หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"เจมี่ โอลิเวอร์" (Jamie Oliver) เชฟที่เป็นมากกว่าเชฟ

โพสท์โดย ขนมปังขิง

 

 

 

งาน TED* เมื่อปี 2010 เจมี่ โอลิเวอร์ (Jamie Oliver) เชฟชื่อดังระดับโลก กล่าวถึง
ข้อมูลที่น่าสนใจว่า  คดีอาชญากรรมซึ่งมักแย่งชิงพื้นที่หน้าหนึ่งของหนังสือ
พิมพ์ทุกฉบับของการรายงานข่าวทุกสำนัก แท้จริงแล้วเป็นสาเหตุอันดับท้ายๆ
ของการตายของชาวอเมริกัน

 

 

 

 

แต่สาเหตุแรกสุดกลับมีคนสนใจน้อยมาก นั่นคือเรื่องโรคภัยไข้เจ็บและสุขภาพที่ย่ำแย่ “ลูกหลานของคุณจะมีอายุขัยน้อยกว่าคุณ 10 ปี เนื่องมาจากอาหารที่คุณสร้างขึ้นรอบๆ ตัวพวกเขา

เจมี่ออกตัวว่าเขาไม่ใช่หมอ เขาเป็นเชฟ แต่เป็นเชฟที่มีประสบการณ์มากพอที่จะพูดเกี่ยวกับปัญหาการกินของเด็กๆ เมื่อปีที่แล้ว เจมี่เลือกเมืองฮันทิงตัน รัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เพื่อถ่ายทำรายการ Huntington’s Kitchen ของเขา ด้วยเหตุผลที่ว่า เมืองนี้เป็นเมืองที่ชาวเมืองมีสุขภาพโดยเฉลี่ยต่ำที่สุดและมีคนอ้วนมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกา เจมี่ได้เข้าไปทำงานร่วมกับพ่อครัวและแม่ครัวในโรงเรียนประถมทั่วเมืองเพื่อปรับปรุงอาหารในโรงเรียนให้มีคุณภาพดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยจุดประกายให้คุณครูและผู้ปกครองหันมาสอนให้เด็กๆ รู้จักอาหารและรู้จักวิธีทำอาหาร

จากการเข้าไปพูดคุยในโรงเรียนประถมหลายแห่ง เจมี่พบว่าเด็กๆ ชาวอเมริกันและยุโรปแทบไม่รู้จักอาหารที่ตัวเองกิน เมื่อหยิบมะเขือเทศขึ้นมาแล้วถามว่านี่คืออะไร เด็กๆ งงและตอบไม่ได้ เสียงเล็กๆ เสียงหนึ่งตอบว่าโปเตโต้” (potato)… มันฝรั่ง แต่พอหยิบมันฝรั่งกลับไม่มีใครรู้ว่าคืออะไร!

ถ้าเด็กไม่รู้จักอาหาร พวกเขาจะไม่มีวันกินมันเป็นอันขาด... เพราะฉะนั้นเราต้องสอนให้เด็กๆ รู้จักอาหารตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน” เบื้องหลังการถ่ายทำ เจมี่จะตามหาผู้ผลิตในท้องถิ่นที่สามารถป้อนวัตถุดิบที่สดใหม่ ตั้งศูนย์การสอนทำอาหารเพื่อให้คนในชุมชนเข้ามาเรียนรู้วิธีทำอาหาร เพราะวัฒนธรรมการทำอาหารเพื่อรับประทานกันในครอบครัวได้หายสาบสูญไปจากสังคมมานานกว่า 30 ปีแล้ว

สำหรับผม การทำอาหารเป็นเรื่องที่โรแมนติก คิดดูว่า ถ้าคนคนหนึ่งสอนคนอีกสามคนให้ทำกับข้าวเป็นสักหนึ่งอย่าง ช่วยกันนำสิ่งดีๆ ที่หายไปกลับคืนมา แล้วคนสามคนนี้ก็ไปสอนเพื่อนคนอื่นๆ อีกสามคน ทำอย่างนี้ไปอีก 25 ครั้ง ชาวอเมริกันก็จะหันมาทำอาหารรับประทานเองทั้งประเทศ นี่เป็นความคิดที่มีเสน่ห์จริงๆ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ มันทำให้เราตระหนักว่า ความพยายามของคนคนหนึ่งสร้างความแตกต่างให้เกิดขึ้นได้จริงๆ

