โอมชินริเคียว ลัทธิเขย่าโลก
ลัทธิโอมชินริเคียว

(สัญลักษณ์ประจำลัทธิโอมชินริเคียว)
โชโกะ อาซาฮารา เจ้าลัทธิ

โชโกะ อาซาฮารา เป็นผู้นับถือพระพุทธศาสนาบังหน้า ก่อตั้งลัทธิที่มีชื่อว่า "โอมชินริเคียว" ในปี ค.ศ.1984 เขาเผยแพร่คำสอน จนมีผู้เข้ามาเป็นสาวกทั้งในญี่ปุ่นและนอกประเทศกว่า 49,000 คน เขาเริ่มแสดงความโหดเ้ยมเมื่อต้องสงสัยว่า อยู่เบื้องหลังการสังหารสาวกที่ตีตัวออกห่าง เพื่อปิดปากก่อนจะนำความในไปเปิดเผย อยู่เบื้องหลังการปล่อยแก๊สซารินในเมืองมัตสึโมโต เป็นเหตุให้มีคนตายไป 8 คน เมื่อตำรวจเริ่มสอบสวนคดีใกล้ตัวอาซาฮาราเข้าไปทุกที อาซาฮาราก็สั่งให้สาวกปล่อยแก๊สซารินในสถานีรถไฟใต้ดินในมหานครโตเกียว 5 สาย ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 13 คน บาดเจ็บ 54 ราย หลายรายพิการตาบอด ตำรวจบุกเข้าทลายสำนักงานใหญ่ของโอมชินริเคียว พบวัตถุระเบิด สารเคมี อาวุธเคมี และเฮลิคอปเตอร์ทำในรัสเซียเพื่อเตรียมไว้โปรยอาวุธเคมีสังหารผู้คน ที่นับว่าขนหัวลุกคือ แก๊สซารินจำนวนมากพอที่จะฆ่าคนได้ถึง 4,000,000 คน อาซาฮาราถูกจับกุมดำเนินคดี สาวกที่เหลือแปลงรูปไปเป็นลัทธิอเล็ป ซึ่งยังคงเผยแพร่ลัทธิอย่างลับๆ





นาย มาโกโตะ ฮิราตะ แกนนำลัทธิ ผู้ก่อเหตุรมแก๊สพิษ ทำร้ายประชาชนชาวญี่ปุ่นในสวนสาธารณะ และสถานีรถไฟใต้ดินในญี่ปุ่น จนทำให้มีผู้เสียชีวิต 13 ราย และล้มป่วยอีกเป็นจำนวนมาก
"..ในชั่วโมงเร่งด่วน อันอันแออัด ของคนโตเกียว สถานีรถไฟโตเกียว 5 สถานี ก็เต็มไปด้วยก๊าซพิษซารินแบบเดียวกับที่ ทากิโมโต้ ทาโร่ได้รับ....มี ผู้เสียชีวิตทันที 12 ราย และบาดเจ็บ จากสารพิษ นับพัน.............”
การใช้ ความเชื่อและความเลื่อมใสศรัทธาของบุคคลเป็นเครื่องมือในการแสวงหาประโยชน์ ส่วนตนนั้นเกิดขึ้นทุกยุคทุกสมัย ในอดีตของไทยปรากฏการแข็งข้อถึงขั้นก่อการกบฏ ไม่เว้นประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศชอบกลเรื่องศาสนานัก ในชีวิตประจำวันนับถือลัทธิชินโตและศาสนาพุทธก็จริง แต่ชาวญี่ปุ่นส่วนมากในยุคปัจจุบันไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าตัวเองนับถือศาสนาใดอย่างเฉพาะเจาะจงนัก เวลางานแต่งงานใช้ศาสนาคริสต์ งานศพใช้ศาสนาพุทธ และที่แย่ที่สุดคือการนับถือลัทธิที่น่าสงสัย

ญี่ปุ่นนี้เป็นประเทศที่มีลัทธิต่างๆ มากที่สุดแห่งหนึ่งในโลกก็ว่าได้นะครับ เพราะความสับสนทางศาสนานี้เองทำให้มีลัทธิใหม่ๆ เกิดขึ้นอย่างไม่ขาดสาย บางลัทธิดีก็ดีไป แต่บางลัทธิไม่ดีนะสิก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เหมือนดั่งเช่น ลัทธิโอมชินริเคียว (Aum Shinrikyo)อาซาฮาระ โชโค
