"ยิว" เชื้อชาติที่ฉลาดที่สุดในโลก
พูดถึงคนยิวหลายคนมองว่าเป็นคนที่ชอบเอาเปรียบคนอื่น ขี้โกง เอาแต่ได้ อาจจะเป็นเพราะเรื่องเล่าสมัยก่อนที่กล่าวถึงชาวยิวมักพูดถึงพ่อค้าชาวยิวหน้าเลือด ในความเป็นจริงคนยิวมีอาชีพต่างๆมากมาย ไม่ว่าจะเป็นพ่อค้า อาจารย์ นักวิทยาศาตร์ ศิลปิน ฯลฯ แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนทั่วโลกต่างคิดเหมือนกันก็คือชาวยิวแทบจะเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกและมีคนเก่งจำนวนมากที่เป็นคนยิว เช่น
อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักวิทยาศาตร์ระดับตำนานผู้คิดค้นสมการสร้างระเบิดปรมาณู
สตีเฟน สปิลเบอร์ก ยอดผู้กำกับหนังฮอลลีวู้ดเจ้าของผลงานอย่าง จอร์ส อีทีหรือจูราสิคพาร์ค
ลอว์เรนซ์ อี. เพจ ลูกครึ่ง อเมริกัน-ยิว (ซ้าย) เซอร์เก บริน ชาวยิวที่อพยบมาจากรัสเซีย (ขวา) ทั้งสองเป็นผู้ก่อตั้งกูเกิล
มาร์ค เซอร์เคิล เบิร์ก เจ้าของเฟสบุ๊คเป็นคนยิว
จอร์จ โซรอส พ่อมดทางการเงิน
จอห์น พอลสัน ผู้จัดการกองทุนเฮดฟันด์ที่ทำกำไรจากวิกฤติซัพไพร์มอย่างมหาศาล และยังมีชาวยิวจำนวนมากที่มีชื่อเสียงระดับโลกในด้านต่างๆ
สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือชาวยิวจะเก่งทางด้านการใช้ความคิดและไม่ถนัดในเรื่องของการใช้แรงงานมากนัก เราไม่ค่อยได้เห็นนักกีฬาเก่งๆระดับโลกที่เป็นชาวยิว นอกเหนือจากนั้นยังมีเศรษฐีที่ดินที่เป็นคนยิวจำนวนไม่มาก สาเหตุเนื่องมากจากชาวยิวในสมัยก่อนโดยเฉพาะในตะวันออกกลางและยุโรปนั้นถือว่าเป็นชนกลุ่มน้อยของประเทศที่ตนอาศัยอยู่ นับจากโมเสส ศาดาพยากรณ์ที่นำชาวยิวหนีจากความเป็นทาสจากอียิปต์เมื่อกว่าสามพันปีที่แล้วมาตั้งถิ่นฐานบริเวณปาเลสไตน์ในปัจจุบัน หลังจากนั้นชาวยิวถูกรุกรานโดยประเทศมหาอำนาจสมัยก่อนมาโดยตลอดไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรโรมันและอิสลาม หลังจากสงครามครูเสดที่อิสลามชนะคริสเตียนและเข้ายึดดินแดนตะวันออกกลางได้ทั้งหมด ชาวยิวจึงอพยพเข้ามาอาศัยในยุโรปเป็นจำนวนมาก
