แสงสีของไฟต่างๆ ในรถยนต์ ที่ถูกต้องตามกฏหมาย

พรบ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 กำหนดเรื่องของไฟต่างๆ ในรถเอาไว้ว่า ไฟหน้ารถมี 3 ประเภทคือ หนึ่งโคมไฟแสงพุ่งไกลที่เราๆเรียกกันว่าไฟสูง ให้ติดตั้งด้านหน้ารถข้างละหนึ่งดวง วัดจากกึ่งกลางโคมไฟถึงพื้นถนนไม่น้อยกว่า 60 เซนติเมตร แต่ต้องไม่สูงจากพื้นเกินกว่า 1 เมตร 35 เซนติเมตร

ไฟสูงทั้งสองข้างต้องมีความสว่างหรือกำลังไฟเท่ากันไม่เกินข้างละ 50 วัตต์ ซึ่งความสว่างดังกล่าวต้องสามารถมองเห็นทางข้างหน้าในระยะ 100 เมตรได้ชัดเจน แสงของไฟสูงต้องเป็นสีขาวเท่านั้น ส่วนไฟต่ำให้ติดในระดับความสูงเช่นเดียวกันกับไฟสูง กำลังความสว่างไม่เกิน 50 วัตต์ และต้องมีแสงสีขาวเช่นเดียวกัน   

ไฟเล็กหรือไฟหรี่ให้ติดอยู่ด้านหน้ารถริมสุดข้างละหนึ่งดวง ห่างจากส่วนริมสุดของตัวรถเข้ามาได้ไม่เกิน 40 เซนติเมตร มีกำลังความสว่างได้ไม่เกินดวงละ 10 วัตต์ ทั้งไฟสูง, ไฟต่ำ และไฟหรี่จะรวมอยู่ในกรอบโคมเดียวกันก็ได้  สำหรับไฟตัดหมอกจะมีหรือไม่มีก็ได้   แต่ถ้ามีต้องมีความสว่างดวงละไม่เกิน 55 วัตต์  ความสูงของโคมไฟตัดหมอกต้องไม่เกินกว่าไฟสูงและไฟต่ำ   สีของไฟตัดหมอกจะเป็นสีขาวหรือสีเหลืองก็ได้

จากข้อกฎหมายที่ยกมาเป็นตัวอย่างดังกล่าวจะพบว่า  เพียงแค่ไฟหน้าที่กฎหมายกำหนดเอาไว้   ก็มีรถยนต์จำนวนมากทำผิดกฎหมายเสียแล้ว   ข้อที่พบว่าผิดมากที่สุดเห็นจะเป็นเรื่องกำลังความสว่างของดวงไฟหน้าทั้งไฟสูงและไฟต่ำ   เพราะเจ้าของรถยนต์จำนวนไม่น้อยนำรถของตนเอง  ไปเปลี่ยนหลอดไฟหน้าให้เป็นชนิดที่มีความสว่างมากขึ้น   ส่วนใหญ่ใช้กำลังไฟขนาด 90 วัตต์สำหรับไฟต่ำ    และ 110 วัตต์ ในไฟสูง

หรือรถยนต์จำนวนไม่น้อยเช่นกันที่นำรถไปเปลี่ยนไฟหน้าให้เป็นชนิดลำแสงสีฟ้า  เพราะเชื่อว่าจะทำให้ไฟหน้าสว่างมองเห็นหนทางข้างหน้าได้ชัดเจนขึ้น    ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องผิดกฎหมายที่กล่าวมาอย่างแน่นอน

