แคลอรี่.. คือ หน่วยในการวัด อะไรกัน??
แคลอรี่ หรือ แคลอรี (calorie) คือ หน่วยในการวัดพลังงาน ที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากข้างกล่องบรรจุอาหารต่างๆ ซึ่งมีไว้เพื่อบอกปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่ได้รับประทานเข้าไป เพราะร่างกายต้องการพลังงาน โดยแคลอรี่ในระบบเมตริกจะถูกแทนที่ด้วย หน่วยจูล (joule) ในระบบ SI แต่จะนิยมใช้แคลอรี่เป็นหน่วยที่ใช้บอกพลังงานจากอาหาร (food energy) โดยนิยมของแคลอรี่จะมีอยู่ด้วย 2 รูปแบบคือ
- Small calorie (แคลอรี่เล็ก) เป็นหน่วยของปริมาณความร้อน โดย 1 แคลอรี่ จะหมายถึงปริมาณความร้อนที่ทำให้น้ำบริสุทธิ์ 1 กรัม มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส ที่ความดันบรรยากาศ 1 แคลอรี่ จะเท่ากับ 4.186 จูล (joule)
- Large calorie (แคลอรี่ใหญ่) เป็นหน่วยของพลังงานที่ได้จากการเผาผลาญอาหาร แคลอรี่สำหรับอาหาร (food calorie) จะเป็น large calorie โดย 1 แคลอรี่อาหาร จะมีค่าเท่ากับ 1 กิโลแคลอรี่ (kcal) หรือ 1,000 แคลอรี่ ซึ่งอาจจะเรียกเพียง “แคลอรี่” แทนการเรียกชื่อเต็มว่า “กิโลแคลอรี่” ก็ได้ โดยจะมีค่าเทียบเท่ากับพลังงานที่ทำให้น้ำ 1 กิโลกรัม มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส หรือเท่ากับ 4.186 กิโลจูล (kilojoule หรือ KJ)
สรุป แคลอรี่ (cal) คือ หน่วยวัดพลังงาน โดยหนึ่งแคลอรี่ก็คือปริมาณที่ทำให้น้ำ 1 กรัม มีอุณหภูมิเพิ่มขึ้น 1 องศาเซลเซียส ส่วนพลังงานที่ใช้ในร่างกายหรือพลังงานที่ได้รับจากอาหารจะเรียกเป็น “กิโลแคลอรี่” (kcal) ซึ่งมีไว้เพื่อบอกให้เราทราบว่า อาหารที่เรารับประทานมีแคลอรี่เท่าไหร่ แล้วเราควรจะเลือกบริโภคอาหารชนิดใด เพื่อให้เพียงพอในชีวิตประจำวัน
รู้จักกับแคลอรี่ให้มากขึ้น
- จูล หรือ กิโลจูล คือ หน่วยของพลังงานไฟฟ้า โดยทั่วไปแล้วจะนำมาใช้ในทางวิทยาศาสตร์ โดยจะมีค่าเท่ากับพลังงานที่ได้รับจากการปล่อยกระแสไฟฟ้า 1 แอมแปร์ วิ่งผ่านตัวต้านทาน ที่มีความทาน 1 โอห์ม เป็นระยะเวลา 1 วินาที
- แคลอรี่และกิโลจูลมีความหมายคล้ายกัน แต่มีหน่วยต่างกัน ในประเทศไทยเรานิยมใช้แค่หน่วย แคลอรี่ (Calories) หรือ กิโลแลอรี (Kcal) แต่ในต่างประเทศมักจะนิยมใช้หน่วยกิโลจูลควบคู่ไปกับแคลอรี่ ดังนั้น หากต้องอ่านฉลากอาหารของต่างประเทศที่ไม่มีบอกหน่วยแคลอรี่ แต่บอกเพียงหน่วยกิโลจูล ก็ให้เอา 4.184 ไปหาร เพียงเท่านี้คุณก็จะทราบปริมาณแคลอรี่ของอาหารชนิดนั้นแล้ว
- ทั้งหน่วยแคลอรี่และหน่วยจูล ต่างก็เป็นหน่วยที่เล็กมาก เมื่อเราพูดถึงอาหารหรือพลังงาน เราก็มักจะพูดถึงมันในรูปของผลคูณของ 1,000 ซึ่งหมายความว่า 1,000 แคลอรี่ ก็คือ 1 กิโลแคลอรี่ หรือ 1,000 แคลอรี่ ส่วนคำว่า 1,000 จูล ก็คือ 1,000 กิโลจูล
- เมื่อพูดถึงพลังงานที่ได้จากอาหาร (Nutritional energy) เราจะเรียกว่า Calorie แทนการใช้คำว่า Energy โดยจะเขียนแคลอรี่ที่หมายถึงพลังงานที่ได้จากอาหารนี้ด้วย C ตัวใหญ่ (Cal หรือ เรียกว่า แคลอรี่ใหญ่) โดย 1 Calorie (Nutritional calorie) จะมีค่าเท่ากับ 1,000 standard calories (cal ใช้ซีตัวเล็ก หรือเรียกว่า แคลอรี่เล็ก) ซึ่งมีค่าเท่ากับ 1 kcal สรุปก็คือ 1,000 cal = 1 Cal = 1 kcal
