การมีภริยา 4 คนของชาวมุสลิม (เรื่องจากนักเขียน)

ภาพจาก ความคิดเห็นที่ 10

ผู้เขียนรู้สึกเบื่อและเซ็งทุกครั้งที่มีมนุษย์ผู้ชายบางคนพูดให้เข้าหูว่าอยากจะหันไปนับถือศาสนาอิสลามเนื่องจากทางศาสนาอิสลามอนุญาตให้ผู้ชายมีภรรยาได้ถึง 4 คน

และเท่าที่สังเกตดูแล้วผู้ที่พูดแบบนี้มักจะมีปัญหากับภรรยาของตนเองที่มีอยู่คนเดียวนั่นแหละจนเข้าหน้ากันไม่ได้ ซึ่งผู้ชายประเภทนี้มักมีลักษณะของความอ่อนเยาว์ทางวุฒิภาวะ กล่าวคือ เป็นการพูดออกมาแบบเต็มไปด้วยโมหจริต (ความไม่รู้) ปราศจากซึ่งความรู้เกี่ยวกับศาสนาอิสลามโดยสิ้นเชิง ผู้เขียนมักจะเดินหนีไปไม่สังสรรค์เสวนาอะไรด้วยให้ขุ่นมัวในอารมณ์โดยใช่เหตุ

ความจริงการที่มนุษย์คนหนึ่งจะมีคู่ครองหรือมีผัวมีเมียหลายคนนั้นเป็นเรื่องที่มีมาแต่โบราณในทุกมุมโลกไม่ใช่เรื่องที่แปลกประหลาดมหัศจรรย์แต่ประการใด

ลักษณะของการที่มีผัวหรือมีเมียกันหลายคนนั้นทางวิชาการเขาเรียกว่า polygamy รากศัพท์มาจากภาษากรีกแปลว่าการแต่งงานแบบหลากหลายหรือจะแปลให้อ่านไม่รู้เรื่องก็จะแปลว่า พหุวิวาห์ก็ได้

ในประวัติศาสตร์การมีหลายผัวหลายเมียนี่มีรายละเอียดออกไปอีกว่า polygyny คือการที่ผู้ชายคนหนึ่งมีเมียหลายคน ส่วน polyandry นั้นคือผู้หญิงคนหนึ่งมีผัวหลายคนซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงปฏิบัติกันอยู่ในส่วนของพวกคนเร่ร่อนในทิเบต และในเนปาล ภูฐาน และบางส่วนในจีนเนื่องจากผู้หญิงมีน้อยกว่าผู้ชายมาก

สำหรับคนทั่วไปในปัจจุบันที่มีผัวเดียว เมียเดียวเรียกว่า monogamy แต่การที่บางสังคมยังมีผู้ชายที่มีภรรยาหลายคนนั้นก็ขึ้นอยู่กับบริบท (Context) กล่าวคือ กฎหมายของสังคมนั้นๆ จะรับรองหรือไม่

สำหรับสังคมไทยที่มีมาแต่โบราณคือ ความสัมพันธ์ในครอบครัว ครอบครัวไทยโบราณเป็นลักษณะครอบครัวใหญ่ ชายผู้เป็นหัวหน้าครอบครัวมีภรรยาหลายคน จึงมีการกำหนดประเภทของภรรยาต่างๆ ไว้ในกฎหมาย ได้แก่

หญิงที่บิดามารดาชายสู่ขอให้ถือเป็นภรรยาหลวง มีคนเดียว เรียกว่า เมียกลางเมือง

ส่วนหญิงที่ชายขอมาเลี้ยงเป็นอนุภรรยา รองจากภรรยาหลวงลงมา เรียกว่า เมียกลางนอก

และหญิงที่มีทุกข์ยาก ชายไปไถ่มาเลี้ยงเป็นเมีย เรียกว่า เมียกลางทาสี

ทั้งเมียกลางนอกและเมียกลางทาสีนั้น กฎหมายไม่กำหนดจำนวนไว้ (แบบว่ามีปัญญาจะมีสักเท่าไรก็ได้)