ส่วนกรณีที่มีเจ้าของรถส่วนหนึ่งเห็นว่ารถยนต์สมัยใหม่ที่ใช้ไฟแบบซีนอน   หรือบางยี่ห้อบางรุ่นใช้ไฟแบบโปรเจคเตอร์    ซึ่งมีความสว่างมากกว่าไฟปรกติที่มีกำลังวัตต์ตามกฎหมายหลายเท่า    ข้อเท็จจริงทางเทคนิคคือไฟชนิดซีนอนและโปรเจคเตอร์เหล่านั้น  เมื่อนำมาวัดพบว่ากำลังไฟจะไม่เกิน 25 วัตต์ เป็นส่วนใหญ่   จึงไม่ผิดกฎหมายมาตราดังกล่าว   แต่ที่ไฟทั้งสองชนิดมีความสว่างมากเป็นเพราะเทคโนโลยีสมัยใหม่เป็นตัวช่วยเร่งความสว่าง   ไม่ได้ใช้กำลังวัตต์เป็นตัวให้ความสว่างเหมือนไฟแบบดั้งเดิม

ในส่วนของไฟหรี่และไฟเลี้ยวก็ยังมีการทำผิดกฎหมายทั้งโดยรู้และไม่รู้ตัวอีกมาก   เพราะไฟหรี่หน้ากฎหมายระบุให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเท่านั้น   หากไปใช้ไฟหรี่สีอื่นๆนอกเหนือจากนี้ก็ถือว่าผิดกฎหมาย    ในขณะที่ไฟเลี้ยวหน้ากฎหมายฉบับเดียวกันกำหนดให้ใช้สีขาวหรือสีเหลือง   โดยทั้งสองข้างซ้ายและขวาต้องเป็นสีเดียวกัน

ส่วนไฟเลี้ยวด้านท้ายรถกฎหมายกำหนดให้ใช้ไฟสีเหลืองหรือสีแดงก็ได้   แต่ห้ามใช้สีขาวอย่างเด็ดขาด   เช่นเดียวกันกับห้ามใช้ไฟเลี้ยวด้านหน้าเป็นสีแดง   เพราะผู้ใช้รถใช้ถนนรายอื่นอาจจะสับสนกับสีของไฟ  ด้วยไม่รู้ว่าเป็นด้านหน้าหรือด้านหลังรถ    กฎหมายจึงต้องกำหนดสีของไฟเอาไว้ชัดเจน   ส่วนไฟท้ายและไฟเบรกต้องเป็นสีแดงเท่านั้น   ไฟเบรกจะสว่างขึ้นมาได้ก็ต้องด้วยวิธีการเหยียบแป้นเบรกเท่านั้น   จะมีสวิทช์ต่อพ่วงพิเศษไม่ได้   และจะสว่างแบบกระพริบถี่ๆก็ไม่ได้อีกด้วย    

ทั้งนี้ไม่เว้นแม้แต่ไฟสำหรับส่องให้ความสว่างที่ป้ายทะเบียนด้านท้ายรถ   กฎหมายกำหนดให้ใช้ไฟสีขาวหรือสีเหลืองเช่นกัน   แต่กำหนดเข้มงวดขึ้นมาอีกว่าต้องมีโคมบังแสงไฟไม่ให้รบกวนสายตาผู้ที่ขับรถตามหลัง   ต้องบังคับแสงไฟให้ส่องสว่างลงไปที่ป้ายทะเบียนเท่านั้น  

บรรดาวัยรุ่นที่นำรถไปแต่งไฟส่องป้ายทะเบียน  ให้เป็นสีสันสวยงามนอกเหนือไปจากสีขาวหรือสีเหลืองจึงผิดกฎหมาย   รวมทั้งที่นำเอาไฟสีต่างๆมาล้อมกรอบป้ายทะเบียน  เพราะคิดเอาเองว่าเป็นการเพิ่มความสวยงาม  และเพิ่มความสว่างก็ผิดกฎหมายเช่นกัน     การนำเอาไฟแบบนีออนสีต่างๆไปติดตั้งไว้ที่ใต้องรถ   แม้ว่าจะไม่รบกวนสายตาผู้อื่นมากนัก   แต่ก็ผิดกฎหมายตาม พรบ. จราจรทางบก พ.ศ.2522 ฉบับนี้ด้วย    ดังนั้นการจะทำการใดๆกับไฟต่างๆในรถยนต์ของท่าน   จึงต้องระวังว่าต้องไม่เป็นการกระทำที่   เสียเงินแล้วยังผิดกฎหมายอีกด้วยนะครับ