หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

บ้านนอกเข้ากรุง VS ศิลปะการใช้ชีวิตในกทม...

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

คนกทม.มักจะมองคนต่างจังหวัดที่ถือของพะลุงพะลังเข้ามาหางานทำว่าบ้านนอกเข้ากรุง....เป็นคำเปรียบเปรยซึ่งการที่คนเรามาในถิ่นที่ไม่รู้จักและแปลกหูแปลกตา ก็ทำให้รู้สึกตื่นเต้นไปหมดจนถูกมองด้วยหางตาว่า....”บ้านนอก”

 

บ้านนอก....เข้ากรุง....

การอยู่ต่างจังหวัดก็มีวิถีชีวิตที่อิสระสบายๆมีความจริงใจ มีน้ำใจและรอยยิ้มให้กันเสมอ การเป็นอยู่ก็เรียบง่าย เมื่อมีความจำเป็นต้องเข้ามาเรียน ตามหาฝันหรือทำงานในกทม. มันเป็นความแปลกใหม่ชองชีวิตในหลายๆด้าน การปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของคนกรุงไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการเป็นอยู่ที่ทำอะไรก็ต้องเร็วกินเร็วเดินเร็วทำอะไรก็รวดเร็วไม่งั้นไม่ทัน เช่นการขึ้นรถเมล์ก็ขึ้นไม่ทัน จะลงก็ลงไม่ทันเลยป้ายตลอด การแต่งตัว อาหารก็คนละชนิดและผู้คนที่ชอบใช้สายตามองแบบให้คิดหวั่นใจทางลบ คนบ้านนอกเข้ากรุงอย่างเราถูกปลูกฝังความคิดมาจากบ้านว่าระวังจะโดนหลอกนะ..คนกรุงปากหวานแต่เชื่อไม่ได้อย่าไว้ใจใคร?

 

ด้วยความที่ทั้งกลัวหลายๆด้านและแปลกถิ่น การแต่งตัว(ดีที่สุดแล้วนะ) แต่ก็ยังถูกมองว่าเป็นบ้านนอกเข้ากรุงแม้ว่าสำเนียงจะยังลืมถิ่นเกิดไม่ได้แต่ก็เป็นเอกลักษณ์ไม่เห็นต้องอายใคร?จริงไหม?

 

 

การเดินทาง

รถเมล์ เป็นเรื่องที่จำเป็นมากสำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว รถเมล์เป็นสิ่งที่คนมาอยู่ในกทม.ต้องรู้จักและเข้าใจที่จะอยู่ร่วมกันให้ได้เพราะจะไปทางไหน? ก็ต้องอาศัยรถเมล์ เราไม่มีเงินมากพอที่จะใช้แท็กซี่ได้บ่อยๆหรือมีรถขับเอง วัยสร้างตัวต้องประหยัดอดออม เพื่อจะได้เหลือเงินเก็บ รถเมล์มีหลายสาย หลายสี และหลายราคา ต้องศึกษาให้ดี เดี๋ยวนี้มีตั๋วรถเมล์แบบรายสัปดาห์ รายเดือน ถ้าเราต้องอาศัยรถเมล์เป็นประจำก็ใช้คุ้ม (แต่ใช้ได้เฉพาะรถขสมก.เท่านั้นใช้กับรถร่วมไม่ได้) และรถเมล์ฟรีก็มีเหมือนกันแต่มีน้อยบางเส้นทางเท่านั้น

 

 

รถเมล์ไทยมีความสามารถในการบรรทุกผู้โดยสารได้สุดยอดกระเป๋าบอกพี่ๆชิดในหน่อยค่ะ. ข้างหน้าถอยไปข้างหลังคนข้างหลัง ถอยไปข้างหน้า อัดกันจนคนที่อยู่ตรงกลางไม่มีที่ไป คนเป็นลมยังไม่ล้มเลย เนื่องจากคนเยอะยืนค้ำไว้ทุกด้าน มีคนบ่นดังๆว่าจะให้ขยับไปถึงไหน?แค่นี้ก็เบียดกันจนจะเป็นผัวเมียกันอยู่แล้ว (คนแน่นสุดๆถึงเรียกว่าอัดเป็นปลากระป๋องไง) กดช้าไม่จอด กดออดหลายครั้งแถมอีกป้ายบางคันเช่นรถเมล์สาย 8 ซิ่งยังกะรถแข่งจะเข้าเส้นชัย ผู้โดยสารสวดมนต์แล้วรีบลงป้ายหน้า