การเป็นชนกลุ่มน้อยทำให้ชาวยิวไม่ได้มีโอกาสเป็นเจ้าของที่ดินเพราะถูกห้ามตามกฏหมาย ทำให้ชาวยิวไม่สามารถทำอาชีพเกษตรกรรมได้ในสมัยโบราณจึงถูกบังคับทางอ้อมให้ทำอาชีพที่ไม่ได้ใช้แรงงานอย่างเช่น พ่อค้า แพทย์ ทนาย นักฏหมาย นักเขียน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดมากกว่าใช้แรงกาย หลังจากนั้นงานทางด้านวิทยาศาตร์เริ่มมีความก้าวหน้ามากขึ้นจะเห็นว่ามีชาวยิวได้รับรางวัลโนเบิลสาขาวิทยาศาตร์จำนวนมากเช่นเดียวกัน การถูกกีดกันจากเจ้าของประเทศทำให้ชาวยิวต้องรวมตัวกันเป็นชุมชนเพื่อความอยู่รอด หลักศาสนายิวหรือยูดายน์ให้ความสำคัญกับการศึกษาเป็นอย่างมากจนถึงกับมีบทบัญญัติไว้ว่าให้ชาวยิวทุกคนต้องได้รับการศึกษา คนที่มีการศึกษาสูงจะได้รับความนับหน้าถือตาและมีคนชื่นชมจากสังคมชาวยิวมากเสียกว่าคนที่มีเงินทองมากมายเสียอีก พ่อแม่ชาวยิวมักให้ลูกสาวของตนแต่งงานกับคนที่มีการศึกษาดี ดังนั้นคนยิวถึงจะยากดีมีจนแค่ไหนจะให้การศึกษากับบุตรหลานของตนและจะมีการให้ทุนเรียนดีจากชุมชนต่างๆของชาวยิวให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ไม่มีเงินมากพอที่จะเรียนต่อในขั้นสูง
นอกเหนือจากนั้นในคัมภีร์ของชาวยิวจะกล่าวไว้ว่า”อย่าเชื่อถ้าไม่ได้คิดวิเคราะห์อย่างถ่องแท้” ความคิดเช่นนี้ทำให้ศานายิวต่างๆจากศานาอื่นๆที่เน้นให้เชื่อและศรัทธาอย่างการเชื่อในพระเจ้าหรือการเชื่อในการกลับชาติมาเกิดเป็นต้น แต่สำหรับคนยิวจะถูกสอนให้ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ ถึงแม้จะเป็นพระหรือพ่อแม่ก็จะสอนว่าห้ามเชื่อในสิ่งที่บอกจนกว่าจะได้คิดพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ในการเรียนการสอนของชาวยิวจะเน้นไปที่การถามตอบจนกว่าจะเข้าใจโดยเฉพาะในโรงเรียนสอนศานายิว ซึ่งหลักการดังกล่าวใกล้เคียงกับการเรียนการสอนในหลักสูตรสมัยใหม่มากและเป็นหลักของวิทยาศาตร์ในปัจจุบัน อย่างเรื่องอดัมกับอีฟที่แอบกินแอ๊ปเปิ้ลในสวนอีเดนจนถูกพระเจ้าขับไล่ออกมา นักศึกษายิวจะตั้งคำถามว่าอดัมกับอีฟกินแอปเปิ้ลจริงๆหรือไม่ ซึ่งถ้าดูเผินๆอาจจะจริงแต่ชาวยิวจะบอกว่าไม่ใช่ เพราะในสมัยนั้นยังไม่มีต้นแอปเปิ้ลในดินแดนปาเลสไตน์ และน่าจะเป็นผลมะเดื่อมากกว่าเพราะหลังจากกินผลไม้แล้วอดัมกับอีฟนำใบมะเดื่อมาปกปิดร่างกายเป็นต้น
ดังนั้นนักลงทุนในตลาดหุ้นที่อยากจะประสบความสำเร็จในการลงทุนอาจเรียนรู้ได้จากหลักการของชาวยิวนั่นคือศึกษาหาความรู้อย่างเต็มที่และอย่าเชื่ออะไรง่ายๆถ้าไม่ได้คิดอย่างรอบคอบ แล้วเราจะไม่ซื้อหุ้นตามคนอื่นได้ง่ายๆเพียงเพราะคนอื่นๆบอกมา นอกเหนือจากนั้นการศึกษาหุ้นที่จะลงทุนอย่างถ่องแท้จะช่วยให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของตลาดหุ้นได้อย่างแน่นอน