โฉมหน้าศักดินาไทย
อนวัช จันทร์หงษ์
โฉมหน้าศักดินาไทยเป็นผลงานค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ชิ้นสำคัญของ จิตร ภูมิศักดิ์ และเป็นงานวิเคราะห์ที่ไม่เคยมีใครทำเช่นเขามาก่อนมาก่อน ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือ นิติศาสตร์ ฉบับศตวรรษใหม่ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า นิติศาสตร์ 2500 โดยในการตีพิมพ์ครั้งแรกมีชื่อว่า “โฉมหน้าศักดินาไทยในปัจจุบัน” และถูกสั่งเก็บในฐานะหนังสือต้องห้าม ต่อมาเปลี่ยนชื่อภายหลังเป็น “โฉมหน้าศักดินาไทย” ในการพิมพ์ครั้งที่ 2 (พ.ศ.2517) แต่อย่างไรก็ดีการตีพิมพ์ครั้งแรกและครั้งที่ 2 ยังไม่จบโดยสมบูรณ์เพราะ จิตร ภูมิศักดิ์ รีบเร่งเขียนให้ทันพิมพ์ใน นิติศาสตร์ 2500 การจัดพิมพ์ครั้งหลังจึงไม่สามารถหาต้นฉบับที่สมบูรณ์ได้
โดยเนื้อหาของหนังสือ จิตร ภูมิศักดิ์ ได้วิเคราะห์ระบบศักดินาโดยตั้งอยู่บนรากฐานของกฎทางภววิสัยแห่งพัฒนาการสังคมโดยยึดความสัมพันธ์ทางการผลิตตามแนวทางของมาร์กซิสต์ ประกอบกับหลักฐานของฝ่ายศักดินาเองและประวัติศาสตร์โลกมาเป็นกรอบในการวิเคราะห์และท้าทายชุดความเชื่อกระแสหลักที่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายศักดินา
การ
จากที่กล่าวข้างต้น ผู้วิจารณ์เห็นว่ามีข้อความตอนหนึ่งจากคำกล่าวนำโดยสำนักพิมพ์ของหนังสือเล่มนี้ที่เขียนสะท้อนถึง เจตจำนง จุดยืนในการวิเคราะห์ และทัศนะทางประวัติศาสตร์ของจิตร ภูมิศักดิ์ ในการเขียนหนังสือเล่มนี้ได้เป็นอย่างดี ดังนี้ “วิชาประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่ว่าด้วยความชัดเจนในการต่อสู้ทางสังคมของมนุษย์ ซึ่งวิชานี้เสมือนตัวอย่างของการต่อสู้ทางสังคมแห่งชีวิตของชนรุ่นหลัง การศึกษาประวัติศาสตร์จึงเป็นหัวใจแห่งการศึกษาความเป็นมาของสังคม เป็นกุญแจดอกสำคัญที่จะไขไปสู่การปฏิวัติอันถูกต้อง”
หนังสือโฉมหน้าศักดินาไทย จึงนับว่าเป็นงานค้นคว้าทางประวัติศาสตร์ที่ทรงคุณค่ายิ่ง จนได้รับการยกย่องว่าเป็น 1 ใน 100 หนังสือที่คนไทยควรอ่าน เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปในแวดวงวิชาการว่าเป็นผลงานที่ต่างไปจากแบบเรียนและความเชื่อทางประวัติศาสตร์ที่เคยมีมาก่อนในสังคมไทย ยิ่งไปกว่านั้นงานชิ้นดังกล่าวยังได้ท้าทายความเชื่อเดิมที่ถูกผูกขาดโดยฝ่ายศักดินาซึ่งเป็นความเชื่อกระแสหลักของสังคมไทยในขณะนั้น
ถ้าหากถือตามคติที่ว่า “ชนชั้นใดเขียนกฎหมาย แน่ไซร้เพื่อชนนั้น” แล้วก็ย่อมถือได้ว่า ประวัติศาสตร์โดยศักดินาย่อมรับใช้ศักดินา ประวัติศาสตร์โดย จิตร ภูมิศักดิ์ ย่อมรับใช้มวลชน ดังนั้นจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่มวลชนไทยทุกคนควรจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่สร้างโดยมวลชนเอง จิตร ภูมิศักดิ์ ได้ชี้ให้เห็นธรรมชาติของระบบศักดินาโดยทั่วไปโดยเฉพาะระบบศักดินาไทยที่เป็นเป้าหมายหลักของหนังสือเล่มนี้ได้อย่างชัดเจนรอบด้าน
ซึ่งผู้วิจารณ์เห็นว่าเราไม่สามารถมองเห็นผ่านแว่นของฝ่ายศักดินาได้เลย จึงนับได้ว่างานของจิตร ภูมิศักดิ์ เป็นมรดกทางวิชาการอีกชิ้นหนึ่งที่สำคัญยิ่งของคนไทยที่ควรศึกษาและนับเป็นความกล้าหาญอย่างยิ่งของจิตร ภูมิศักดิ์ ในการนำเสนอผลงานชิ้นนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวเพราะในยุคนั้นประเทศไทยยังมีสภาพเป็นกึ่งเมืองขึ้นกึ่งศักดินาและความขัดแย้งของสงครามเย็นซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายกับตัวผู้เขียนเองได้