 

รถTaxi ถ้าท่านมาจากขนส่งไม่ว่าจะสายเหนือและสายอีสาน(หมอชิต) สายตะวันออก(เอกมัย) สายใต้ สิ่งแรกที่ควรจำ คืออย่าขึ้นรถแท็กซี่ที่คนขับรถลงมาถามหาผู้โดยสารว่าไปไหนบางทีก็ทำเป็นเนียนพูดภาษาบ้านเดียวกัน เพื่อความสนิทสนม อย่าไปเด็ดขาดเป็นแท็กซี่ป้ายดำเอาเปรียบผู้โดยสารและกลโกงค่าโดยสารต่างๆนาๆ ให้ระวังให้ดีอาจจะถูกหลอก

 

รถไฟฟ้ามหานคร เป็นความใฝ่ฝันของคนต่างจังหวัดที่เห็นออกทีวีบ่อยๆ อยากขึ้นบ้างจัง....ซึ่งก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่หลีกเลี่ยงในจุดที่รถแออัดได้ ต้องดูว่าเราต้องการจะไปลงที่สถานีไหน? กี่สถานี ซึ่งจะบอกว่ากี่บาท แล้วก็ไปแลกเหรียญที่ช่องแลกเงิน ซื้อตั๋วที่ตู้ขายอัตโนมัติ(อ่านวิธีใช้ที่ตู้)โดยกดกี่สถานี หยอดเหรียญ---ตั๋วจะออกมาคล้ายบัตรเติมเงินมือถือ นำบัตรไปเสียบช่องทางเข้าสีเขียว ที่กั้นจะยกขึ้นเดินผ่านแล้วหยิบบัตรคืนมาด้วยแล้วเดินไปชั้นบนของสถานีรอที่ชานชลา เมื่อขึ้นรถแล้วตอนขาออก ก็ทำเช่นเดียวกัน(แต่บัตรไม่คืน)ไม่ต้องอายถ้าไม่รู้จักก็ถามจนท.ผู้ให้คำแนะนำบริเวณนั้นได้เลยถือว่าโง่ครั้งเดียวฉลาดอีกนาน

 

รถไฟฟ้าใต้ดิน เป็นอีกทางเลือก จะมีทางลงด้านล่างสถานี ชุมสายอยู่ที่หมอชิต ไม่ต้องตกใจ รปภ.ขอตรวจกระเป๋าเพื่อรักษาความปลอดภัยและไม่อนุญาตให้นำอาหารหรือน้ำเข้ามารับประทานในบริเวณรถใต้ดิน คุณสามารถเดินไปบอกได้เลยว่าจะไปลงที่ไหน?ในช่องขายตั๋ว ซึ่งจะได้เหรียญสีดำแทนเงินเท่าราคาที่สถานีกำหนด (หรือจะซื้อที่ตู้ขายอัตโนมัติก็ได้)

 

คุณสามารถใช้เหรียญนี้แตะที่ขวามือตรงรูปเหรียญที่กั้นก็จะเปิดและก็ลงไปรอที่ชานชลา เมื่อตอนออกก็ทำเหมือนกันแต่หยอดเหรียญไปเลย ซึ่งในเวลาเร่งด่วนคนจะแน่นมาก แต่ก็ย่นเวลารถติดได้มากคนจึงนิยมมากและสามารถเชื่อมกันได้ระหว่างรถไฟฟ้าบนดินกับรถไฟฟ้าใต้ดินหลายสถานีเช่นหมอชิตและสุขุมวิทและขอให้คุณเข้าใจว่าการเดินทางไม่ว่าไปทางไหน ถ้าต้องมาต่อถนนก็จะพบรถติดซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา ต้องทำใจเมื่อมาอยู่กทม.

