ความเสี่ยงต่อผู้บริโภคชาไข่มุก สำลักเม็ดไข่มุก และพบสารก่อมะเร็งปนเปื้อน

เตือนภัยวันนี้ ขอหยิบอันตรายจากเครื่องดื่มเย็นชื่นใจคู่คนไทยประเภทชาใส่ไข่มุก เพราะเห็นว่าคนทำงานรวมทั้งวัยรุ่น วัยเรียนฮิตซื้อกินกันมาก บางคนดื่มแทนน้ำเปล่าวันละ 3 แก้วเลยก็มี ด้วยรสชาติหวานเข้มข้นเช่นนี้ มีหรือที่คนจะไม่อ้วนขึ้น

ในงานประชุมวิชาการโภชนาการแห่งชาติ ครั้งที่ 9 ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ หัวหน้าภาควิชาโภชนาวิทยา คณะสาธารณสุขศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล และเลขาธิการสมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เครื่องดื่มประเภทชาไข่มุกกำลังได้รับความนิยมในยุโรปรวมทั้งเยอรมนี องค์การด้านสุขภาพและนักวิจัยเยอรมนีจึงได้ออกคำเตือนการบริโภคเครื่องดื่มประเภทชาไข่มุก เพราะอาจมีกรณีสำลักเม็ดไข่มุก และตรวจพบสารก่อมะเร็งปนเปื้อน

สำหรับสารก่อมะเร็งที่ตรวจพบในเยอรมนีนั้น น่าจะเกิดจากการเปื้อนสารโพลีคลอริเนต ไบฟีนิล หรือพีซีบี (PCBs) สารก่อมะเร็งเจือปนเป็นสารทำความเย็นซึ่งใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ หรืออาจเจือปนในมันสำปะหลังที่นำมาผลิตแป้งไข่มุก ไม่เพียงแต่ดื่มชานมไข่มุกเท่านั้น พวกกาแฟเย็น ชาเย็น ก็อยุ่ในกลุ่มเครื่องดื่มที่มีความเสี่ยง เพราะมีผู้นิยมบริโภคเยอะมาก

เมื่อถามถึงความเสี่ยงของสีผสมอยู่ในชาเย็น ชาเขียว ผศ.ดร.เรวดี บอกว่า เท่าที่ราบชาจะผสมสมุนไพรที่เป็นสีจากธรรมชาติ แต่ถ้าสีเข้มมากอาจใช้สีผสมอาหาร ซึ่งถ้ามีสีผสมอาหารมาก ดื่มมากก็ไม่ปลอดภัยเพราะเป็นสีสังเคราะห์ แม้ในไทยจะยังไม่มีการตรวจสารปนเปื้อนในชาไข่มุกอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่ผู้ดื่มอย่างต่อเนื่องจะมีภาวะน้ำหนักเกินและเสี่ยงเป็นเบาหวาน โดยเฉพาะในต่างจังหวัดจะชงขายถุงใหญ่มาก บางแห่งก็ขายส่งเป็นกระติกก็มี

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ห้ามว่าอย่ากินโดยเด็ดขาด แต่ใครที่ซื้อดื่มต่างน้ำ ถ้าไม่คิดว่าอันตรายต่อสุขภาพก็คิดถึงเงินในกระเป๋าก็ได้ ราคาแพงขนาดนี้ซื้อข้าวซื้อน้ำกินได้ตั้งหลายมื้อนะครับ

ผศ.ดร.เรวดี จงสุวัฒน์ เลขาธิการ สมาคมโภชนาการแห่งประเทศไทย แนะนำให้ลดปริมาณการบริโภคให้น้อยลง ควรนานๆ ครั้ง ไม่ต้องซื้อกินทุกวัน วันละหลายๆ แก้ว เพราะชาไข่มุกมีรสหวานมาก

ที่สำคัญถ้าซื้อให้เด็กเล็กทานไม่ควรใส่ใข่มุกให้เด็กดูดผ่านหลอดจัมโบ้ เพราะเด็กจะกลืนไม่ลงเม็ดไข่มุกอาจติดค้างในระบบทางเดินหายใจ ในกรณีผู้สูงอายุก็เช่นกัน อาจสำลักไข่มุกได้อันตรายพอๆ กัน