แต่ในปัจจุบันนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ชายไทยจะมีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายได้เพียงคนเดียว

คราวนี้มาพูดถึงศาสนาอิสลามที่กำหนดจำนวนภรรยาที่ชายคนหนึ่งจะสามารถแต่งงานได้ไว้ 4 คน และวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของการที่อนุญาตให้ชายมุสลิมมีภรรยาได้ถึง 4 คน ก็เพื่อที่จะเป็นการสงเคราะห์สตรีที่เป็นหม้ายเนื่องจากสามีตายหรือสตรีที่ไร้ที่พึ่ง

เนื่องจากชาวอาหรับสมัยก่อนมีชีวิตผูกพันกับครอบครัวที่เป็นระบบกลุ่มคนสกุลเดียวกันซึ่งมักรวมอยู่เป็นตระกูล (Clan) เมื่อสตรีแต่งงานแล้วก็ออกจากตระกูลของตนไปอยู่กับตระกูลของสามี ครั้นสามีตายไปก็ไร้ที่พึ่ง

ดังนั้น การที่ชายมุสลิมแต่งงานมีภรรยาได้ไม่เกิน 4 คนนั้น ความจริงก็เป็นหน้าที่และภาระที่หนักหนานะ และในพระคัมภีร์กุรอ่านก็ได้กำหนดไว้อย่างแจ้งชัดว่าหากชายมุสลิมใดผู้มีภรรยาเกินกว่า 1 คน จะต้องมีระบบการจัดการกับบรรดาภรรยาอย่างยุติธรรมโดยเฉพาะการแบ่งสรรเวลาและทรัพย์สมบัติอย่างเท่าเทียมให้กับภรรยาทุกคน

โดยทั่วไปแล้วชายมุสลิมกว่า 90% มีภรรยาเพียงคนเดียวเท่านั้น และในประเทศอิสลามหลายประเทศ อาทิ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา, เลบานอน, ตูนิเซีย และตุรกีนั้น ห้ามการมีภรรยาเกินกว่า 1 คนตามกฎหมาย

บังเอิญได้อ่านรายงานข่าวของสำนักข่าว เอพี ที่มีการรายงานข่าวดังนี้

เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ศาลสูงชาเรียทางตะวันออกของรัฐตรังกานู เห็นชอบให้นายอาบู บาการ์ เอ็มบง อายุ 54 ปี แต่งงานกับภรรยาคนที่ 4 ซึ่งอายุน้อยกว่าเขาถึง 29 ปีได้ โดยชายมุสลิมในมาเลเซียสามารถมีภรรยาได้ถึง 4 คน แต่ต้องผ่านความเห็นชอบจากศาลสูงชาเรีย ซึ่งจะพิจารณาว่าฝ่ายชายสามารถเลี้ยงดูส่งเสียภรรยาและบุตรทุกคนได้หรือไม่ ทำให้ชายมุสลิมทั่วไปมีภรรยาเพียง 1 หรือ 2 คนเท่านั้น ส่วนนายอาบู บาการ์ แม้จะมีภรรยาแล้วถึง 3 คน และบุตรถึง 25 คน แต่เขามีรายได้ถึง 20,000 ริงกิตต่อเดือน และสามารถซื้อรถและบ้านให้ภรรยาแต่ละคนได้ ด้านภรรยาทั้ง 3 ของนายอาบู บาการ์ กล่าวว่า ไม่คัดค้านการแต่งงานของสามีกับภรรยาคนที่ 4 เพราะสามีนั้นเป็นคนน่ารัก ยุติธรรม และมีความรับผิดชอบดี

เงินมาเลเซีย 1 ริงกิต เท่ากับเงินไทยประมาณ 10.50 บาท และผู้เขียนก็ขอแสดงความยินดีกับนายอาบู บาการ์ เอ็มบง อย่างจริงใจ