 

อาหาร คนต่างจังหวัด คงจะไม่คุ้นเคยคำว่ารถเข็น-หาบเร่-แผงลอยแต่ที่กทม.มีให้เห็นทุกหนทุกแห่ง ซึ่งจะคู่กับเทศกิจคอยตามจับแม่ค้า(เหมือนแมวเฝ้าจับหนู) เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด เวลากินก๋วยเตียวริมถนนขอแนะนำให้รีบกินลูกชิ้นก่อนเลยค่ะเพราะพอเทศกิจมาต้องหนีเหลือแต่เส้นไม่เสียดายแฮะ..ๆๆๆ

ขอเตือน การซื้อผลไม้ที่แผงริมทางโดยเฉพาะที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิหรือตลาดจตุจักรหรือที่ชุมชน ที่เห็นเรียงผลไม้ไว้สวยๆมากน่ากิน ดูราคาผ่านตาราคาถูกมาก ดูให้ดีค่ะคำว่าครึ่งตัวเท่ามด โลตัวเท่าช้าง พอไปบอกซื้อโลหนึ่งเท่านั้นแหละคิดเงินแล้วอึ้งเลยจะไม่เอาก็ไม่ได้ แม่ค้าจะโวยวายปากจัดมากอายต้องจ่ายเงินแบบไม่เต็มใจ ของก็ห้ามเลือก(ที่เห็นสวยๆนั้นจัดโชว์เท่านั้น)

อาหารก็ต้องถามราคาก่อน เช่นที่ตลาดนัดจตุจักร สวนสาธารณะต่างๆ ชอบคิดราคาแพงเกินจริงหวังเอาเปรียบคนต่างจังหวัดเหมือนกัน ถ้าไม่จ่ายเป็นเรื่อง ส่วนอาหารก็อย่ากินสุ่มสี่สุ่มห้า คนไม่คุ้นเคยอาจจะท้องเสียได้ ห้องน้ำก็หายาก นอกจากจุดต่อรถใหญ่ๆคือหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิจะมีห้องน้ำสาธารณะทั้ง 4 มุมของอนุสาวรีย์ฯและที่ต้องระวังมากคือร้านอาหาร+คาราโอเกะที่เปิดกลางคืน อย่าคิดว่าเป็นเสี่ยมีเงินจ่ายอีหนูมาคอยเสริฟ์เอาใจพอจ่ายเงินอาจหมดตัวแถมยึดรถที่ขับมาด้วย เป็นข่าวให้เห็นอยู่บ่อยๆ..เตือนไว้เท่านั้น

 

ที่พัก มีให้เลือกตามราคาเงินในระเป๋าสตางค์ แต่อย่าหวังว่าจะกว้างขวางเหมือนที่บ้านนอกหรอกนะ จะเล็กๆกะทัดรัดเพราะว่าทุกอย่างเป็นการค้าการลงทุนทั้งนั้น ถือว่าแค่พอนอนได้ก็พอ ถ้าจะให้ราคาถูกลงมาก็ต้องออกมาอยู่นอกเมืองหน่อยก็จะมีเงินเหลือไว้ใช้บ้าง ถ้าเป็นผู้ชายก็ขอนอนวัดอาศัยหลวงพ่อช่วงหางานก็ได้ประหยัดดี

 

การเงิน ต้องรู้จักคำนวณเงินที่มีอยู่กับรายจ่ายให้ดีเพราะทุกอย่างต้องใช้เงินทั้งนั้น แม้แต่น้ำก็ต้องซื้อกิน จำไว้ ไม่มีใครให้อะไรเรามาฟรีๆ ฉะนั้นอย่าเชื่อคนง่ายคิดและพิจารณาให้ดีเวลาไปสมัครงานตามโฆษณาในหนังสือพิมพ์หางานนั้น เน้นส่วนมากจะหวังค่าสมัครคนละ 100-200 บาท(รวมกันหลายร้อยคนก็เป็นเงินไม่ใช่น้อยเหมือนกัน) แต่จะเรียกมาสัมภาษณ์ที่หลังอ้างอย่างนั้นแหละ ต้องคำนวณเงินให้ดีสำหรับคนมาหางานทำ วางแผนให้รอบคอบ เนื่องจากงานที่ต้องการไม่ได้หาได้ง่ายอย่างที่คิดไว้เสมอไป สำหรับคนทำงาน เงินหาได้ต้องสำรองไว้ฉุกเฉินบ้างส่วนหนึ่ง อย่าหลงเที่ยวแสงสี ติดเพื่อนจนรายจ่ายเดือนชนเดือน