เสียงปรบมือดังกึกก้องเมื่อเจมี่พูดจบ เพราะสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดจากความห่วงใยชีวิตและสุขภาพของชาวอเมริกันเท่านั้น แต่เขาพูดในฐานะสมาชิกคนหนึ่งของโลก ปัญหาสุขภาพไม่ใช่ปัญหาเล็กๆ หรือปัญหาของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาที่กำลังคุกคามโลกของเรา ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องที่ป้องกันได้และเราทุก
คนควรหันมาช่วยกัน เริ่มตั้งแต่บัดนี้ อาจเป็นเรื่องแปลกที่เจมี่ขึ้นเวที TED เพื่อพูดเรื่องนี้ให้คนอเมริกันฟัง เพราะเจมี่ไม่ใช่ชาวอเมริกันด้วยซ้ำไป

 

 

เจมี่ โอลิเวอร์ เป็นชื่อที่ใช้ในวงการบันเทิง ชื่อจริงของเขาคือ เจมส์ เทรเวอร์ โอลิเวอร์ (James Trevor Oliver) เกิดเมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 ที่เมืองเอสเส็กซ์ (Essex) ประเทศอังกฤษ พ่อแม่ของเจมี่เป็นเจ้าของผับแห่งหนึ่ง ทำให้เจมี่ได้ฝึกเข้าครัวตั้งแต่เด็ก เจมี่อ่านหนังสือออกช้ามาก เพราะเป็นโรคดิสเลกเซีย (Dyslexia - อาการการเรียนรู้บกพร่อง) เขาเรียนหนังสือในโรงเรียนปกติจนถึงอายุ 16 ปี จากนั้นเปลี่ยนไปเรียนที่ Westminster Catering College เพื่อเป็นเชฟ ซึ่งไม่ใช่เพียงต้องทำอาหารให้อร่อยเท่านั้น แต่ต้องออกแบบเมนูและรู้จักวิธีควบคุมต้นทุนการทำอาหารทั้งหมดด้วย เจมี่เริ่มงานครั้งแรกเป็นพาสท์รี่เชฟ (Pastry Chef – เชฟของหวาน) ที่ภัตตาคาร Antonio Carluccio’s Neal Yard และได้เรียนวิชาทำอาหารอิตาเลียนเพิ่มเติมจากที่นี่ หลังจากนั้นจึงย้ายไปเป็นซูเชฟ (Sous Chef - รองหัวหน้าเชฟ) ที่ River Caf ภัตตาคารเก่าแก่ริม
แม่น้ำเทมส์ในเมืองฟูแลม (Fulham)

หลังจากเจ้าหน้าที่ของสถานีโทรทัศน์ BBC เห็นเจมี่เมื่อตอนไปถ่ายทำรายการที่ริเวอร์คาเฟ่ในปี 1999 เจมี่ก็ได้รับการทาบทามให้เป็นผู้ดำเนินรายการ The Naked Chef ซึ่งกลายเป็นรายการทำอาหารที่โด่งดังมาก และช่วยให้เขาแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว เจมี่เขียนหนังสือเกี่ยวกับอาหารหลายเล่ม ทุกเล่มติดอันดับขายดี ส่วน
เว็บไซต์ของเขาก็มีเมนูที่น่าสนใจมากมาย คลิกเข้าไปอ่านได้ที่ www.jamieoliver.com อย่างไรก็ดี เจมี่ไม่ได้เป็นแค่เชฟที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เขายังพยายามตอบแทนสังคมด้วย เช่น เมื่อปี 2002 เขาได้ก่อตั้ง Fifteen Foundation โดยใช้เงินจากการจำนองบ้านของตัวเอง มูลนิธิแห่งนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือเยาวชนที่อยากเป็นเชฟ แต่ไม่มีโอกาส