นอกจากนี้ จิตร ภูมิศักดิ์ ยังได้แนะแนวทางในการอ่านให้กับผู้อ่าน และปูพื้นให้ผู้อ่านโดยการเริ่มอธิบายถึงธรรมชาติของระบบศักดินาโดยทั่วไป แล้วจึงย้อนกลับมามองระบบศักดินาไทยเพื่อช่วยให้ผู้อ่านสามารถอ่านหนังสือเล่มนี้ได้อย่างเข้าใจมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชมเชิญเป็นอย่างยิ่ง
แต่อย่างไรก็ดีแม้หนังสือเล่มนี้จะมีที่ข้อดีมากมาย แต่ก็ใช่ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่มีข้อบกพร่องเลยทีเดียว ผู้วิจารณ์เห็นว่ามีอยู่ 3 ประการใหญ่ๆ ด้วยกัน ดังนี้
ประการแรก เดิมทีหนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า “ โฉมหน้าศักดินาไทยในปัจจุบัน” ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบช่วงเวลาที่งานเขียนชิ้นนี้ตีพิมพ์เผยแพร่กับช่วงเวลาที่หนังสือเล่มนี้มุ่งวิเคราะห์ ปรากฏว่าเป็นคนละช่วงเวลากัน ดังนั้น ผู้วิจารณ์จึงเห็นว่าการใช้ชื่อ“ โฉมหน้าศักดินาไทยในปัจจุบัน” ในตอนแรกจึงไม่เหมาะสม เพราะอาจจะทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้
ประการต่อมา การอธิบายเกี่ยวกับชนชั้นกลางของจิตร ภูมิศักดิ์ มีความคลุมเครือดังจะเห็นได้ในหัวข้อ “ลักษณะของระบบผลิตศักดินาโดยทั่วไป” ที่จิตร ภูมิศักดิ์ อธิบายเหมือนประหนึ่งว่าชนชั้นกลางมีเพียงลักษณะเดียว คือ “ชั้นชนกลางที่ต่อต้านระบบศักดินาและเป็นนักประนีประนอม” แต่ในหัวข้อ “ระบบศักดินาในประเทศไทย” จิตร ภูมิศักดิ์ กลับอธิบายชนชั้นกลางที่ร่วมมือกับฝ่ายศักดินาซึ่งขัดแย้งกับความหมายของชนชั้นกลางในตอนแรก การขาดความชัดเจนเช่นนี้อาจทำให้ผู้อ่านเข้าใจผิดได้
และประการสุดท้าย ผู้วิจารณ์เห็นว่าหนังสือเล่มนี้ยังไม่สมบูรณ์ เห็นได้จากความตอนหนึ่งในหนังสือที่ว่า “ระบบศักดินาเป็นระบบของสังคมและระบบสังคมย่อมจะต้องประกอบด้วยด้านต่างๆ 3 ด้าน กล่าวคือ การเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม” ซึ่งจิตร ภูมิศักดิ์ ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนในหัวข้อ “ลักษณะของระบบผลิตศักดินาโดยทั่วไป” แต่ในการวิเคราะห์กับระบบศักดินาไทย ในหัวข้อ “ระบบศักดินาในประเทศไทย” เขากลับอธิบายแค่ลักษณะทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว โดยไม่ได้อธิบายถึงลักษณะทางการเมืองและวัฒนธรรม ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในการทำความเข้าใจระบบศักดินาไทย และเป็นเหตุให้หนังสือเล่มนี้ไม่มีความสมบูรณ์
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
"ฮุน เซน" เมินเก็บศพทหารเขมร ปล่อยทิ้งขึ้นอืดตามแนวชายแดน กลิ่นคละคลุ้ง
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
เตือนภัยเทรนด์เลี้ยง "งูสีฟ้า" ตามรอย Zootopia 2 สวยประหารที่มาพร้อมพิษร้ายอันตรายถึงชีวิต
ทหารเขมรใช้สไนเปอร์ลอบยิง "ผบ.ทร." รอดหวุดหวิด กระสุนพลาดถูกรถยนต์
นักบอลดัง "มาริโอ ปิเนด้า" ทีม "บาร์เซโลนา" ถูกยิงดับ
Zootopia 3: เมื่อ ‘หนูมาเฟีย’ ถอดรหัส Godfather สู่เก้าอี้นายกเทศมนตรี
"ฮุน เซน" เมินเก็บศพทหารเขมร ปล่อยทิ้งขึ้นอืดตามแนวชายแดน กลิ่นคละคลุ้ง
ทึ่งทั่วโลก : หุบเขาเทวดาวั้งเซียนกู่" หมู่บ้านที่สร้างอยู่ริมหน้าผา สถานที่ท่องเที่ยวแสนน่าทึ่งของประเทศจีน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
4 พันธุ์ไม้ "นักดูดฝุ่น" ฟอกอากาศขั้นเทพที่ควรมีติดบ้าน
ช็อกวงการมวย! “ตะวันฉาย” ขาหักหลังพ่าย TKO ยกแรก