ขอเตือน สำหรับคนที่สะพายกระเป๋าหรือเป้ถ้าต้องการเก็บเงินไว้ใช้เอง ให้สะพายกระเป๋ามากอดไว้ที่ด้านหน้า(หน้าอก) แต่..ถ้าสะพายไว้ข้างหลังถือว่าท่านแบ่งให้คนอื่นช่วยใช้เงินในกระเป๋า เนื่องจากคนล้วงกระเป๋าถือว่าท่านให้โอกาสเขา จึงไม่แปลกเลยถ้าท่านจะเห็นคนในกทม.สะพายกระเป๋าไว้ด้านหน้า ถึงแม้ว่าจะไม่ถูกสุขลักษณะ แต่ไม่ถูกล้วงกระเป๋าเป็นวิธีที่ฉลาด

 

 

การทำงาน กทม.เป็นศูนย์รวมของคนทำงาน อีกทั้งมีงานทุกประเภทรวมถึงความอิสระในงานที่รักที่อยากทำอยู่ในใจของทุกคน ใครฝันจะทำอะไรก็แสวงหาแต่ต้องอดทนๆ ไม่มีงานอะไรที่ได้มาง่ายๆ ปัญหามีไว้แก้ ขอให้คุณตั้งใจจริง อย่าเลือกงานมากเกินไปคุณก็จะมีงานทำแล้วก็อยู่ได้ไม่ยาก

 

 

การพักผ่อนในวันหยุด กทม.มีสถานที่พักผ่อนมากมาย เช่นสวนสาธารณะ วัดสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ห้างสรรพสินค้าต่างๆ โรงหนัง ไหว้พระ9 วัด กับขสมก.และที่ดีที่สุดคือพักผ่อนอยู่บ้าน ไม่เสียเงิน หากิจกรรมมาทำเช่น อ่านหนังสือ ปลูกต้นไม้ เล่นกีฬากับเพื่อนๆ ถ้าวันหยุดยาวกรุงเทพฯจะกลายเป็นเมืองร้าง ถนนโล่ง ผู้คนเบาบางเพราะคนจะไปเที่ยวต่างจังหวัดกันจำนวนมาก

 

คติการใช้เงิน ควรจะแบ่งเงินที่ได้นั้นสำรองไว้ฉุกเฉินส่วนหนึ่งเสมอ เพราะว่าอะไรก็ตาม

ไม่แน่นอนสามารถเกิดขึ้นได้เสมอ เช่นตกงาน เจ็บป่วย ดังนั้นการมีเงินสำรองไว้อย่างน้อยก็อุ่นใจ ถ้าเหตุการณ์ปกติก็จะสามารถกลายเป็นเงินเก็บได้

ต้องคำนวณรายจ่ายให้ดี อย่าใช้เงินเกินตัวอย่าใช้บัตรเครดิตโดยไม่จำเป็นเด็ดขาด การใช้ชีวิตในกทมปฏิเสธไม่ได้ว่า เรื่องเงินเป็นเรื่องสำคัญเพราะคนต่างจังหวัดมาอยู่ต้องใช้เงินทั้งที่พัก ค่ารถ ค่ากิน ค่ารักษาอื่นๆ ข้อสำคัญอย่าเที่ยวกลางคืนเพราะเงินที่หามาทั้งเดือนกว่าจะได้มา คุณอาจจะใช้หมัดภายในไม่กี่วันเพราะหลงแสงสีที่แปลกตาจากต่างจังหวัดที่ไม่เคยมี อย่าเล่นการพนัน(ทุกรูปแบบ)แล้วคุณจะไม่เดือดร้อนเรื่องการเงิน

 

 

ศิลปะการทำใจให้เป็นสุข การใช้ชีวิตในกทม.นั้นจะว่าสุขก็สุขจะว่าทุกข์ก็ทุกข์ถ้ารู้จักในการทำใจได้ ภาวะบีบคั้นในการดำเนินชีวิตก็ไม่สามารถทำอะไรเราได้ เช่น การรู้จักคำว่า ขอโทษ ขอบคุณ ไม่เป็นไร อดทนและอดทน เห็นใจกันและกัน รู้จักให้อภัยเป็น คิดบวกเป็น ยอมรับความจริง รู้จักปล่อยวาง