- ถ้าจะพูดกันให้เข้าใจง่ายๆ แคลอรี่ ก็คือ กิโลแคลอรี่ (ไม่ต้องเอาตัวเลขไปคูณด้วย 1,000 อีก เนื่องจากมีบางท่านเข้าใจว่าแคลอรี่คือหน่วย ส่วนกิโลคือ 1,000) เพราะถ้านับเพียง “แคลอรี่” (cal) อย่างเดียวตัวเลขมันจะเยอะ ก็เลยทำเป็นกิโลด้วยการเติม k ลงไป แต่นักวิชาการยังเห็นว่าการที่เติม k ลงไปเป็น kcal มันก็ยังดูเยอะอยู่ดี ก็เลยตัด k ออก แล้วเขียนแคลอรี่ขึ้นมาใหม่โดยใช้ตัว C (ตัวใหญ่) แทน c (ตัวเล็ก) ก็จะได้เป็น Cal ซึ่งตัวซีตัวใหญ่ก็จะมีค่าเป็นหนึ่งพันไปด้วย จึงสรุปได้ว่า Cal = kcal แต่เมื่อนักโภชนาการใช้หน่วย นี้ไปนานๆ (อาจไม่ได้คิดเผื่อคนอื่น) ก็เลยเขียนเป็นซีตัวเล็กหมด
- ทั้งแคลอรี่และจูลมันเกี่ยวข้องยังไงกับร่างกาย? เนื่องจากเราไม่ได้ใช้พลังงานในการทำให้อุณหภูมิของน้ำเพิ่มขึ้นหรือปล่อยให้มันวิ่งผ่านตัวต้านทาน แต่ร่างกายของเราต้องการใช้พลังงานเหล่านี้เพื่อรักษาอุณหภูมิในร่างกายให้คงที่และนำพลังงานเหล่านี้ไปใช้ในการทำกิจกรรมของอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
สารอาหารที่ให้พลังงาน
สารอาหารที่ให้พลังงาน คือ อาหารจำพวกโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน
- โปรตีน จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม
- คาร์โบไฮเดรต จะให้พลังงาน 4 แคลอรี่ต่อกรัม (เท่ากับโปรตีน)
- ไขมัน จะให้พลังงานสูงสุดคือ 9 แคลอรี่ต่อกรัม (ให้พลังงานเป็น 2 เท่าของคาร์โบไฮเดรตหรือโปรตีน)
ปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวัน
โดยปกติแล้วปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับคนทั่วไปที่ทำงานหนักปานกลาง คือประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ทำงานหนักหรือต้องใช้พลังงานมาก เช่น กรรมกร หรือนักกีฬา ก็ต้องการพลังงานมากกว่านี้ ส่วนผู้ที่ทำงานเบากว่าคนปกทั่วไปก็ต้องการพลังงานน้อยกว่านี้ และการบริโภคในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไม่ควรจะเกิน 600 กิโลแคลอรี่ โดยอาหารจานเดียว อย่างเช่น ข้าวผัด ก๋วยเตี๋ยว จะให้พลังงานประมาณ 300-500 กิโลแคลอรี่
ตามคำแนะนำของ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) ได้ระบุปริมาณของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไป ซึ่งคิดจากความต้องการพลังงานวันละ 2,000 แคลอรี่ โดยปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันของคาร์โบไฮเดรตคิดเป็น 60% (1,200 กิโลแคลอรี่) หรือเป็นปริมาณที่ควรบริโภคเท่ากับ 300 กรัมต่อวัน, โปรตีน 10% (200 กิโลแคลอรี่) หรือเป็นปริมาณที่ควรบริโภคเท่ากับ 50 กรัมต่อวัน, และไขมัน 30% (600 กิโลแคลอรี่) หรือเป็นปริมาณที่ควรบริโภคเท่ากับ 66.6 กรัมต่อวัน หากต้องการพลังงานมากหรือน้อยกว่านี้ให้ปรับเพิ่มหรือลดลงตามสัดส่วนจากพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน ซึ่งร่างกายของเราจะใช้พลังงานเหล่านี้ในการทำให้ระบบต่างๆ ภายในร่างกายทำงานและกักเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมันและแหล่งพลังงานอื่นๆ ตามอวัยวะในร่างกายไว้ใช้ในอนาคต
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
"ลิซ่า" สานฝันตัวเองสำเร็จ วันนี้ได้ประกบคู่ "กงยู" แล้ว
จากผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สู่ผู้ต้องลุ้นชะตา ฮุนเซน กับเกมหนีคุกสหรัฐฯ
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
จากผู้นำผู้ยิ่งใหญ่ สู่ผู้ต้องลุ้นชะตา ฮุนเซน กับเกมหนีคุกสหรัฐฯ
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
แรคคูนเมาแอ๋! บุกร้านเหล้าอเมริกัน ฉกวิสกี้ดื่มจนหลับคาห้องน้ำ
ตำรวจแยกสอบ 2 เคส! “เวย์ ไทเทเนี่ยม” ถูกเหยื่อแจ้งความฉ้อโกง อ้างชื่อนักธุรกิจดังตุ๋นลงทุนหุ้นทิพย์ สูญกว่า 50 ล้าน
ปริศนาแห่งห้วงลึก เผยโฉม "ปลาหมึกเจ็ดแขน" สัตว์ยักษ์ที่หาตัวยากที่สุดในโลก
