ไปดูหนังที่เมเจอร์ศาลายา ปรากฏว่าได้ของแถมมาด้วย
เย็นของวันศุกร์ที่ 15/8/2557
บ้านเราสี่คนพ่อแม่ลูกมีนัดกันไปดูหนังเรื่อง Guardians of the Galaxy รอบ 18.30 น. เมื่อวันศุกร์ที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา ด้วยความที่วันนั้นในช่วงเย็นเรามีปิกนิกกับเพื่อนๆ ของลูกที่พุทธมณฑลด้วย จึงทำให้ออกมาสายกว่าที่คาดการณ์เอาไว้เล็กน้อย
ทันทีที่ไปถึงที่โรงหนัง ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความรีบเร่ง ทั้งซื้อตั๋ว เข้าห้องน้ำ ซื้อน้ำและป๊อปคอร์น เพราะเวลาในตอนนั้นคือ 18.45 น. แม้เชื่อว่าหนังยังไม่ฉายแต่ก็ใกล้เคียงแล้วล่ะค่ะ แน่นอนว่าเราต่างก็รู้หน้าที่ดี เด็กๆ เลือกที่จะขอถือน้ำไว้เหมือนเช่นทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ สิ่งที่เราพลาดก็คือ เราลืมไปว่าเรากำลังรีบ และการให้เด็กเก้าขวบกับเจ็ดขวบถือน้ำไปด้วยกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปด้วยเป็นอะไรที่เสี่ยงมาก....เฮ้อ
เราจับมือลูกสาวคนโตพร้อมถุงป๊อบคอร์นในมือ ด้วยความที่เธอเป็นคนค่อนข้างซุ่มซ่าม เราจึงเลือกที่จะจับยัยโก๊ะกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่โรงห้า ปล่อยให้เจ้าลูกชายวัยเจ็ดขวบวิ่งตามหลังมา โดยมีคุณพ่อที่กำลังรอรับหางตั๋ววิ่งตามมาติดๆ
“โคร้มมมมม” (คือไม่รู้จะอธิบายเสียงอย่างไร จริงๆ มันไม่ได้เสียงดังขนาดนั้นหรอกค่ะ ฮ่าๆๆ)
หันไปอีกที เจ้าแสบเล็กกองลงไปกับพื้น น้ำในแก้วพุ่งไปด้านหน้าหกกระจายจนเกลี้ยงแก้ว ตัวเล็กหน้าเสียมากถึงมากที่สุด ป๊ารีบอุ้มขึ้นแล้วถามว่าเจ็บหรือเปล่า แน่นอน...วินาทีนั้นใจหนึ่งก็อยากดุที่เขาซุ่มซ่าม แต่อีกใจก็รู้ว่าเราเองก็ผิดที่ลืมคิดไปว่าไม่ควรให้เขาถือน้ำไปวิ่งไปแบบนั้น
เราหันไปมองพนักงานที่เก็บตั๋วแวบหนึ่ง และโค้งหัวให้เพื่อบอกว่าน้องทำน้ำหกและขอโทษที่ทำให้ต้องเดือดร้อน แล้วตัดสินใจพาลูกเดินต่อเพื่อเข้าโรงให้ทันเวลา
ตัวเล็กหน้าเสียแต่ก็ไม่ร้องไห้ ทันทีที่นั่งลงที่เก้าอี้ เราก็กอดจูบแก้มและปลอบใจว่าไม่เป็นไรเหลือน้ำอีกแก้วเดี๋ยวแบ่งกันสี่คนพ่อแม่ลูกก็ได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะเตือนให้เขาระวังให้ดีในครั้งหน้า และบอกว่าจริงๆ เราเองก็ผิดที่ไม่ควรให้เขาวิ่ง น่าจะยอมให้เข้าโรงช้าแต่ปลอดภัยกว่านี้ เขาพยักหน้าทั้งโล่งใจและเข้าใจเริ่มยิ้มได้ เพลงสรรเสริญพระบารมีก็ขึ้นมาพอดี
นั่งลงเตรียมดูหนังยังไม่ทันที่หัวใจจะหายเต้นแรง จู่ๆ ก็มีพนักงานสองคนเดินเข้ามา คนหนึ่งอยู่ในชุดยูนิฟอร์ม อีกคนใส่เสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อน แล้วเข้ามาถามว่า “ใช่น้องที่ทำน้ำหกเมื่อกี้หรือเปล่าครับ”
เอาจริงๆ นะ ตอนนั้นคิดว่า...จะมาตามให้ไปเช็ดน้ำหกกับเก็บแก้วหรือเปล่าฟระ!
