ม เช่นผ้าสำลี (ถ้าเป็นของใหม่ เราควรจะนำมาแช่น้ำไว้สักประมาณ 1 คืน และถ้าสามารถใส่น้ำยาปรับผ้านุ่มได้จะยิ่งดีใหญ่) ส่วนการล้างรถมอเตอร์ไซค์นั้น ขอแนะนำให้แบ่งผ้าออกเป็น 2 ผืน เหตุผลที่ต้องแยกเนื่องจาก โดยทั่วไปส่วนบนของรถจะมีฝุ่นน้อย ในขณะที่ด้านส่วนล่างของรถมีฝุ่นมาก (ไม่ควรใช้ฟองน้ำล้างรถ เพราะอาจจะมีเม็ดกรวด หิน ดิน หรือทรายติดอยู่)
โดยในส่วนของผ้าผืนแรกให้นำมาใช้ทำความสะอาดส่วนบนของตัวรถ เช่น ถังน้ำมัน แฟริ่ง กระจกทั้งสองด้าน หน้าปัดเรือนไมล์ เบาะ และแฟริ่งท้ายรถ เป็นต้น หลังจากนั้นให้ฉีดน้ำออกก่อนที่จะใช้ผ้าผืนที่ 2 มาทำความสะอาดต่อ (เพราะถ้าเราทิ้งไว้นานๆ แชมพูทำความสะอาดรถอาจจะแห้งและกลายเป็นคราบติดรถเราได้)
ต่อมาผ้าผืนที่ 2 ให้นำมาทำความสะอาดที่บริเวณส่วนล่างของตัวรถ เช่น โช๊คอัพหน้า โครงรถ เครื่องยนต์ ล้อหน้าและหลัง ต่อไปที่สวิงอาร์มหลัง ตามลำดับ หลังจากนั้นมาเช็ดต่อที่ส่วนบังโคลนและใต้ท้องรถรวมถึงโช๊คอัพด้านหลัง (เพราะส่วนหลังนี้อย่างที่รู้กันดีว่ามีคราบสกปรกเยอะที่สุดนั่นเอง)
4. ฉีดน้ำไล่น้ำยาล้างรถออกให้หมด จากนั้นใช้ลมมาทำการเป่าให้แห้ง (ถ้าใครมีปั๊มลมจะช่วยได้เยอะเลยในขั้นตอนนี้) และถ้าเป็นไปได้ อย่านำรถไปขับเพราะคิดว่าลมจะพัดจนแห้ง เพราะจะทำให้มีฝุ่น ดินทราย มาเกาะมากยิ่งขึ้น จากนั้นทิ้งไว้ 10-20 นาที เพื่อให้น้ำหยดลงด้านล่างให้หมด
5. ใช้ผ้าแห้งและเนื้อนุ่ม (หรือทำการพรหมน้ำหมาดๆ เพื่อให้ผ้ามีความนุ่มและอ่อนตัว) นำมาเช็ดรถให้แห้งทันที จะได้ไม่มีฝุ่นเกาะ และเพื่อไม่ให้เกิดคราบน้ำบนผิวสีของรถ
ข้อควรระวัง : ไม่ควรล้างรถคู่ใจกลางแดดจ้า เพราะจะทำให้น้ำยาล้างรถแห้งไว และจะเกิดเป็นคราบบนผิวสีของรถนั่นเอง.