นักเรียนกลุ่มแรกของเจมี่เป็นเยาวชน 15 คนที่มีภูมิหลังไม่ดีนัก เช่น มีคดีความติดตัว เคยผ่านชีวิตในห้องขังหรือมีประวัติการใช้ยาเสพติด เจมี่เปิดภัตตาคาร Fifteen เพื่อเป็นสถานที่ฝึกสอนหนุ่มสาวเหล่านี้ให้รู้จักวิธีการทำอาหารและวิธีดำเนินกิจการร้านอาหาร ความสำเร็จของโครงการทำให้ Fifteen เปิดขึ้นอีกหลายสาขาทั่วโลก ด้วยผลงานอันน่าชื่นชมส่งผลให้เจมี่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้น MBE (Member of British Empire) เมื่อปี 2003

ในปี 2005 เจมี่ได้เริ่มโครงการ Feed me Better เพื่อกระตุ้นให้โรงเรียนประถมทั่วสหราชอาณาจักรสอนวิธีกินที่ดีต่อสุขภาพและลดการกินอาหารจั๊งค์ฟู้ด โครงการนี้สามารถส่งผลในระดับประเทศ รัฐบาลอังกฤษออกปฏิญญาในการดูแลเรื่องสารอาหารที่ประชาชนควรได้รับเป็นครั้งแรก ในปี 2008 เจมี่ยังเดินหน้าต่อด้วยการทำรายการ Jamie’s Ministry of Food ซึ่งเขาได้เดินทางไปสอนชาวเมืองรอทเทอร์แฮม มณฑลยอร์กเชียร์ประเทศอังกฤษ ให้รู้จักวิธีปรุงอาหาร เมนูสุขภาพ ต่อเนื่องมาจนถึงการทำรายการที่เมืองฮันทิงตัน สหรัฐอเมริกา ในปี 2009

เจมี่แต่งงานกับ จูเลียต จูลส์ นอร์ตัน (Juliette Jools Norton) อดีตนางแบบ และเป็นคุณพ่อของลูกๆ สี่คน

 

 

อันที่จริง อาหารของเจมี่ไม่ใช่อาหารเลิศหรูที่ทำจากวัตถุดิบราคาแพงหรือมีขั้นตอนยุ่งยาก แต่อาหารของเขาพิเศษด้วยการใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่มีอยู่แล้วในท้องถิ่นและหมุนเวียนไปตามฤดูกาล เขาใช้เครื่องปรุงรสเท่าที่จำเป็น ส่วนใหญ่จะเป็นการดึงรสชาติด้วยน้ำมันมะกอก เกลือ หรือพริกไทยเพียงเล็กน้อย แต่สิ่งสำคัญที่เจมี่ไม่เคยลืมเหยาะลงไปในอาหารทุกจานคือ ความใส่ใจ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำตามได้ เริ่มจากอาหารมื้อถัดไป

 

*TED (Technology Entertainment and Design) เป็น NGO ที่มุ่งหวังเผยแพร่ความคิดดีๆ ไปทั่วโลก แต่ละปี TED จะจัดการประชุมใหญ่ให้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกได้ขึ้นเวที เพื่อพูดถึงความคิดที่เขาอยากเผยแพร่ (คล้ายกับการเดี่ยวไมโครโฟน) เจมี่ โอลิเวอร์ เป็นผู้ชนะประจำปี 2010

 

 

 

 

 

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ขนมปังขิง's profile


โพสท์โดย: ขนมปังขิง
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่งเจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลกไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !อาเซียนเนื้อหอม! เจาะเหตุผลทำไม บังกลาเทศ-ปาปัวนิวกินี-ฟิจิ อยากเข้าใกล้ครอบครัวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อเขมรไม่มีคิดหยุด แต่คิดว่าจะรบไทยให้ชนะด้วย F-35 ได้อย่างไรในอนาคตสถิติหวย ย้อนหลัง 10 ปี เลขท้าย 2 ตัว งวด 30 ธันวาคมบุกจับแล้ว 4 เมียนมา ยึดโดรน 10 ลำมูลค่า 7.5 ล้าน บินป่วนสุวรรณภูมิกัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุมสอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย
ตั้งกระทู้ใหม่