มัทสึโมโต้ จิซึโอะเกิดเมื่อ 2 มีนาคม 1955 เป็นบุตรชายของช่างทำเสื่อตาตามิ ในวัยเด็กมีอาการพิการทางสายตาจึงถูกส่งไปเรียนที่โรงเรียนสำหรับผู้พิการทางตาประจำจังหวัดคุมาโมโต้ (เรียนวิชารักษาโรคด้วยการฝังเข็มและจี้ธูป)หลังจากเรียนจบตั้งเป้าหมายจะสอบเข้าคณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยโตเกียว จึงเข้าเรียนยังโยโยกิเซมินาร์ สาขาชิบูย่า (โรงเรียนพิเศษ)แต่ก็สอบตก พูดง่ายๆ คือ เขาโง่มาก
กรกฎาคมปี 1976 ถูกตำรวจจับและปรับเนื่องจากทำร้ายร่างกายคนรู้จัก
ปี 1977 อาซาฮาระ หลงใหลในเรื่องปาฏิหาริย์ต่างๆ จึงเริ่มฝึกโยคะและวิชาเซียนที่อินเดีย
ในปี 1978 ก็แต่งงานกับผู้หญิงที่รู้จักกันระหว่างเรียนที่โยโยกิเซมิน่าร์
ในปีเดียวกันนี้เอง เขาเปิดโรงพยาบาลสำหรับรักษาโรคด้วยการฝังเข็มที่จังหวัดจิบะและเปลี่ยนไปเป็นค้ายาสมุนไพรกับยาจีนในภายหลัง ในระยะแรก การบริหารงานเป็นไปด้วยดี
ปี 1980 เขาถูกฟ้องศาลในข้อหายื่นเรื่องขอเงินประกันอย่างไม่ถูกต้องเป็นเงิน6,700,000 เยน หลังจากนั้นจึงเข้าลัทธิอะกองชู
ปี 1981 เปิดกิจการร้านขายยา หาในปีถัดมาก็ถูกจับเนื่องจากขายยาที่ไม่มีใบอนุญาตจนถูกปรับเป็นเงิน 200,000 เยน
ปี 1984 เปิดโรงฝึกสอนโยคะ "สมาคมโอม" และมัทสึโมโต้ก็เริ่มใช้ชื่อว่าอาซาฮาระ โชโคตั้งแต่ตอนนี้นี่เอง ปี 1986 เขาอ้างว่าตัวเองไปที่เทือกเขาหิมาลัยและ"หลุดพ้น" (ตรัสรู้?) ที่นั่น จึงเปลี่ยนชื่อจาก"สมาคมโอม"มาเป็น"สมาคมเซียนโอม"
และปี 1987 จะเปลี่ยนเป็น"โอมชินริเคียว"ในที่สุด โดยชื่อของโอมตั้งมาจากตัวอักษรศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาในอินเดียและตัวอักษรแต่ละตัวของโอมคือ A U M ก็มีความหมายถึง"การสร้างสรรค์" "การคงอยู่" และ"การทำลาย"ของจักรวาลซึ่งรวมทั้งหมดแล้วหมายถึง "อนิตยา" (ความไม่เที่ยงแท้) อันเป็นรากฐานของคำสอนของโอม
โอมได้จดใบอนุญาตเป็นลัทธิอย่างถูกต้องตามกฎหมายที่ที่ทำการจังหวัดโตเกียวในวันที่ 25 สิงหาคม 1989 หลังจากปีนี้มีการแสดงโชว์ปราติหารย์หลายอย่างเป็นต้นว่าการลอยตัวกลางอากาศ ปล่อยแสงตรงหลัง ลอยสิงของ ฯลฯ จนมีสาวกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
หลังจากจดทะเบียนแล้ว โอมก็ย้ายฐานใหญ่ไปยังเมืองฟูจิมิยะ จังหวัดชิสึโอกะ มีการขยายสาขาไปทั่วประเทศญี่ปุ่นและต่างประเทศเช่น ในประเทศรัสเซีย, ออสเตรเลีย,ยูเครน, เยอรมัน, ไตหวัน, ศรีลังกา, ยูโกสลาเวีย และสหรัฐอเมริกาเฉพาะสาวกในญี่ปุ่นนั้นมีอยู่ถึง เลื่อมใสศรัทธาถึง30000 คน (ต่างประเทศ 40000-60000 คน) ทีเดียว โดย สาวกส่วนใหญ่ มีอายุอยู่ในช่วง 20-30 ปี