 

 

รู้จักหาข้อคิดหรือกิจกรรมมาปลอบใจตัวเองหรือรักษาใจตัวเองในขณะรถติด ผิดหวัง โกรธ เกิดความท้อแท้หรือเสียสมดุลทางใจ คุณต้องพยายามหาสิ่งยึดเหนี่ยวใจของตัวเองให้ได้ (อาจจะเป็นธรรมะหรือข้อคิดหรือที่ปรึกษาให้ใจตั้งหลักได้) แล้วคุณจะมีชีวิตที่แข็งแกร่งได้ในทุกสถานการณ์ อย่าลืมว่าไม่มีใครที่ล้มได้ตลอดกาลหรือยืนได้โดยไม่ล้มบ้างเมื่อล้มแล้วลุกเป็นก็ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตที่มีค่า

 

การคบเพื่อน มีเพื่อนทุกประเภทที่คุณจะได้พบได้เจอในกทม.นี้ อยู่ที่ว่าคุณระมัดระวังในการคบเพื่อนขนาดไหน? มีคนบอกว่าการที่จะดูว่าเราเป็นอย่างไร? ก็ดูจากเพื่อนที่เราคบนั่นแหละค่ะ แต่จำไว้อย่างหนึ่งว่า....การมีเพื่อนแท้ไม่กี่คน ดีกว่ามีเพื่อนจำนวนมากที่ไม่จริงใจ

 

การเข้าสังคม คนเมืองกรุงมักได้รับฉายาว่าชอบ สวมหน้ากากเข้าหากัน การพูดจาดีพูดเพราะไม่ได้หมายความว่ามีความจริงใจ อยู่ในนั้นเสมอไป การพูดจาไพเราะและดูเหมือนหวังดีแต่บางครั้งอาจจะแฝงผลประโยชน์ที่ต้องการร่วมอยู่ด้วย ส่วนความจริงใจนั้นมีอยู่แต่บางครั้งอาจจะไม่สวยงามหรือพูดไม่เพราะก็ได้ถ้ามองให้เห็นในความหวังดี การแต่งกายภายนอกไม่ได้บ่งบอกสิ่งที่อยู่ภายในใจได้เสมอไป...เหมือนที่บอกว่า” รู้หน้าไม่รู้ใจ”

 

บันเทิง คนสวย คนหล่อก็เป็นแหล่งรวมฝันของวงการบันเทิง ที่หลายคนมาแจ้งเกิดที่กทม. ทั้งนักร้อง ดารา นักแสดง นางแบบ กทม.เป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงซึ่งมีทุกรูปแบบ มีทั้งบันเทิงและมัวเมาให้เลือกครบครัน ถ้าอยากผ่อนคลายด้านบันเทิงบ้างก็ไปเป็นครั้งคราวแต่ไม่ควรบ่อยนักควรไปตามโอกาสพิเศษพอประมาณ แต่ที่ประหยัดก็ดูทีวีอยู่ที่บ้านมีความสุขได้เหมือนกัน อยู่กับครอบครัวเช่าหนังมาดูก็ได้เช่นกัน

 

เนื้อคู่ หลายคนหวังจะพบเนื้อคู่ ซึ่งกทม.เป็นแหล่งรวมคนสวย คนหล่อ เกือบสวย เกือบหล่อ bb fb internet การสื่อสาร ทำให้คนหนุ่มสาวมาพบกันในกิจกรรมต่างๆมากมาย รวมถึงแหล่งบันเทิง ที่เที่ยวกลางคืน ส่วนเนื้อคู่นั้นใช่ตัวจริง?หรือเปล่า? ก็ไม่แน่ใจส่วนมากจะเป็น ลับ-ลวง-พรางไม่รู้ว่าใคร?

