รูรั่วชั้น Ozone สามารถควบคุมได้แล้ว แต่ ปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) แตะระดับสูงสุด???

เป็น concept ของ Blog นี้ที่จะมีการ Post เรื่องเกี่ยวกับสภาวะอากาศและสิ่งแวดล้อมของโลกเราให้อ่านเป็นระยะๆ และ Update ที่นำมาฝากพวกเราวันนี้มีทั้งข่าวดีและข่าวร้ายครับ ข่าวดีก็คือเราสามารถควบคุมปริมาณ Ozone ให้ลดต่ำลงและจะแก้ไขปัญหาเรื่อง Ozone ได้อย่างเบ็ดเสร็จเมื่อสิ้นศตวรรษนี้ ส่วนข่าวร้ายก็คือระดับคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศโลกเราแตะระดับสูงสุด

ขอเริ่มต้นด้วยข่าวดีนะครับ NASA เปิดเผยว่ารูขนาดยักษ์ของชั้น Ozone โลกเริ่มหดตัวลงเรื่อยๆ ณ เวลาปัจจุบันรูรั่วชั้น Ozone มีพื้นที่ประมาณ 12 ล้านตารางไมล์ และ NASA คาดว่ารูรั่วนี้จะมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ จนเหลือขนาด 8 ล้านตารางไมล์ในอีก 30 ปีข้างหน้า และรูรั่วนี้จะหมดไปหรือมีขนาดเล็กจนอยู่ในสภาวะปกติเมื่อสิ้นคริสต์ศตวรรษนี้ รูรั่วของชั้น Ozone ถูกค้นพบเป็นครั้งแรกเมื่อ 30 ปีก่อนโดยนักวิทยาศาสตร์อังกฤษขณะทำการสำรวจทวีปแอนตาร์กติกและกลายเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมสำคัญลำดับต้นๆ ของโลกเนื่องจากรูรั่วนี้อาจส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของมนุษย์เนื่องจากเพิ่มโอกาสเสี่ยงกับรังสีจากระบบสุริยะทำให้มีโอกาสเกิดโรคร้ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็ง ทำให้มีการจัดทำ Montreal Protocol agreement ในปี 1987 ควบคุมการใช้สารเคมีที่ส่งผลกระทบต่อปริมาณ Ozone ทำให้ระดับ Ozone ค่อยๆ ดีขึ้นจนเชื่อว่าจะกลับสู่สภาวะปกติในที่สุด

ส่วนข่าวร้ายต่อสภาวะแวดล้อม เป็นการเปิดเผยโดย National Oceanic and Atmospheric Administration หรือ NOAA ซึ่งพบว่าปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ (CO2) เฉลี่ยเมื่อเดือนมีนาคม 2015 ขึ้นสู่ระดับ 400.83 PPM (parts per million) และเป็นครั้งแรกที่ปริมาณเกินกว่า 400 PPM นับตั้งแต่เริ่มมีการวัดค่านี้ในทศวรรษ 1950 อย่างเป็นทางการและต่อเนื่อง จากหลักฐานที่นักวิทยาศาสตร์รวบรวบพบว่าครั้งล่าสุดที่โลกมีปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ระดับ 365 ppm ถึง 415 ppm เกิดขึ้นเมื่อ 4.5 ล้านปีก่อน

ก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 18 ระดับคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เฉลี่ยอยู่ที่ 280 PPM แต่เมื่อมีการนำเชื้อเพลิงจาก fossils มาใช้อย่างจริงจังก็ทำให้ระดับคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วจนล่าสุดก็ผ่านระดับ 400 PPM ในเดือนมีนาคม 2015

คาร์บอนไดอ๊อกไซด์เป็นก๊าซไม่มีสี ไม่มีกลิ่น แต่เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญของสภาวะเรือนกระจกและโลกร้อน โดยคาร์บอนไดอ๊อกไซด์คิดเป็น 63% ของก๊าซที่เป็นสาเหตุของการเกิดสภาวะดังกล่าว อย่างไรก็ตามค่า PPM จะขึ้นลงแปรเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิอากาศของโลกโดยปกติจะขึ้นสูงสุดในเดือนพฤษภาคมและค่อยๆ ลดลงเนื่องจากเข้าสู่ฤดูฝนและฤดูใบไม้ผลิที่พืชช่วยดูดซับปริมาณคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ได้บางส่วน

วิธีแก้ไขปัญหาคาร์บอนไดอ๊อกไซด์ตรงไปตรงมาครับคือลดการใช้เชื้อเพลิงจาก Fossils เช่นน้ำมัน ถ่านหิน ก๊าซธรรมชาติ แต่ปัญหาคือโลกยังไม่สามารถหาพลังงานทดแทนได้เพียงพอนั่นเอง

ที่มา: USA Today และ Wired.Com