ซื้อบ้านจัดสรรแบบสองสัญญามีทั้งได้และเสีย
การทำสัญญาแบบนี้มองดูแล้วทั้งสองฝ่ายต่างได้ประโยชน์ แต่ฝ่ายที่ได้มากคือผู้ประกอบการเพราะเสียภาษีน้อยลง เนื่องจากจะเสียเฉพาะส่วนที่เป็นรายได้จากการขายที่ดินเท่านั้น อีกอย่างคือได้เงินเร็วขึ้นเพราะจะได้รับค่าซื้อที่ดินก่อน เสร็จแล้วค่อยเป็นค่าก่อสร้างบ้าน และที่สำคัญคือไม่ตกอยู่ภายใต้กฎหมายจัดสรรที่ดินที่ค่อนข้างเข้มงวด ทั้งการจัดสร้างสาธารณูปโภคให้ได้ตามแบบที่ขออนุญาต หรือการที่ต้องระบุเวลาในการก่อสร้าง รวมไปถึงการจ่ายค่าปรับกรณีที่สร้างบ้านไม่เสร็จตามกำหนด ฯลฯ
ด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ประโยชน์ที่ผู้ซื้ออาจได้รับ เช่น อาจประหยัดค่าภาษีและค่าธรรมเนียมได้จำนวนหนึ่ง กับอีกด้านหนึ่งคือเป็นการป้องกันความเสี่ยงกรณีซื้อบ้านแล้วไม่ได้บ้าน หรือจ่ายเงินแล้วบ้านไม่เสร็จ เนื่องจากผู้ซื้อจะได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมาก่อนหลังจากผ่อนดาวน์ไปได้ จำนวนหนึ่ง
อย่างไรก็ตามการซื้อบ้านจัดสรรด้วยการทำสัญญาแบบนี้ ฝ่ายผู้ซื้อมีโอกาสตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เช่น กรณีที่สร้างบ้านไม่เสร็จหรือทิ้งงาน หรือไม่สร้างสาธารณูปโภค ก็คงต้องไปฟ้องร้องกันเอง เพราะไม่อยู่ในข่ายของกฎหมายจัดสรรที่ดินที่จะมีคณะกรรมการเข้าไปช่วยจัดการ หรือดำเนินการให้ได้ ที่สำคัญทั้งสองฝ่ายอาจถูกมองว่ามีเจตนาในการเลี่ยงภาษีก็ได้
แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้กับการซื้อบ้านจัดสรรที่ทำสัญญาแบบนี้ อย่างน้อยก็ควรเลือกผู้ประกอบการที่เชื่อถือได้ และให้รอบคอบในขั้นตอนการทำสัญญาปลูกสร้างบ้าน เพื่อไม่ให้เสียเงินฟรีแล้วบ้านสร้างไม่เสร็จ