สามีพยักหน้าว่าใช่แล้วถามว่าทำไมหรือครับ พนักงานในชุดยูนิฟอร์มก็ยื่น “แก้วใหม่” มาให้ทันที แล้วโค้งศรีษะเดินจากไป
เราสี่คนก็แบบว่า อึ้ง อึ้ง อึ้ง และอึ้งไปแล้วมองหน้ากัน สุดท้ายก็ยิ้มออกมาด้วยความแปลกใจสุดๆ เพราะบอกตรงๆ เราไม่เคยคาดหวังว่าเขาจะทำแบบนี้และให้ตายเหอะ...เราไม่เคยได้ยินว่ามันมีเรื่องแบบนี้ด้วยจริงๆ นะ
เจ้าตัวเล็กหันมาถามทันทีว่าทำไมพี่เขาถึงให้น้ำแก้วใหม่ เราเองก็คิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่ามันเป็นระเบียบปฏิบัติของทางโรงหนังหรือเปล่า แต่สิ่งที่เราคิด เราเชื่อว่ามันคือ “ความใส่ใจและน้ำใจ” ของพนักงานคนหนึ่ง
แน่นอนค่ะ หนังจบไปพร้อมๆ กับรอยยิ้ม ความสนุกและเสียงหัวเราะของเด็กสองคน แต่สิ่งที่ทำให้ประทับใจเรากับสามีสุดๆ ก็คือ เรื่องเล็กๆ ที่ใครคนนั้นทำให้กับครอบครัวของเรา
ทันทีที่ออกมาเราก็ไม่เห็นน้องคนนั้นอยู่แล้วล่ะ จึงเดินไปถามน้องที่เก็บตั๋วหนังอีกคนว่า น้องคนนั้นอยู่ไหน จึงรู้ว่าเขากำลังทำความสะอาดโรงหนังที่เราเพิ่งเดินออกมาเมื่อกี้อยู่ เราสี่คนจึงเดินกลับไปที่โรงเดิมและขอให้พนักงานอีกคนช่วยตามหาให้หน่อย เมื่อได้เจอหน้ากันอีกครั้ง เจ้าตัวเล็กก็ไหว้ขอบคุณพี่เขาพร้อมกับขอถ่ายรูปเก็บเอาไว้เป็นที่ระลึกสำหรับความประทับใจในวันนั้น
เคยได้ยินเรื่องราวแย่ๆ ประสบการณ์ไม่ดีหลายครั้งที่เกิดกับโรงหนังค่ายนี้ แต่ก็ได้เคยอ่านเรื่องราวดีๆ ไม่ใช่น้อย และไม่เคยคิดว่าวันหนึ่ง มันจะเกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา แม้มันจะเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย แต่ความประทับใจมันใหญ่มากค่ะ
ขอบคุณนะคะ “คุณพัฒน์” พนักงานเก็บตั๋วหน้าโรงหนังเมเจอร์ฯ ศาลายา รอบ 18.30 น. (แม้ไม่รู้ว่านี่คือชื่อของคุณจริงๆ หรือเปล่า เพราะดันลืมถามชื่อคุณตอนขอถ่ายรูป เลยต้องมาถามกับพนักงานอีกคนเพราะคุณเดินกลับเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ของคุณต่อ แล้วเราก็เกรงใจไม่กล้าไปเรียกคุณอีกเป็นรอบสอง)
ปล. แสบเล็กยืนตัวแข็งมาก เขินหรืออะไรคะลูกชาย ฮ่าๆๆ