ในลัทธิจะมีการแบ่งงานสาวกจะได้รับตำแหน่งและหน้าที่แตกต่างกันไป ส่วนใหญ่ในกลุ่มแกนนำของลัทธิเป็นผู้มีการศึกษาสูงซึ่งจบมาจากมหาวิทยาลัยชั้นดีของญี่ปุ่น มีทั้งคนในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง ทั้งนี้รวมถึงแพทย์ นักชีวเคมี สถาปนิก นักชีววิทยาและนักวิศวพันธุกรรม ที่สําคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือสาวกบางคนเป็นแกนนําในการค้นคว้าวิจัยขององค์การพัฒนากิจการอวกาศญี่ปุ่น, ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาวุธเคมีแห่งมหาวิทยาลัยโอซาก้า, นักหนังสือพิมพ์ ชั้นนํา, นักฟิสิกส์ แห่งมหาวิทยาลัยซูคูบา ฯลฯ โดยสาวกคนสําคัญของลัทธิซึ่งมีตําแหน่งหน้าที่ในระดับผู้นํา ได้แก่
- ฮิเดอิ มูไร รัฐมนตรีกระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ซึ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า
- คิโยฮิเด ฮายากาวา รัฐมนตรีกระทรวงการก่อสร้าง
- ฟูมิฮิโร โชยุ รัฐมนตรีกระทรวงการประชาสัมพันธ์ ซึ่งจบการศึกษาวิทยาศาสตร์
- มหาบัณฑิตทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ จากมหาวิทยาลัยวาเซดา
- โยชิโนบุ อาโอยามา รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ ที่เกิดในตระกูลมั่งคั่งของโอซาก้า จบการศึกษานิติศาสตร์ บัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเกียวโต
- มาซามิ ซูชิยา หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์
ในช่วงนั้น ญี่ปุ่นกำลังเกิดกระแสนิยมเรื่องเหนือธรรมชาติ โอมได้รับแนะนำลงใน"มู"ซึ่งเป็นนิตยสารเรื่องมิสเทรี่ในฐานะ"สมาคมโยคะของญี่ปุ่น" ในเล่มมีการลงรูปการกระโดดทั้งๆนั่งขัดสมาธิซึ่งภายหลังถูกอ้างว่าเป็นต้นแบบของการลอยตัวกลางอากาศ
คำสอนของโอมมีการใช้ศัพท์ภาษาอินเดีย (โดยเฉพาะของศาสนาฮินดู) ปะปนอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นต้นว่าเทพศิวะ (ถือเป็นพระเจ้าของโอม อ้างว่าชื่อเดียวกับพระศิวะในศาสนาฮินดูก็จริง แต่พระศิวะเป็นเพียงภาคหนึ่งของเทพศิวะ และอาซาฮาระซึ่งเป็นเจ้าลัทธิ ก็เป็นภาคหนึ่งของเทพศิวะเช่นกัน) มีการนำศาสนาอื่นๆเช่นพุทธ คริสต์ อิสลาม ฮินดู เต๋า โซโลแอสเตอร์มาเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาโดยอ้างว่าทุกศาสนาล้วนมีหนทางเดียวกัน ซึ่งเป้าหมายสุดท้ายของคำสอนคือการปลีกตัวจากโลกภายนอกและเอาชนะตัณหาทั้งปวง
ส่วนหนึ่งในคำสอนของโอม "วจิรยานา" มีการกล่าวถึง "กฎของสวรรค์ที่ไม่เป็นไปตามกฎของโลก" ซึ่งอ้างว่าการกระทำใดที่ขัดต่อกฎของสังคม แต่ไม่เป็นตัณหาและถูกต้องโดยเหตุผลทางใจ ในบางกรณีจะสามารถยอมรับว่าถูกต้องได้
ตีความได้ว่า การฆ่าคนเป็นที่ยอมรับได้ถ้าคนที่ถูกฆ่าประกอบความชั่ว การชิงทรัพย์เป็นที่ยอมรับได้ถ้าเพื่อช่วยคนยากจนอื่นๆอีกมากมาย การโกหกเพื่อนำคนเข้าลัทธิเป็นเรื่องยอมรับได้เพราะเป็นการชี้ทางสว่าง ฯลฯ ในอีกแง่หนึ่ง มีการวิจารณ์กันอย่างกว้างขวางว่าคำสอนตรงจุดนี้เป็นการหาข้ออ้างให้กับการกระทำของเจ้าลัทธิและสาวกในเวลาถัดมา