 

ความฝันกับความจริง ....ที่บอกว่าเป็นความฝันนั้นเพราะว่ากทม.เป็นแหล่งตามหาฝันของทุกคนทั้งการงานการเงินความรักและการใช้ชีวิต ความสุขหรือครอบครัวที่มีพร้อม แต่ความจริง อาจจะเป็นตามฝันหรือไม่?ก็ไม่รู้ คนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตก็มีมาก ส่วนคนที่ล้มเหลวในชีวิตก็มีไม่น้อย ในกทม.นี้เป็นแหล่งรวมประสบการณ์ชีวิตที่ทั้งผิดหวังและสมหวัง ดังนั้นไม่ว่าความฝันหรือความจริงถ้าท่านล้มแล้วลุกขึ้นเป็นความฝันก็อาจกลายเป็นความจริงได้เหมือนกัน จึงมีคนบอกว่า....” คนล้มห้ามข้าม ”

 

สิ่งที่ควรทำทีสุด เป็นธรรมดาของชีวิตที่สมหวังบ้าง?ผิดหวังบ้าง?ไม่ว่าคนต่างจังหวัดหรือคนกรุง ดังนั้นสิ่งที่ควรทำที่สุดคือต้องรู้จักการยอมรับความจริงให้ได้ ไม่ว่าสิ่งไหนก็ตาม แล้วตั้งต้นใหม่มืดแล้วเดี๋ยวก็เช้าความสว่างก็มาเยือนอีกชีวิตก็เช่นกัน.

 

 

อยู่หรือไปหาใช่เรื่องสถานที่ไม่?ใจคนต่างหาก บางคนมีความสับสนจิตใจว้าวุ่นเบื่อกรุงเทพฯ เบื่อสังคม เบื่อเพื่อนเบื่องาน อยากหนีไปให้ไกลๆแต่การจะอยู่หรือไปหาใช่!เรื่องสถานที่ไม่?ใจคนต่างหาก ถ้าใจเป็นอิสระไม่ว่าอยู่ตรงไหน?ก็พบความสุขได้

 

 

 

 

คงปฏิเสธไม่ได้ที่คนบ้านนอกไม่ใช่น้อยที่นำชื่อเสียงที่ประสบความสำเร็จมาสู่บ้านเกิด บันทึกนี้คงเป็นกำลังใจให้คนบ้านนอก..เข้ากรุงได้เห็นมุมมองและศิลปะการใช้ชีวิตในกทม. ที่จะช่วยให้ข้อคิดคนที่อยากมาใช้ชีวิตในเมืองหลวง ได้เห็นหลายๆด้านซึ่งคงจะเป็นประโยชน์บ้างสำหรับเพื่อนๆที่ต้องการอยู่ในโลกที่วุ่นวายที่ชื่อกรุงเทพฯ จากคนบ้านนอกเข้ากรุง....ที่ชื่อผึ้งงาน

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: ดีเจ ซูกัส, ใจมด, ซาอิ, Crown Clown, แอ๊ดมึนโดนด่าทุกวัน, นนท์คัฟ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่าพบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบินตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีดเปิดการบ้านภาษาไทย เรียงอักษรให้เป็นคำ แบบนี้ยากไปไหมชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯแคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีนสภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชงมาแล้ว! เลขเด็ด "เสือตกถังพลังเงินดี" งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..ส่องด่วนเลย!!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทยบุกจับเซียนพระลูกผู้ใหญ่บ้าน ยิงกลางร้านอาหารนครปฐม เสียชีวิต 2 เจ็บ 3ทนายสายหยุด ยอมรับสลิปโอนเงินของ "นานา" เป็นของปลอมปิดฉาก! มหากาฬฯ โบนัสพนักงาน “ไดกิ้น” คือ Get outชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก, ประสบการณ์ชีวิต
การเดินทางที่ไม่สามารถที่จะระบุเวลาที่จะถึงได้ "แล้วแต่สถานการณ์ระหว่างทาง"ความรู้นั้นมีการรวบรวม ส่วนของวรรณกรรมและเรื่องราวความเป็นมา (ปราสาทหินพิมาย)"อย่าเดินเหยียบธรณีประตู" สิ่งที่ติดหูเรานั้นมาตลอด คำบอกเล่าจากยายใต้เเสงไฟคริสมาสต์ จุดประกายความหวังครั้งใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่