ตุลาคม1989 ซากาโมโต้ สึสึมิ ซึ่งเป็นทนายที่ได้รับความไว้วางใจจากครอบครัวของสาวกให้รับผิดชอบคดีของโอมและเป็นผู้ตั้งสมาคมช่วยเหลือผู้เคราะห์ร้ายจากโอมชินริเคียว ได้ทำการเจรจากับแกนนำของลัทธิ แต่ความเห็นไม่ลงรอยกันจนถึงขั้นแตกหักและไม่สามารถเจรจากันได้
เมื่อเจรจากันไม่ได้ เจ้าลัทธิอาซาฮาระเกรงว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบต่อการลงเลือกตั้งในปีหน้าจึงสั่งให้สาวกซึ่งเป็นแกนนำ ประกอบไปด้วย โอกาซากิ คาสึอากิ, นิอิมิ โมโมมิทสึ, มูราอิ ฮิเดโอะ, ฮายาคาว่า คิโนฮิเด, นากาคาว่า โทโมมาสะ, สึมิโมโต้ ซาโตรุ ลงมือฆ่าซากาโมโต้
4 พฤศจิกายน ทนายซากาโมโต้ อายุ 33 และภรรยา อายุ 29และลูกชายวัย 1 ขวบถูกฆ่า ศพทั้งสามถูกนำไปฝังแยกย้ายกันคนละจังหวัด ศพของพวกเขาถูกพบในเดือนกันยายนปี 1995 แต่ ตำรวจไม่ได้ให้ความสนใจกับคดีนี้เท่าที่ควรหลังจากที่ซากาโมโต้หายสาบสูญทั้งครอบครัว มีการวิจารณ์ว่าเพราะสาวกของโอมเข้ามาเกี่ยวข้อง บ้างก็วิจารณ์ว่าเพราะสำนักงานทนายที่ซากาโมโต้ทำงานอยู่เป็นคู่อริกับทางตำรวจ ฝ่ายตำรวจก็เพียงสรุปคดีว่าครอบครัวซากาโมโต้ยักยอกเงินหนี โดยไม่ได้มีการเคลื่อนไหวเป็นชิ้นเป็นอันนัก
กุมภาพันธ์ปี 1990 อาซาฮาระลงสมัครเลือกสส.โดยเป็นตัวแทนจากพรรคชินริ แต่ก็สอบตก และอาจจะด้วยเหตุนี้ โอมจึงมองสังคมในฐานะศัตรูและเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่รุนแรงขึ้น
พฤศจิกายน 1993 ตั้งโรงงานซาริน (สารพิษ) โดย”ซาริน: เป็นของเหลวไร้สี บางครั้งมีอันตรายร้ายแรงกว่าไซยาไนด์ จัดอยู่ในกลุ่ม ยาฆ่าแมลง คิดค้นขึ้นครั้งแรกที่เยอรมนีในทศวรรษที่ 1930 ซารินมีผลต่อระบบประสาทเมื่อ สูดดมเข้าไปจะเสียชีวิตภายใน 1-10 นาที โดยมีอาการรูม่านตาหดตัว เหงื่อออก และมี อาการอื่นๆ เช่นเดียวกับผู้ได้รับพิษจากวีเอ็กซ์ สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดยาแก้
9 พฤษภาคม 1994 ทนายทากิโมโต้ ทาโร่ซึ่งมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวต่อต้านโอม ถูกโจมตีด้วยแก๊สพิษซารินซึ่งถูกซ่อนไว้ในรถ อาการสาหัสแต่รอดมาได้
27 มิถุนายน 1994) มีการโปรยสารพิษซารินที่เมืองมัตสึโมะโตะ จังหวัดนากาโนะ ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 ถึงเช้าตรู่วันที่ 28 ผู้เสียชีวิต 7 ราย ผู้บาดเจ็บ 660 ราย นับเป็นครั้งแรกของโลกที่มีการใช้สารพิษในการก่อการร้ายซึ่งมีประชาชนทั่วไปเป็นเป้าหมาย และนี่ก็เป็นการทดลองเพื่อเตรียมการสำหรับเหตุร้ายในชินจูกุ
ในระหว่างปี 1994 -1995 นี้ โอมได้มีการโจมตีและสังหารบุคคลภายนอกและอดีตสาวกเป็นจำนวนไม่น้อยด้วยแก๊สพิษซาริน
28 กุมภาพันธ์ 1995 สาวกของโอมได้ลักพาตัวข้าราชการจากที่ทำการเมืองเมะคุโระ ด้วยสาเหตุว่าเจ้าตัวได้ซ่อนตัวน้องสาวซึ่งเป็นอดีตสาวกไว้ ผู้เคราะห์ร้ายถูกนำไปกักกันตัวที่ฐานของลัทธิ แต่เนื่องจากถูกให้ยาสลบเกินขนาดจึงเสียชีวิตในอีก 3 วันให้หลัง
20 มีนาคม 1995 เวลา 8 โมงเช้า ในรถไฟใต้ดินจำนวน 5 สาย (มารุโนะอุจิ 2 สาย ฮิบิยะ 2 สาย จิโยดะ 1 สาย) สาวกของลัทธินํากระเป๋าซึ่งบรรจุแก๊สซารินเหลวมายังสถานีรถไฟใต้ดินในชั่วโมงเร่งด่วน จากนั้นก็ทําการเจาะกระเป๋าให้ แตกออกโดยใช้ ร่มปลายแหลม
และแล้วซารินจำนวนมากเกิดเป็นแก๊สพิษทำให้คน 12 คนเสียชีวิต และบาดเจ็บ5,510 คน เป็นคดีฆาตกรรมอย่างไม่เลือกตัวครั้งใหญ่ที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และสร้างความตื่นตระหนกไปจนทั่วโลก
การเดินทางโดยรถไฟใต้ดินเป็นอัมพาตไปเกือบอาทิตย์และผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากก็ยังต้องทรมานกับผลข้างเคียงของซารินจนทุกวันนี้ หลายคนกลายเป็นอัมพาตและหลายคนหลับไม่ได้สติ
3 วันหลังจากเหตุร้ายที่ชินจูกุ จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตํารวจพบว่าโชโกะ อาซาฮารา มีส่วนรู เห็นในการกระทําดังกล่าว และต้องตะลึงอีกเมื่อพบว่าเขาทำเรื่องซ็อกโลกครั้งนี้เพราะเพื่อให้ตำรวจเบนความสนใจจากการตรวจสอบลัทธิโอมของเจ้าที่ตำรวจ
ตำรวจบุกเข้าลัทธิโอม และในวันที่ 16 พฤษภาคม ก็สามารถจับกุมอาซาฮาระพร้อมแกนนำได้ อาซาฮาระถูกฟ้อง 17 คดี ซึ่งเจ้าตัวปฏิเสธข้อหา 16 คดี (อีกคดีอยู่ระหว่างพิจารณา) ในศาล เขามักจะแสร้งทำตัวพูดไม่รู้เรื่องหรือแกล้งบ้าเพื่อจะได้พ้นข้อกล่าวหาเนื่องจากไม่มีความสามารถในการรับผิดชอบ
ปี 2006 อาซาฮาระถูกตัดสินโทษประหารในการพิพากษาขั้นที่ 1 โดยประหารชีวิตด้วยการแขวนคอ แต่ยังไม่มีการระบุวันเวลาที่แน่นอน ส่วนสาวกลัทธิ โอม ชินริเกียว อีก 12รายที่มีส่วนเกี่ยวข้องและได้รับโทษประหารชีวิตแบบเดียวกัน และ ยังมีสาวกอีกหลายคนอยู่ระหว่างการหลบหนีจนปัจจุบันนี้


หลังจากคดีพิษซาริน ลัทธิโอมถูกประกาศว่าเป็นลัทธิอันตราย และถูกสั่งให้ยกเลิก แต่ก็ยังมีกลุ่มที่ยังศรัทธาลัทธิอยู่ และได้ตั้งชื่อใหม่เป็น “กลุ่มแอลป์” และปฏิบัติตามคำสอนของลัทธินี้อยู่จนถึงปัจจุบัน
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
อาการนอยด์ ใคร ๆ ก็เป็นกันได้ แต่ถ้ารุนแรงมากไปจะส่งผลต่อสุขภาพจิตใจ ทำอย่างไรให้หายนอยด์
ซีรี่ส์เรื่อง "Signal" ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ ซีรี่ย์เก่าของฮ่องกง
สมาคมฟุตบอลเอเชียเตรียมลงโทษผู้ตัดสินชาวลาว
ช้าง 7 เชือกเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถไฟในอินเดีย
ซีรี่ส์เรื่อง "Signal" ถูกกล่าวหาว่าลอกเลียนแบบ ซีรี่ย์เก่าของฮ่องกง
"3 สิ่งในห้าง" ที่ไม่ควรซื้อมากิน!!
ผู้เสียหายร้องจเรตำรวจ–ป.ป.ท. สอบสวนตำรวจย่านรามคำแหง หลังสำนวนคดีลักทรัพย์บกพร่อง พยานสำคัญ 5 ปาก “หายจากแฟ้ม”
อาหารที่ลงท้าย สูตรฮ่องเต้ คืออะไรต่างจากธรรมดายังไง?
“บอย ภิษณุ" ประกาศขายบ้านหรูแล้ว ราคา 70 ล้าน